I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 60

ตอนที่ 60

หลังจากเหตุการณ์จับมือแบบคู่รักผ่านไป วันอื่นๆหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ทำแบบนั้นอีก แต่แน่นอนว่ามันได้ทิ้งผลกระทบต่อชั้นเรียนไว้มากมาย

 

ถึงแม้ว่าคนอื่นๆจะเริ่มรู้จักผมมากขึ้นหลังจากที่ผมรับหน้าที่เป็นคณะกรรมการของงานวัฒนธรรมโรงเรียน แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังเป็นคนที่ไม่ได้โดดเด่นในชั้นเรียนอยู่ดีเมื่อนำไปเทียบกับอามามิซังหรืออุมิที่เป็นศูนย์กลางของห้อง

 

และแม้ว่าอามามิซังจะรู้เรื่องของพวกเราอยู่แล้วก็ตาม แต่เธอก็สามารถปิดบังเรื่องราวของพวกเราจากคนอื่นๆในชั้นเรียนได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนอื่นๆในชั้นเรียนต่างแสดงความแปลกใจเมื่อได้เห็นผมกับอุมิมาโรงเรียนพร้อมกันแบบสนิทสนมตอนต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

โดยในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งผมและอุมิต่างก็ต้องคอยตอบคำถามจากคนอื่นๆอยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากเมื่อผมต้องคุยกับคนที่ไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยสักครั้ง…พวกเขาเอาแต่ถามว่า ผมใช้วิธีอะไรในการเอาชนะใจอาซานางิ อุมิ ทั้งๆที่อุมิเอาแต่ปฏิเสธคนอื่นๆที่มาสารภาพรักกับเธอมาโดยตลอด

 

ความสัมพันธ์ที่พวกเราเก็บเป็นความลับมาโดยตลอดก็ถูกเปิดเผยให้กับทุกคนในชั้นเรียนในลักษณะนี้ และผมกับอุมิเองก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยในเรื่องนี้…แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยจริงๆ

 

ว่าก็ว่าเถอะ…ขนาดตัวผมเองยังรู้สึกไม่อยากที่จะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้นเลย…แต่ก็ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกันที่ทำให้ความสัมพันธ์ที่กระอักกระอวนระหว่างอุมิกับอามามิซังได้หายไปด้วยล่ะนะ

 

“อุมิ~! กลับบ้านด้วยกันเถอะ~!”

 

“โอ๊ะ…นะ-นี่ยู ฉันเคยบอกแล้วนะว่าอย่าก็เข้ามากอดจากด้านหลังแบบนี้”

 

“เอเฮะเฮะ ขอโทษค่า~”

 

“แล้วก็เลิกขอโทษทั้งๆที่กำลังยิ้มแบบนั้นด้วย…”

 

เมื่อผมมองไปในแนวทแยงก็จะเห็นอุมิกับอามามิที่กำลังคุยเล่นกันอยู่เหมือนปกติ…ไม่สิ ดูจะสนุกมากกว่าปกติอยู่นะ

 

อามามิซังกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่กับอุมิที่กำลังยิ้มรับอามามิซังด้วยท่าทางอ่อนโยน

 

แน่นอนว่าถึงจะไม่มีเรื่องราวในครั้งนี้ มันก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งสองคนดีขึ้น แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยเท่านั้นเอง

 

แต่ไม่ว่ายังไง…สำหรับผมแล้ว การที่พวกเธอสามารถหันหน้าเข้าหากันด้วยท่าทางสบายใจแบบนี้ได้…แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

 

“เออนี่ อุมิ วันนี้เธอต้องไปทำอะไรหรือเปล่า? หรือว่าติดธุระที่บ้านอีกแล้ว?”

