บทที่ 6 – ชื่อเล่น
หลังจากที่ได้เป็นเพื่อนกับอาซานางิซังแล้ว การไปโรงเรียนก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป แต่มันก็ยัง「อยู่ในระดับ」รู้สึกยุ่งยากอยู่ดี
โรงเรียนของเราช่วงเช้าคาบเรียนแรกจะเริ่มเวลาประมาณ 7:30 น. ดังนั้นผมจึงต้องตื่นเวลา 6:30 น.
ถึงผมจะไม่ใช่นักเรียนที่แย่ แต่ผมเป็นคนที่เกลียดการเรียน ถ้าเลือกได้ผมจะเลือกไม่เรียนโดยไม่ลังเล และบางครั้งผมก็เคยแอบอธิษฐานขอให้โรงเรียนปิดเนื่องจากเกิดการระเบิดโดยไม่ทราบสาเหตุ
น่าเสียดายที่วันนี้ทุกอย่างยังคงสงบสุข ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบังคับตัวเองให้ลุกจากเตียงและไปโรงเรียน
เวลาไปโรงเรียน ผมชอบที่จะไปตั้งแต่เช้า มันมีเหตุผลอยู่ว่าทำไมผมถึงเลือกมาโรงเรียนเวลานี้
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์”
ผมโค้งคำนับอาจารย์ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลหน้าประตูโรงเรียน ผมมุ่งหน้าไปห้องเรียนผ่านทางเดินที่มีนักเรียนอยู่ประปราย เวลาปัจจุบันคือ 7:15 น. ช่วงพีคที่นักเรียนส่วนใหญ่จะเข้าห้องเรียนคือ 5 นาทีก่อนเริ่มเรียน ผมจะเข้าห้องเรียนพร้อมกับคนอื่นๆในช่วงเวลานั้นก็ได้ แต่มันมีปัญหาอยู่นิดหน่อย
ยกตัวอย่างจากห้องอื่น
“อ๊ะ อรุณสวัสดิ์ วันนี้มาไวจัง ”
“ฉันต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเลยนะ พอดีว่าวันนี้ที่ชมรมมีซ้อมตอนเช้าน่ะ เพิ่งจะเสร็จเมื้อกี้เอง…”
“ฮะๆ อย่างที่คิดเลย พวกเธอนี่จริงจังกันสุดๆ”
ผมเดินผ่านพวกเขาไป คนพวกนั้นน่าจะไปคุยกันในห้องเรียน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาจึงตัดสินใจคุยกันที่หน้าประตูห้องเรียน
บางทีพวกเขาอาจจะเดินมาเจอกันที่หน้าห้องพอดี แล้วก็เลยแวะคุยกัน มันน่ารำคาญนะ โดยเฉพาะตอนที่ผมบอกให้พวกหลีกทางให้หน่อย แต่พวกเขาดันหันมาทำหน้าไม่พอใจ
ในช่วงพีคไทม์ พวกนักเรียนก็จะทำแบบนี้กันมากขึ้น และเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์พวกนี้ ผมจึงพยายามมาให้ถึงห้องเรียนก่อนประมาณ 10 นาทีก่อนที่จะถึงช่วงพีค
“โอ้ อรุณสวัสดิ์ ยูชิน~”
“อ๊ะ นีน่าจัง มอนิ่ง~”
…ดูเหมือนวันนี้ที่หน้าห้องเรียนของผมจะตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกัน
คนที่อยู่หน้าผมตอนนี้ก็คืออามามิซัง ส่วนอีกคนผมมั่นใจว่าเธอคือ「นิตตะซัง」ผมเห็นเธออยู่กับอามามิซังและอาซานางิซังบ่อยๆ
โดยปกติห้องเรียนจะมีประตูทางเข้าสองทาง ดังนั้นบางคนอาจจะบอกคุณว่า ‘ก็เดินไปเข้าอีกประตูนึงสิ’ แต่น่าเสียดาย ที่ห้องเรียนของผมตั้งอยู่สุดทางเดิน ดังนั้นมันจึงมีทางเข้าเพียงทางเดียว
ดังนั้น ถ้าผมต้องการที่จะเข้าห้องเรียน ผมต้องขอให้สองคนนั้นช่วยหลีกทางให้
“ยูชิน เมื่อคืนได้ดู ‘นั่น’ หรือเปล่า?”
