ถึงพวกเราบอกจะกับอามามิซังว่าจะให้พวกเราทำอะไรก็ได้
เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่เราผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับเธอ…และที่สำคัญที่สุดก็คือ…ผมไม่อยากที่จะสูญเสียเวลาอันมีค่าที่จะได้อยู่กับอุมิไป
แต่ว่า…เรื่องแบบนี้มัน…
“……”
“……”
ตั้งแต่ที่พวกเราเดินออกจากบ้านมา ผมกับอุมิยังได้คุยอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว
นั่นเป็นเพราะทั้งผมและอุมิต่างก็เขินอายเกินกว่าที่จะพูดคุยกันได้
“…นี่มากิ มือนายเหงื่อออกเยอะเกินไปหรือเปล่า?”
“…ธะ-เธอเองก็เหมือนกันนั่นแหละน่า”
“ก็มันชะ-ช่วยไม่ได้นี่นา ก็นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำอะไรแบบนี้นี่”
ในตอนนี้พวกเรากำลังจับมือกันอยู่ในขณะที่กำลังเดินไปตามถนนที่นำทางไปที่โรงเรียน…แต่สิ่งที่ทำให้มันดูกระอักกระอวนแบบนี้ก็คือ…ในตอนนี้พวกเรากำลังเดินจับมือกันในแบบที่เรียกว่า「การจับมือแบบคู่รัก」อยู่นะสิ!
‘พวกนั้นทำอะไรแบบนั้นกันตั้งแต่เช้าเนี่ย?’
‘นั่นพวกปีหนึ่งใช่ไหม? ฝ่ายหญิงก็ดูน่ารักดีอยู่…แต่ฝ่ายชายนี่สิ…ไม่ดูน่าเบื่อเกินไปหน่อยรึไง?…หรือจะโดนเกมลงทัณฑ์อะไรพวกนั้นหรือเปล่า?’
เนื่องจากเวลานี้คือช่วงที่พีคที่สุดในการเดินทางมาโรงเรียน ทำให้ตลอดทางที่เรากำลังเดินอยู่นั้นมีนักเรียนคนอื่นอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นจึงทำให้มีเสียงซุบซิบถึงพวกเราอยู่มากมาย…และดูเหมือนว่า 10% จะเป็นความอิจฉา ส่วนอีก 90% ที่เหลือจะเป็นความริษยาในตัวผม
ผมเองก็อยากจะพูดต่อว่าอะไรพวกนั้นไปสักคำเหมือนกัน…แต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถที่จะทำอะไรแบบนั้นได้
ในหัวของผมตอนนี้คิดแค่เพียงว่า…ต้องรีบจบ「ภารกิจ」อันสุดแสนสร้างสรรค์ของอามามิซังที่มอบให้เราให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อุมิ…รู้รึเปล่าว่าตอนนี้อามามิซังอยู่ที่ไหน?”
“ข้างหลังเราประมาณสิบเมตร…เธอแอบอยู่หลังเสาไฟและกำลังยิ้มอยู่คนเดียว”
“…ดูเหมือนอามามิซังกำลังสนุกนะ”
เพื่อชดเชยที่พวกเราผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับอามามิซัง เธอให้เงื่อนไขมาหนึ่งข้อ
นั่นก็คือ.. 「ให้พวกเราเดินไปโรงเรียนด้วยกันโดยให้จับมือกันแบบคู่รักจนกว่าจะไปถึงห้องเรียน」
นั่นคือเงื่อนไขเพียงข้อเดียวที่อามามิซังให้เรามา แล้วหลังจากที่พวกเราเข้าไปในห้องเรียนแล้วพวกเราก็สามารถทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปยอมรับว่าพวกเรากำลังคบกันอยู่กับคนอื่นๆในชั้นเรียนด้วย
แต่ว่านะ…ถ้าพวกเราเดินเข้าไปในห้องเรียนพร้อมกันแล้วยังจับมือกันแบบคู่รักกันอยู่ด้วย…ไม่ว่าพวกเราจะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม…มันก็เหมือนการประกาศกลายๆว่าผมกับอุมิมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันอยู่ใช่ไหมล่ะ
“แล้วยิ่งกว่านั้นเหมือนว่าจะมีข่าวลือว่าผมกำลังคบอยู่กับอามามิซังอยู่ด้วยล่ะ…พวกผู้ชายในห้องพากันมองผมด้วยสายตาแปลกๆมาตั้งแต่ตอนจบงานวัฒนธรรมโรงเรียนแล้วนะ…โดยเฉพาะเซกิคุง”