 

“เอ๊ะ? อะ อา อืม—”

 

ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาหลังเลิกเรียนของวันศุกร์…ดูเหมือนว่าเราจะรอดตายจากสัปดาห์ที่แสนวุ่นวายนี้มาได้…แต่เรื่องทุกอย่างมันก็เริ่มต้นมาจากการจับมือแบบคู่รักของพวกเราเมื่อตอนต้นสัปดาห์ล่ะนะ

 

—ฉันรักนาย

 

แล้วนอกจากนี้ วันนี้ก็ยังเป็นวันศุกร์แรกนับตั้งแต่ที่อุมิสารภาพรักกับผมด้วย…แต่เรื่องที่ผมสนใจจริงๆนะ…

 

ก็คือเรื่องที่พวกเราสัญญากันไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน…ว่าพวกเราจะมาเล่นด้วยกันอีก

 

“นั่นสิน้า ถึงเมื่อก่อนฉันจะเคยบอกแบบนั้นก็จริง…แต่ว่าวันนี้ต้องขอโทษจริงๆนะยู วันนี้ฉันไปเที่ยวกับเธอไม่ได้จริงๆ พอดีฉันมีนัดกับ「เพื่อน」อีกคนไว้แล้วน่ะ”

 

“เพื่อนงั้นเหรอ?…เห~ นั่นสิน้า แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันจะไม่ไปกับอุมิสักหน่อยนี่ จริงไหม?…แล้วอีกอย่างฉันเองก็อยากเจอคนๆนั้นเหมือนกันนะ”

 

“อ๊ะ! ต้องขอโทษจริงๆนะ พอดีหมอนั่นเป็นพวกไม่ชอบเข้าสังคมน่ะ ถ้ายูไปด้วยหมอนั่นจะประหม่าซะเปล่าๆ แล้วอีกอย่างฉันก็สัญญาว่าจะไปเที่ยวเล่นกับหมอนั่นกันแค่สองคนซะด้วยสิ”

 

“อย่างนั้นเหรอ? น่าเสียดายจังเลยน้า~”

 

ดูเหมือนอามามิซังจะจงใจพูดแบบนั้น…แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่ทำเป็นไม่สนใจ เวลาที่อามามิซังแอบขยิบตามาให้…

 

“ขอโทษนะยู เอาไว้ฉันจะชดเชยให้ตอนวันเสาร์อาทิตย์นะ”

 

“อืมม อุมิไม่ต้องกังวลหรอก เอาเป็นว่าวันนี้เธอไปสนุกกับคนๆนั้นให้เต็มที่ก็พอ”

 

“อือ ก็ตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้ว”

 

ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในห้องเรียน อุมิที่แยกตัวออกมาจากอามามิซังก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาผม

 

“…ขอโทษที่ให้รอนะ มาเอะฮาระ”

 

“อาซานางิ…พูดแบบนั้นตอนนี้จะดีเหรอ?”

 

แน่นอนว่าสายตาของเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆต่างจับจ้องมาที่พวกเรา

 

“อือ ก็เพราะเราเป็น「เพื่อน」กันใช่ไหมล่ะ? แล้วการที่เพื่อนกลับบ้านด้วยกันมันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรอ?”

 

“อา…นั่นสินะ”

 

มันก็จริงๆที่ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว…แต่เปิดเผยขนาดนี้มันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมนะ?

 

“…ถ้างั้นกลับกันเลยไหม?”

 

“อือ กลับกันเถอะ”

 

—อ๊าก! ทำไมต้องเป็นมาเอะฮาระ ทำไมถึงไม่เป็นโผมมม!

—ปาฏิหาริย์มีจริงๆด้วยสินะ….

—แล้วหลังจากนี้สองคนนั้นจะไปทำอะไรกันนะ?…

—หยุดเลย นินาจิ ห้ามแอบตามไปนะ ยอมแพ้ซะแล้วมาเล่นกับฉันซะดีๆเถอะนะ

—อ๋า~~ ก็ฉันอยากรู้นี่นาว่าสองคนนั้นจะคุยเรื่องอะไรกัน…

 

ผมกับอุมิรีบออกมาจากห้องเรียนโดยทิ้งเพื่อนคนอื่นๆในชั้นที่มองพวกเราต้วยความอิจฉาไว้เบื้องหลัง แล้วรีบตรงกลับไปที่บ้านของผมทันที

 

“นี่อาซานางิ”

 

“หืม?”

 

“ดูเหมือนมือจะว่างๆนะ จริงไหม?”

 

“…ตาบ้านี่”

 

ถึงเธอจะพูดแบบนั้น แต่สุดท้ายพวกเราก็จับมือกันไปจนถึงบ้านของผม

 

ส่วนการจับมือแบบคู่รัก…มันต้องมีสักวันล่ะน่า….