“อืม~ ฉันดูถ่ายทอดสดตั้งแต่ตอนสี่ทุ่มเลยล่ะ ฮิมุโระคุง เท่สุดๆไปเลย~”
พวกเธอกำลังพูดถึงรายการทีวีเมื่อคืนนี้หรือป่าวนะ? บางทีอาจจะเป็นรายการเกี่ยวกับไอดอลชายอะไรประมาณนั้น ผมก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่
จะว่าไปช่วงสี่ทุ่มเมื่อวานนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่นะ? น่าจะกำลังควงปืนลูกซองไล่ยิงคน(ในเกม)อยู่ล่ะมั้ง
(TL: ショットガン = Shottogan จริงๆไม่อิงนิยาย)
เพราะเรื่องไอดอลชายที่พวกเธอคุยกันมันน่าสนใจ ผมจะยอมถอยให้ก่อนละกัน ดังนั้นผมเลยตัดสินใจที่จะไปเข้าห้องน้ำก่อนเพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมเคยทำแบบนี้มาก่อนแล้วมันได้ผล
หลังจากล้างมือในห้องน้ำและเล่นกับผมหน้าม้าของตัวเองอยู่สักพัก ผมก็มองไปที่ทางเข้าห้องเรียนอีกครั้ง
ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำค่อนข้างนานนะ น่าจะประมาณสัก 2-3 นาที
พวกเธอไม่ควรใช้เวลาเกิน 3 นาทีในการคุยเรื่องพวกนั้น ดังนั้นตอนนี้ผมควรที่จะสามารถเข้าไปในห้องเรียนได้แล้ว
“ฉันชอบเอดามุระจังมากกว่าฮิมุโระนะ ฮิมุโระน่ะมีออร่าแบบพวก ‘แบดบอย’น่ะ”
“อ๊ะ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ”
“สำหรับฮิมุโระคุง ไม่มีใครมาแทนที่ได้หรอกนะ~”
…ทำไมจำนวนคนถึงเพิ่มขึ้นล่ะ…
ผมลืมนึกถึงตัวแปรสำคัญ นั่นก็คืออามามิซังเป็นคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
หากมีอามามิซังอยู่ ไม่ว่าจะที่ไหนหรือเวลาใด วงสนทนาก็ก่อตัวขึ้นได้เสมอ
มันคงจะดีกว่าหากผมตัดสินใจขอทางเมื่อตอนที่พวกเธอมีเพียงแค่สองคน
“…ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
หากผมตัดสินใจเดินไปมาในห้องน้ำเพื่อรอเวลา อาจจะทำให้คนอื่นมองผมแบบแปลกๆได้ ผมเลยยอมแพ้และตัดสินใจเผชิญหน้ากับพวกเธอ
ก่อนที่ผมจะรู้ตัว จำนวนคนก็ได้เพิ่มขึ้นจากสามคนเป็นสี่คน ผมสงสัยจริง ทั้งๆที่พื้นที่หน้าประตูนั้นแคบเป็นอย่างมาก ทำไมพวกเธอถึงไม่ไปนั่งหรือยืนคุยสบายๆในห้องเรียนกันนะ
“เอ่อ…ขอทางหน่อยได้ไหมครับ?”
ผมเรียกพวกเธอ แต่เดาว่าพวกเธอคงไม่ได้ยิน อามามิซังและกลุ่มของเธอยังคงคุยกันต่อไป
แม้ว่าผมจะยืนอยู่ตรงหน้าพวกเธอ แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นผมเลย ตัวผมมันจืดจางขนาดนั้นเลยเรอะ!
หรือผมควรจะพูดเสียงดังใส่พวกเธอดี?
“เอ่อ….”
“อ๊ะ เหมือนว่าวันนี้จะมีการถ่ายทอดสดอีกครั้งตอนห้าทุ่มด้วยนะ!”
“เอ๊ะ จริงเหรอ เกือบพลาดแล้วไหมล่ะ~!”
ผมพยายามเรียกพวกเธออีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครได้ยินเสียงของผมอยู่ดี และแล้วจำนวนของพวกเธอก็เพิ่มขึ้นจากสี่เป็นห้าคน
…ผมเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย… หรือผมควรที่จะเดินผ่าไปกลางวงพร้อมกับพูดว่า ‘ขอรบกวนด้วยครับ’ ดีนะ
“ยู เธอรบกวนคนอื่นอยู่นะ!”
“อุเกะ!?”
(TL: จริงๆมันออกเสียงว่า โฮกก!! แต่พอมองว่าอามามิเป็นคนทำเสียง ผมรับไม่ได้จริงๆเลยขอเปลี่ยนหน่อยแล้วกันครับ ฮาฮา)
อย่างไรก็ตาม เมื่อผมกำลังจะเรียกพวกเธออีกครั้ง คนที่หกก็ฝ่าเข้ามากลางวงสนทนาและทำท่าคาราเต้ช๊อปลงบนหัวของอามามิซัง
คนๆนั้นก็คือ อาซานางิซัง
“นี่! พวกเธอเข้าไปคุยกันในห้องได้แล้ว ฉันอยากไปห้องน้ำแต่ไปไม่ได้ พวกเธอไม่รู้หรือไงว่ากำลังขวางทางคนอื่นอยู่น่ะ”
“จริงด้วย…ขอโทษนะอุมิ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนี้ก็หลีกทางได้แล้ว”
“เดี๋ยวก่อนอุมิ ฉันไปด้วยคะ…อุเกะ!”
“เธอพึ่งจะไปมาไม่ใช่รึไง กลับไปนั่งเงียบๆรอฉันที่โต๊ะซะดีๆ”
“มู~~ ก็ได้”
เมื่ออามามิซังเดินกลับไปที่โต๊ะของเธอ วงสนทนาก็เคลื่อนตามเธอไปเหมือนกับฝูงปลา เอาล่ะ ตอนนี้ผมก็สามารถเข้าไปในห้องเรียนได้ซักที
“…”
ทันใดนั้นผมก็ได้สบตากับอาซานางิซังที่กำลังเดินออกจากห้องเรียน
เพื่อเก็บความลับเรื่องความสัมพันธ์ของเราจากคนอื่นๆ โดยปกติเราจะทำเป็นไม่รู้จักกันที่โรงเรียน อย่างมากเราก็แค่โค้งให้กันเล็กน้อยขณะเดินผ่าน แต่ว่าคราวนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เห็นได้ชัดว่าอาซานางิซังนั้นเป็นคนเข้ามาช่วยผมไว้ ผมคงจะรู้สึกผิดถ้าผมทำเป็นเพิกเฉยและยังปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับเป็นคนแปลกหน้า
“ขอบคุณนะ อาซานางิซัง อรุณสวัสดิ์”
“อืม อรุณสวัสดิ์ มาเอะฮาระ”
เรากล่าวทักทายกันด้วยเสียงเบาๆ เพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆสังเกตเห็น
ทันใดนั้นก็มีข้อความส่งมาจากอาซานางิซัง
[ อาซานางิซัง ] : นี่ๆ มันรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ นายไม่ต้องเรียกกันแบบสุภาพก็ได้นะ
[ มาเอฮาระ ] : งั้นเอาเป็น อาซานางิ
[ อาซานางิซัง ] : เรียกว่าอุมิดีไหม?
[ มาเอฮาระ ] : อาซานางิ
[ อาซานางิซัง ] : ล้อเล่นน่ะ แต่เอาจริงๆ นายอยากเรียกฉันแบบไหนก็ได้ตามใจนายเลย
ถึงเธอจะพูดว่าล้อเล่น แต่ผมเองก็แอบคิดขึ้นมากับตัวเอง มันจะมีโอกาสไหมนะที่ผมจะสามารถเรียกชื่อเธอได้ตอนที่อยู่ที่โรงเรียน
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. วันนี้งานค่อนข้างเยอะครับ เลยมาซะเลทเลย
ปล2. วันนี้อาจจะได้อีกตอน แต่ไม่ต้องรอก็ได้ครับ
แล้วก็ขอฝาก Durimtok Channel | Facebook ไว้ด้วยครับผม