“ฉันเองก็โดนนีน่ากับคนอื่นๆถามถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ในเมื่อมันเป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าปล่อยไปสักพักเดี๋ยวพวกนั้นก็ลืมกันเองนั่นแหละ”
ผมเองก็ไม่รู้ที่มาของข่าวลือว่ามันเริ่มมาจากที่ไหน แต่ดูเหมือนข่าวลือจะเริ่มแพร่กระจายไปในชั้นเรียนในช่วงระหว่างการเตรียมงานกิจกรรมโรงเรียน และเนื่องจากผมเป็นคนที่ไม่มีเพื่อน ดังนั้นผมจึงพึ่งจะได้ยินเรื่องนี้มาเมื่อไม่นานมานี้เอง
เมื่อผมลองมองย้อนกลับไป มันก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่พวกคนอื่นๆจะเข้าใจผิด…ในตอนนั้นอามามิซังนอกจากจะประกาศว่าผมเป็นเพื่อนของเธอ และยังบอกว่าผมมีเบอร์ติดต่อส่วนตัวเองเธอด้วย และยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะผมอยู่ด้วยกันกับอามามิซังในช่วงงานโรงเรียนบ่อยๆ ดังนั้นผมแน่ใจว่าคงมีบางคนต้องเข้าใจพวกเราแบบผิดๆแน่นอนอยู่แล้วล่ะนะ
ความจริงแล้วไม่ใช่อามามิซังหรอกที่สนิทกับผม แต่เป็นเด็กสาวอีกคนที่อยู่ข้างๆเธอต่างหาก
แน่นอนว่าอามามิซังนั้นมีเสน่ห์ และบางทีเสน่ห์ของเธออาจจะมากกว่าอุมิด้วยซ้ำ แต่สำหรับผม…อามามิซังไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า「เพื่อนของเพื่อน」
ถึงเรื่องนี้จะไม่เป็นความจริง แต่เมื่อผมกับอุมินำเรื่องนี้ไปบอกกับอามามิซัง ก็ดูเหมือนว่าเธออยากจะกำจัดข่าวลือนี้ออกไป และในท้ายที่สุดมันก็กลายมาเป็นแผนการ「เดินไปโรงเรียนด้วยกันโดยให้จับมือกันแบบคู่รัก」แบบในตอนนี้นั่นเอง
แม้ว่าผมจะไม่เห็นเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆในหมู่นักเรียนที่เดินอยู่รอบๆ แต่บางทีก็อาจจะมีบางคงกำลังแอบมองดูอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้ และเมื่อผมเผลอหันกลับไปมองอามามิซังโดยไม่ตั้งใจ…และโดยที่พวกเราไม่ทันรู้ตัว…ในตอนนี้ข้างๆของอามามิซังก็ดันมีนีน่าซังกำลังยืนยิ้มอยู่ปรากฏตัวขึ้นมา
ดูเหมือนว่าอามามิซังกำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหยุดไม่ให้นีน่าซังถ่ายรูปพวกเราเอาไว้ แต่เนื่องจากพวกเราถูกพบโดยนีน่าซัง และนอกจากนี้นีน่าซังยังเป็นพวกที่คลั่งไคล้เรื่องซุบซิบเกี่ยวกับความรักอย่างหนัก มันคงจะเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะที่จะไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับพวกเรา
“…ฉันจะไปจัดการกับนีน่าทีหลังเอง…หึหึหึ…จะลงโทษแบบไหนดีนะ…”
“เอ่อ…อุมิซัง อย่ารุนแรงนักล่ะ…”
ในขณะที่ผมกำลังพยายามทำให้อุมิที่กำลังพึมพัมเรื่องน่ากลัวๆออกมาให้สงบลง พวกเราก็เดินผ่านประตูโรงเรียนเข้ามาและเดินตรงไปที่ห้องเรียนทันที
แน่นอนว่าไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าปฏิกิริยาของคนอื่นๆที่กำลังอยู่ในห้องเรียนจะเป็นยังไง
สายตาของทุกคนมองกลับไปกลับมาระหว่างผม อุมิ แล้วก็มือของพวกเราที่กำลังจับกันแบบคู่รัก
“ถะ-ถ้างั้นฉันไปที่โต๊ะก่อนนะ”
“อะ อืม”
พวกเรารีบปล่อยมือกันทันที แล้วแยกย้ายกันไปที่โต๊ะของตัวเองแล้วทำเป็นเหมือนกับว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าไม่มีทางที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆที่เห็นพวกเราจับมือกันแบบนั้นแล้วจะยอมปล่อยพวกเราไปง่ายๆ
“เอ๊ะ? จับมือกันแบบนั้นมันหมายความยังไงนะ?”