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

 

ปาร์ตี้ฉลองให้กับความเหนื่อยล้ามาตลอดสัปดาห์เริ่มด้วยการสั่งพิซซ่า ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ และออเนียนริง(หอมทอด) จากร้านนประจำ และแน่นอน…สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ…โค๊ก

 

“ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยนะอุมิ”

(TL:お疲れ เอาจริงๆคำนี้แปลไทยนี่หาคำเหมาะๆยากสุดในเรื่องแล้วมั้งครับ ตั้งแต่แปลมา)

 

“อือ เป็นสัปดาห์ที่เหนื่อยจนเกือบตายเลยล่ะ เหนื่อยจนไม่เหลือแรงไปเรียนตอนสัปดาห์หน้าแล้วเนี่ย…ฉันอยากพัก~”

 

“จริงๆสถานการณ์แบบนี้…บางที่คงต้องงัดเทคนิคลับนั่นมาใช้แล้วสินะ”

 

“เทคนิคลับ…หรือว่า…”

 

“วิชาแกล้งป่วย!!”

(TL: 仮病の術 เคเบียว โนะ จุซซึ ใครคิดชือวิชาเท่ๆได้ ก็พิมพ์บอกไว้ได้นะครับ)

 

พวกเราทั้งสองคนต่างพูดออกมาพร้อมกัน

 

“ฟุฟุ แต่ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้แหละนะ จำได้ว่าเคยแอบแช่น้ำเย็นในอ่างเพื่อให้ไม่สบายด้วย…ตอนนั้นแม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยล่ะ”

 

“แล้วหลังจากนั้นก็ดันไม่เป็นหวัดด้วยนะ สงสัยว่าร่างกายจะปรับตัวได้ซะก่อน”

 

“แย่เลยนะ”

 

ผมกับอุมิต่างคุยกันเรื่องไร้สาระพร้อมๆกับยกแก้วโค๊กขึ้นดื่มไปด้วย

 

ในช่วงเวลาแบบนี้ โค๊กมันทั้งหวานแล้วก็เย็นชื่นใจ…ผมคิดว่าในอนาคตในตอนที่เราโตเป็นผู้ใหญ่ บางทีมันอาจจะถูกแทนที่ด้วยเบียร์ก็ได้…แต่สำหรับตอนนี้ที่เรายังเป็นนักเรียนอยู่…โค๊กนี่แหละดีที่สุดแล้ว

 

“…เอ่อนี่ อุมิ”

 

“หืม?”

 

“…เกี่ยวกับเรื่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”

 

“เอ๊ะ…อะ อา เรื่องนั้นสินะ เรื่องนั้น อืม..ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจอยู่แล้วล่ะ”

 

ผมพูดพร้อมกับตัดพิซซ่าไซส์ L ออกมาครึ่งนึง

 

ผมกล่าวเข้าเรื่องทันที่ เพราะในตอนนี้พวกเราทั้งคู่ต่างยืนยันความรู้สึกของกันและกันแล้ว…แต่ทั้งผมและอุมิต่างไม่มีใครยอมพูดถึงสิ่งที่เราต้องการจะทำกับความสัมพันธ์ของเราในอนาคตออกมาก่อนเลย

 

อุมิบอกว่าให้พวกเราค่อยเป็นค่อยไป…แต่ว่าเราควรจะทำตัวในแบบ「เพื่อน」หรือว่าจะแทนที่คำว่า「เพื่อน」ด้วยคำว่า「คนรัก」จะดีกว่าหรือเปล่านะ?

 

“อุมิ ฉันอยากจะถามเธอหน่อย…เกี่ยวกับคำสารภาพในตอนนั้น…มันเป็นเพราะอารมณ์พาไปใช่ไหม?”

 

“อุ…”

 

อุมิตัวแข็งทื่อ มันฝรั่งทอดที่เธอถืออยู่ก็หลุดจากมือ…แย่งซีนชะมัด

 

“อา ไม่ใช่ว่าจะต่อว่าหรืออะไรหรอกนะ แต่ว่าตัวผมเองในตอนนั้นก็รู้สึกแบบนั้นล่ะนะ ก็เลยคิดว่าบางทีอุมิก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน”

 

“อา…ก็ประมาณนั้น…”

 

โฮ่~ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าอกด้วยความโล่งใจ และประโยคต่อมาของอุมิก็ยิ่งทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นไปอีก

 

“…อืม พูดตามตรงเลยว่าตอนนั้นตัวฉันเองก็รู้สึกประหม่าอยู่นิดหน่อย…อา บางที่มันอาจจะเป็นอารมณ์พาไปจริงๆนั่นแหละ แต่แน่นอนว่ามันก็เป็นเพราะว่าฉันชอบมากิจริงๆใช่ไหมล่ะ? พอลองมองย้อนกลับไปตอนที่พวกเราไปเที่ยวอาร์เคดด้วยกันครั้งแรก ตอนที่มากิปฏิเสธไม่ยอมไปเที่ยวกับยู…เพราะมากิคอยให้ความสำคัญกับฉันเป็นคนแรกเสมอ และถึงแม้ว่ามากิจะเริ่มสนิทกับยู…เรื่องนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขมากเลยล่ะ และมันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ…และกว่าจะรู้ตัว…ฉันก็หลงรักมากิไปแล้ว”

 

บางทีมันอาจเป็นเพราะจิตใจของอุมิหวั่นไหวเนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นด้วยล่ะนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์กับอามามิซัง เรื่องการตัดสินใจของพวกเราที่บอกว่าจะไม่มาเที่ยวเล่นด้วยกันไปสักพัก พอรวมๆกันมันก็ส่งผลให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นในตอนที่ผมเดินไปส่งอุมิกลับบ้านในคืนนั้น

 

“ในตอนนั้น พอฉันนึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำลงไปขึ้นมาทีไร มันก็เหมือนมีไฟลุกขึ้นมาที่หน้าเลยล่ะ…แล้วฉันก็ใช้เวลาทั้งหมดในวันหยุดนอนดิ้นอยู่บนเตียงคนเดียว…โม่ ฉันนี่มันงี่เง่าจริงๆ”

 

“ผมโทรไปหาด้วยนะ แต่พออุมิเห็นว่าใครโทรมา เธอก็คงจะอุทานว่า「อุหว่า~!」ประมาณนั้นหรือเปล่านะ”

 

“ฮะๆ อือ เรื่องนั้นก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะมากิ พอฉันจะกดปุ่มรับทีไรก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทุกทีเลย”

 

และหลังจากที่อุมิได้ปรึกษากับอามามิซังแล้ว มันก็กลายมาเป็นแผนจับมือแบบคู่รักแบบในสัปดาห์ที่ผ่านมานี่แหละ

 

“นี่มากิ ฉันขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหม?”

 

“แน่นอน”

 

“มากิน่ะ…คือ…มากิอยากจะคบกับฉันไหม?”

 

“…อยากอยู่แล้วสิ”

 

“เป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ?”

 

“…อาจจะนะ”

 

หลังจากที่ผมมีเวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองอย่างใจเย็นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา…สุดท้ายผมก็ได้คำตอบ

 

ความสัมพันธ์ของผมกับอุมิเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน แต่ในตอนนี้ผมนั้นมองอุมิในฐานะของเพศตรงข้ามไปแล้ว ดังนั้นผมจึงค่อนข้างรู้สึกกังวลเกี่ยวกับท่าทางของอุมิที่แสดงออกมา เพราะผมไม่ต้องการให้คนอื่นที่ได้เห็นตัวจริงของอุมิมาแย่งเธอไปจากผม

 

เรื่องนั้นบางที…อาจเป็นเพราะว่าอุมิเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับผมก็ได้

 

“ฉันน่ะนะ…รู้สึกกลัวนิดหน่อยล่ะ”

 

“…หืม?”

 

ดูเหมือนบทสนทนาจะออกมาในรูปแบบที่คาดไม่ถึงเล็กน้อย

 

“ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

 

“อือ ฉันขอโทษจริงๆนะที่ทำตัวเป็นผู้หญิงเจ้าปัญหา…”

 

“…ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ ไม่ว่ายังไงผมก็พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ แล้วก้าวเดินไปพร้อมกับอุมิอยู่แล้ว”

 

“ขะ-ขอบคุณนะ…”

 

เรื่องที่อาซานางิเป็นคนแบบนี้น่ะ ผมเข้าใจดีอยู่แล้ว…

หลังจากเหตุการณ์จับมือแบบคู่รักผ่านไป วันอื่นๆหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ทำแบบนั้นอีก แต่แน่นอนว่ามันได้ทิ้งผลกระทบต่อชั้นเรียนไว้มากมาย

 