“ไม่น่าเป็นไปได้นะ…หรือว่าจะเป็นเพราะทั้งสองคนได้เป็นคณะกรรมการด้วยกัน?”
“เฮ้ นายลองไปถามดูหน่อยได้ไหม?”
“ไม่มีทาง อาซานางิน่ากลัวจะตาย”
ในอีกด้านหนึ่ง อุมิก็กำลังคุยอยู่กับอามามิซังที่เดินเข้ามาให้ห้องเรียนตามหลังเรามาเล็กน้อย พร้อมกับกำลังจับเข้าไปที่ขมับของนิตตะซังด้วยกรงเล็บของเธอ
“เอาล่ะทุกโคน~~ การเรียนอันแสนน่าเบื่อในเช้าวันจันทร์กำลังจะเริ่มแล้วน…เอ๋? เป็นอะไรกัน? ทำไมวันนี้ดูวุ่นวายกันจัง มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรค่ะอาจารย์ยางิซาวะ เรามาเริ่มเรียนช่วงเช้ากันเลยดีกว่านะคะ”
“เอ๊ะ? อาซานางิซังวันนี้เป็นเวรงั้นเหรอคะ?”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่ว่าเรามาเริ่มเรียนกันเลยดีกว่านะคะ”
“อะ อือ เข้าใจแล้วค่ะ…แต่ว่าวันนี้ทุกคนดูแปลกๆนะคะ…”
“หนู ว่า ก็ ดู ปกติ ดี อยู่ นี่ คะ?”
“อี๋!!..”
ดูเหมือนอาจารย์ยางิซาวะจะรู้ตัวแล้วว่าวันนี้ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับอาซานางิ
“อะ อา นั่นสินะ ขอโทษทีนะ ครูผิดเองแหละ ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มเรียนกันเลยดีกว่านะ”
อาจารย์ยางิซาวะที่โดนอุมิข่มขวัญด้วยพลังงานลึกลับยอมปล่อยผ่านเรื่องที่สงสัยไป และทำเป็นเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“…เอ่อ คือว่า มาเอะฮาระคุง”
“ขอโทษนะโอยามะคุง แต่เรื่องนี้แล้วแต่นายจะจินตนาการเลย”
แต่ว่านะ…ตลอดคาบเรียนหลังจากนั้น ท่าทางอุมินั้นน่ารักอย่างมาก และผมก็สังเกตเห็นว่าหูของอุมิได้กลายเป็นสีแดงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
พอมาคิดดูแล้ว…บางที…การที่ผมรีบคว้าโอกาสที่ได้รับมาก่อนที่คนอื่นจะได้เห็นด้านที่น่ารักของอุมิ…อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดของผมแล้วก็ได้…
ถึงพวกเราบอกจะกับอามามิซังว่าจะให้พวกเราทำอะไรก็ได้
เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่เราผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับเธอ…และที่สำคัญที่สุดก็คือ…ผมไม่อยากที่จะสูญเสียเวลาอันมีค่าที่จะได้อยู่กับอุมิไป
แต่ว่า…เรื่องแบบนี้มัน…
“……”
“……”
ตั้งแต่ที่พวกเราเดินออกจากบ้านมา ผมกับอุมิยังได้คุยอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว
นั่นเป็นเพราะทั้งผมและอุมิต่างก็เขินอายเกินกว่าที่จะพูดคุยกันได้
“…นี่มากิ มือนายเหงื่อออกเยอะเกินไปหรือเปล่า?”
“…ธะ-เธอเองก็เหมือนกันนั่นแหละน่า”
“ก็มันชะ-ช่วยไม่ได้นี่นา ก็นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำอะไรแบบนี้นี่”
ในตอนนี้พวกเรากำลังจับมือกันอยู่ในขณะที่กำลังเดินไปตามถนนที่นำทางไปที่โรงเรียน…แต่สิ่งที่ทำให้มันดูกระอักกระอวนแบบนี้ก็คือ…ในตอนนี้พวกเรากำลังเดินจับมือกันในแบบที่เรียกว่า「การจับมือแบบคู่รัก」อยู่นะสิ!
‘พวกนั้นทำอะไรแบบนั้นกันตั้งแต่เช้าเนี่ย?’
‘นั่นพวกปีหนึ่งใช่ไหม? ฝ่ายหญิงก็ดูน่ารักดีอยู่…แต่ฝ่ายชายนี่สิ…ไม่ดูน่าเบื่อเกินไปหน่อยรึไง?…หรือจะโดนเกมลงทัณฑ์อะไรพวกนั้นหรือเปล่า?’