ถึงแม้ว่าคนอื่นๆจะเริ่มรู้จักผมมากขึ้นหลังจากที่ผมรับหน้าที่เป็นคณะกรรมการของงานวัฒนธรรมโรงเรียน แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังเป็นคนที่ไม่ได้โดดเด่นในชั้นเรียนอยู่ดีเมื่อนำไปเทียบกับอามามิซังหรืออุมิที่เป็นศูนย์กลางของห้อง

 

และแม้ว่าอามามิซังจะรู้เรื่องของพวกเราอยู่แล้วก็ตาม แต่เธอก็สามารถปิดบังเรื่องราวของพวกเราจากคนอื่นๆในชั้นเรียนได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนอื่นๆในชั้นเรียนต่างแสดงความแปลกใจเมื่อได้เห็นผมกับอุมิมาโรงเรียนพร้อมกันแบบสนิทสนมตอนต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

โดยในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งผมและอุมิต่างก็ต้องคอยตอบคำถามจากคนอื่นๆอยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากเมื่อผมต้องคุยกับคนที่ไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยสักครั้ง…พวกเขาเอาแต่ถามว่า ผมใช้วิธีอะไรในการเอาชนะใจอาซานางิ อุมิ ทั้งๆที่อุมิเอาแต่ปฏิเสธคนอื่นๆที่มาสารภาพรักกับเธอมาโดยตลอด

 

ความสัมพันธ์ที่พวกเราเก็บเป็นความลับมาโดยตลอดก็ถูกเปิดเผยให้กับทุกคนในชั้นเรียนในลักษณะนี้ และผมกับอุมิเองก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยในเรื่องนี้…แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยจริงๆ

 

ว่าก็ว่าเถอะ…ขนาดตัวผมเองยังรู้สึกไม่อยากที่จะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้นเลย…แต่ก็ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกันที่ทำให้ความสัมพันธ์ที่กระอักกระอวนระหว่างอุมิกับอามามิซังได้หายไปด้วยล่ะนะ

 

“อุมิ~! กลับบ้านด้วยกันเถอะ~!”

 

“โอ๊ะ…นะ-นี่ยู ฉันเคยบอกแล้วนะว่าอย่าก็เข้ามากอดจากด้านหลังแบบนี้”

 

“เอเฮะเฮะ ขอโทษค่า~”

 

“แล้วก็เลิกขอโทษทั้งๆที่กำลังยิ้มแบบนั้นด้วย…”

 

เมื่อผมมองไปในแนวทแยงก็จะเห็นอุมิกับอามามิที่กำลังคุยเล่นกันอยู่เหมือนปกติ…ไม่สิ ดูจะสนุกมากกว่าปกติอยู่นะ

 

อามามิซังกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่กับอุมิที่กำลังยิ้มรับอามามิซังด้วยท่าทางอ่อนโยน

 

แน่นอนว่าถึงจะไม่มีเรื่องราวในครั้งนี้ มันก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งสองคนดีขึ้น แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยเท่านั้นเอง

 

แต่ไม่ว่ายังไง…สำหรับผมแล้ว การที่พวกเธอสามารถหันหน้าเข้าหากันด้วยท่าทางสบายใจแบบนี้ได้…แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

 

“เออนี่ อุมิ วันนี้เธอต้องไปทำอะไรหรือเปล่า? หรือว่าติดธุระที่บ้านอีกแล้ว?”

 

“เอ๊ะ? อะ อา อืม—”

 

ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาหลังเลิกเรียนของวันศุกร์…ดูเหมือนว่าเราจะรอดตายจากสัปดาห์ที่แสนวุ่นวายนี้มาได้…แต่เรื่องทุกอย่างมันก็เริ่มต้นมาจากการจับมือแบบคู่รักของพวกเราเมื่อตอนต้นสัปดาห์ล่ะนะ

 

—ฉันรักนาย

 

แล้วนอกจากนี้ วันนี้ก็ยังเป็นวันศุกร์แรกนับตั้งแต่ที่อุมิสารภาพรักกับผมด้วย…แต่เรื่องที่ผมสนใจจริงๆนะ…

 

ก็คือเรื่องที่พวกเราสัญญากันไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน…ว่าพวกเราจะมาเล่นด้วยกันอีก

 

“นั่นสิน้า ถึงเมื่อก่อนฉันจะเคยบอกแบบนั้นก็จริง…แต่ว่าวันนี้ต้องขอโทษจริงๆนะยู วันนี้ฉันไปเที่ยวกับเธอไม่ได้จริงๆ พอดีฉันมีนัดกับ「เพื่อน」อีกคนไว้แล้วน่ะ”

 

“เพื่อนงั้นเหรอ?…เห~ นั่นสิน้า แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันจะไม่ไปกับอุมิสักหน่อยนี่ จริงไหม?…แล้วอีกอย่างฉันเองก็อยากเจอคนๆนั้นเหมือนกันนะ”

 

“อ๊ะ! ต้องขอโทษจริงๆนะ พอดีหมอนั่นเป็นพวกไม่ชอบเข้าสังคมน่ะ ถ้ายูไปด้วยหมอนั่นจะประหม่าซะเปล่าๆ แล้วอีกอย่างฉันก็สัญญาว่าจะไปเที่ยวเล่นกับหมอนั่นกันแค่สองคนซะด้วยสิ”

 

“อย่างนั้นเหรอ? น่าเสียดายจังเลยน้า~”

 

ดูเหมือนอามามิซังจะจงใจพูดแบบนั้น…แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่ทำเป็นไม่สนใจ เวลาที่อามามิซังแอบขยิบตามาให้…

 

“ขอโทษนะยู เอาไว้ฉันจะชดเชยให้ตอนวันเสาร์อาทิตย์นะ”

 

“อืมม อุมิไม่ต้องกังวลหรอก เอาเป็นว่าวันนี้เธอไปสนุกกับคนๆนั้นให้เต็มที่ก็พอ”

 

“อือ ก็ตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้ว”

 

ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในห้องเรียน อุมิที่แยกตัวออกมาจากอามามิซังก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาผม

 

“…ขอโทษที่ให้รอนะ มาเอะฮาระ”

 

“อาซานางิ…พูดแบบนั้นตอนนี้จะดีเหรอ?”

 

แน่นอนว่าสายตาของเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆต่างจับจ้องมาที่พวกเรา

 

“อือ ก็เพราะเราเป็น「เพื่อน」กันใช่ไหมล่ะ? แล้วการที่เพื่อนกลับบ้านด้วยกันมันก็เรื่องปกติไม่ใช่หรอ?”

 

“อา…นั่นสินะ”

 

มันก็จริงๆที่ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว…แต่เปิดเผยขนาดนี้มันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมนะ?

 

“…ถ้างั้นกลับกันเลยไหม?”

 

“อือ กลับกันเถอะ”

 

—อ๊าก! ทำไมต้องเป็นมาเอะฮาระ ทำไมถึงไม่เป็นโผมมม!

—ปาฏิหาริย์มีจริงๆด้วยสินะ….

—แล้วหลังจากนี้สองคนนั้นจะไปทำอะไรกันนะ?…

—หยุดเลย นินาจิ ห้ามแอบตามไปนะ ยอมแพ้ซะแล้วมาเล่นกับฉันซะดีๆเถอะนะ

—อ๋า~~ ก็ฉันอยากรู้นี่นาว่าสองคนนั้นจะคุยเรื่องอะไรกัน…

 

ผมกับอุมิรีบออกมาจากห้องเรียนโดยทิ้งเพื่อนคนอื่นๆในชั้นที่มองพวกเราต้วยความอิจฉาไว้เบื้องหลัง แล้วรีบตรงกลับไปที่บ้านของผมทันที

 

“นี่อาซานางิ”

 

“หืม?”

 

“ดูเหมือนมือจะว่างๆนะ จริงไหม?”

 

“…ตาบ้านี่”

 

ถึงเธอจะพูดแบบนั้น แต่สุดท้ายพวกเราก็จับมือกันไปจนถึงบ้านของผม

 

ส่วนการจับมือแบบคู่รัก…มันต้องมีสักวันล่ะน่า….

 

☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

 

ปาร์ตี้ฉลองให้กับความเหนื่อยล้ามาตลอดสัปดาห์เริ่มด้วยการสั่งพิซซ่า ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ และออเนียนริง(หอมทอด) จากร้านนประจำ และแน่นอน…สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ…โค๊ก

 

“ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยนะอุมิ”

(TL:お疲れ เอาจริงๆคำนี้แปลไทยนี่หาคำเหมาะๆยากสุดในเรื่องแล้วมั้งครับ ตั้งแต่แปลมา)

 

“อือ เป็นสัปดาห์ที่เหนื่อยจนเกือบตายเลยล่ะ เหนื่อยจนไม่เหลือแรงไปเรียนตอนสัปดาห์หน้าแล้วเนี่ย…ฉันอยากพัก~”

 

“จริงๆสถานการณ์แบบนี้…บางที่คงต้องงัดเทคนิคลับนั่นมาใช้แล้วสินะ”

 

“เทคนิคลับ…หรือว่า…”

 

“วิชาแกล้งป่วย!!”

(TL: 仮病の術 เคเบียว โนะ จุซซึ ใครคิดชือวิชาเท่ๆได้ ก็พิมพ์บอกไว้ได้นะครับ)

 

พวกเราทั้งสองคนต่างพูดออกมาพร้อมกัน

 

“ฟุฟุ แต่ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้แหละนะ จำได้ว่าเคยแอบแช่น้ำเย็นในอ่างเพื่อให้ไม่สบายด้วย…ตอนนั้นแม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยล่ะ”

 

“แล้วหลังจากนั้นก็ดันไม่เป็นหวัดด้วยนะ สงสัยว่าร่างกายจะปรับตัวได้ซะก่อน”

 

“แย่เลยนะ”

 

ผมกับอุมิต่างคุยกันเรื่องไร้สาระพร้อมๆกับยกแก้วโค๊กขึ้นดื่มไปด้วย

 

ในช่วงเวลาแบบนี้ โค๊กมันทั้งหวานแล้วก็เย็นชื่นใจ…ผมคิดว่าในอนาคตในตอนที่เราโตเป็นผู้ใหญ่ บางทีมันอาจจะถูกแทนที่ด้วยเบียร์ก็ได้…แต่สำหรับตอนนี้ที่เรายังเป็นนักเรียนอยู่…โค๊กนี่แหละดีที่สุดแล้ว

 

“…เอ่อนี่ อุมิ”

 

“หืม?”

 

“…เกี่ยวกับเรื่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”

 

“เอ๊ะ…อะ อา เรื่องนั้นสินะ เรื่องนั้น อืม..ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจอยู่แล้วล่ะ”

 

ผมพูดพร้อมกับตัดพิซซ่าไซส์ L ออกมาครึ่งนึง

 

ผมกล่าวเข้าเรื่องทันที่ เพราะในตอนนี้พวกเราทั้งคู่ต่างยืนยันความรู้สึกของกันและกันแล้ว…แต่ทั้งผมและอุมิต่างไม่มีใครยอมพูดถึงสิ่งที่เราต้องการจะทำกับความสัมพันธ์ของเราในอนาคตออกมาก่อนเลย

 

อุมิบอกว่าให้พวกเราค่อยเป็นค่อยไป…แต่ว่าเราควรจะทำตัวในแบบ「เพื่อน」หรือว่าจะแทนที่คำว่า「เพื่อน」ด้วยคำว่า「คนรัก」จะดีกว่าหรือเปล่านะ?

 

“อุมิ ฉันอยากจะถามเธอหน่อย…เกี่ยวกับคำสารภาพในตอนนั้น…มันเป็นเพราะอารมณ์พาไปใช่ไหม?”

 

“อุ…”

 

อุมิตัวแข็งทื่อ มันฝรั่งทอดที่เธอถืออยู่ก็หลุดจากมือ…แย่งซีนชะมัด

 

“อา ไม่ใช่ว่าจะต่อว่าหรืออะไรหรอกนะ แต่ว่าตัวผมเองในตอนนั้นก็รู้สึกแบบนั้นล่ะนะ ก็เลยคิดว่าบางทีอุมิก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน”

 

“อา…ก็ประมาณนั้น…”

 

โฮ่~ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าอกด้วยความโล่งใจ และประโยคต่อมาของอุมิก็ยิ่งทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นไปอีก

 

“…อืม พูดตามตรงเลยว่าตอนนั้นตัวฉันเองก็รู้สึกประหม่าอยู่นิดหน่อย…อา บางที่มันอาจจะเป็นอารมณ์พาไปจริงๆนั่นแหละ แต่แน่นอนว่ามันก็เป็นเพราะว่าฉันชอบมากิจริงๆใช่ไหมล่ะ? พอลองมองย้อนกลับไปตอนที่พวกเราไปเที่ยวอาร์เคดด้วยกันครั้งแรก ตอนที่มากิปฏิเสธไม่ยอมไปเที่ยวกับยู…เพราะมากิคอยให้ความสำคัญกับฉันเป็นคนแรกเสมอ และถึงแม้ว่ามากิจะเริ่มสนิทกับยู…เรื่องนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขมากเลยล่ะ และมันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ…และกว่าจะรู้ตัว…ฉันก็หลงรักมากิไปแล้ว”

 

บางทีมันอาจเป็นเพราะจิตใจของอุมิหวั่นไหวเนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นด้วยล่ะนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์กับอามามิซัง เรื่องการตัดสินใจของพวกเราที่บอกว่าจะไม่มาเที่ยวเล่นด้วยกันไปสักพัก พอรวมๆกันมันก็ส่งผลให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นในตอนที่ผมเดินไปส่งอุมิกลับบ้านในคืนนั้น

 

“ในตอนนั้น พอฉันนึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำลงไปขึ้นมาทีไร มันก็เหมือนมีไฟลุกขึ้นมาที่หน้าเลยล่ะ…แล้วฉันก็ใช้เวลาทั้งหมดในวันหยุดนอนดิ้นอยู่บนเตียงคนเดียว…โม่ ฉันนี่มันงี่เง่าจริงๆ”

 

“ผมโทรไปหาด้วยนะ แต่พออุมิเห็นว่าใครโทรมา เธอก็คงจะอุทานว่า「อุหว่า~!」ประมาณนั้นหรือเปล่านะ”

 

“ฮะๆ อือ เรื่องนั้นก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะมากิ พอฉันจะกดปุ่มรับทีไรก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทุกทีเลย”

 

และหลังจากที่อุมิได้ปรึกษากับอามามิซังแล้ว มันก็กลายมาเป็นแผนจับมือแบบคู่รักแบบในสัปดาห์ที่ผ่านมานี่แหละ

 

“นี่มากิ ฉันขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหม?”

 

“แน่นอน”

 

“มากิน่ะ…คือ…มากิอยากจะคบกับฉันไหม?”

 

“…อยากอยู่แล้วสิ”

 

“เป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ?”

 

“…อาจจะนะ”

 

หลังจากที่ผมมีเวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองอย่างใจเย็นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา…สุดท้ายผมก็ได้คำตอบ

 

ความสัมพันธ์ของผมกับอุมิเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน แต่ในตอนนี้ผมนั้นมองอุมิในฐานะของเพศตรงข้ามไปแล้ว ดังนั้นผมจึงค่อนข้างรู้สึกกังวลเกี่ยวกับท่าทางของอุมิที่แสดงออกมา เพราะผมไม่ต้องการให้คนอื่นที่ได้เห็นตัวจริงของอุมิมาแย่งเธอไปจากผม

 

เรื่องนั้นบางที…อาจเป็นเพราะว่าอุมิเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับผมก็ได้

 

“ฉันน่ะนะ…รู้สึกกลัวนิดหน่อยล่ะ”

 

“…หืม?”

 

ดูเหมือนบทสนทนาจะออกมาในรูปแบบที่คาดไม่ถึงเล็กน้อย

 

“ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

 

“อือ ฉันขอโทษจริงๆนะที่ทำตัวเป็นผู้หญิงเจ้าปัญหา…”

 

“…ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ ไม่ว่ายังไงผมก็พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ แล้วก้าวเดินไปพร้อมกับอุมิอยู่แล้ว”

 

“ขะ-ขอบคุณนะ…”

 

เรื่องที่อาซานางิเป็นคนแบบนี้น่ะ ผมเข้าใจดีอยู่แล้ว…

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

Score 10
Status: Completed
ผมชื่อ มาเอะฮาระ มากิ คนที่ไม่เพื่อน หรือคนรู้จักในโรงเรียนม.ปลาย แต่ในที่สุดก็มีคนที่ผมสามารถออกไปเที่ยวด้วยกัน ภายนอกรั้วโรงเรียนด้วยได้ เธอคือเด็กสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ อะสะนางิซัง เด็กสาวที่พวกนักเรียนชายในชั้นเรียนต่างเรียกเธอว่า 'สาวน่ารักอันดับสองของชั้นเรียน'

Options

not work with dark mode
Reset