เนื่องจากเวลานี้คือช่วงที่พีคที่สุดในการเดินทางมาโรงเรียน ทำให้ตลอดทางที่เรากำลังเดินอยู่นั้นมีนักเรียนคนอื่นอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นจึงทำให้มีเสียงซุบซิบถึงพวกเราอยู่มากมาย…และดูเหมือนว่า 10% จะเป็นความอิจฉา ส่วนอีก 90% ที่เหลือจะเป็นความริษยาในตัวผม
ผมเองก็อยากจะพูดต่อว่าอะไรพวกนั้นไปสักคำเหมือนกัน…แต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถที่จะทำอะไรแบบนั้นได้
ในหัวของผมตอนนี้คิดแค่เพียงว่า…ต้องรีบจบ「ภารกิจ」อันสุดแสนสร้างสรรค์ของอามามิซังที่มอบให้เราให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อุมิ…รู้รึเปล่าว่าตอนนี้อามามิซังอยู่ที่ไหน?”
“ข้างหลังเราประมาณสิบเมตร…เธอแอบอยู่หลังเสาไฟและกำลังยิ้มอยู่คนเดียว”
“…ดูเหมือนอามามิซังกำลังสนุกนะ”
เพื่อชดเชยที่พวกเราผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับอามามิซัง เธอให้เงื่อนไขมาหนึ่งข้อ
นั่นก็คือ.. 「ให้พวกเราเดินไปโรงเรียนด้วยกันโดยให้จับมือกันแบบคู่รักจนกว่าจะไปถึงห้องเรียน」
นั่นคือเงื่อนไขเพียงข้อเดียวที่อามามิซังให้เรามา แล้วหลังจากที่พวกเราเข้าไปในห้องเรียนแล้วพวกเราก็สามารถทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปยอมรับว่าพวกเรากำลังคบกันอยู่กับคนอื่นๆในชั้นเรียนด้วย
แต่ว่านะ…ถ้าพวกเราเดินเข้าไปในห้องเรียนพร้อมกันแล้วยังจับมือกันแบบคู่รักกันอยู่ด้วย…ไม่ว่าพวกเราจะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม…มันก็เหมือนการประกาศกลายๆว่าผมกับอุมิมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันอยู่ใช่ไหมล่ะ
“แล้วยิ่งกว่านั้นเหมือนว่าจะมีข่าวลือว่าผมกำลังคบอยู่กับอามามิซังอยู่ด้วยล่ะ…พวกผู้ชายในห้องพากันมองผมด้วยสายตาแปลกๆมาตั้งแต่ตอนจบงานวัฒนธรรมโรงเรียนแล้วนะ…โดยเฉพาะเซกิคุง”
“ฉันเองก็โดนนีน่ากับคนอื่นๆถามถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ในเมื่อมันเป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าปล่อยไปสักพักเดี๋ยวพวกนั้นก็ลืมกันเองนั่นแหละ”
ผมเองก็ไม่รู้ที่มาของข่าวลือว่ามันเริ่มมาจากที่ไหน แต่ดูเหมือนข่าวลือจะเริ่มแพร่กระจายไปในชั้นเรียนในช่วงระหว่างการเตรียมงานกิจกรรมโรงเรียน และเนื่องจากผมเป็นคนที่ไม่มีเพื่อน ดังนั้นผมจึงพึ่งจะได้ยินเรื่องนี้มาเมื่อไม่นานมานี้เอง
เมื่อผมลองมองย้อนกลับไป มันก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่พวกคนอื่นๆจะเข้าใจผิด…ในตอนนั้นอามามิซังนอกจากจะประกาศว่าผมเป็นเพื่อนของเธอ และยังบอกว่าผมมีเบอร์ติดต่อส่วนตัวเองเธอด้วย และยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะผมอยู่ด้วยกันกับอามามิซังในช่วงงานโรงเรียนบ่อยๆ ดังนั้นผมแน่ใจว่าคงมีบางคนต้องเข้าใจพวกเราแบบผิดๆแน่นอนอยู่แล้วล่ะนะ
ความจริงแล้วไม่ใช่อามามิซังหรอกที่สนิทกับผม แต่เป็นเด็กสาวอีกคนที่อยู่ข้างๆเธอต่างหาก
แน่นอนว่าอามามิซังนั้นมีเสน่ห์ และบางทีเสน่ห์ของเธออาจจะมากกว่าอุมิด้วยซ้ำ แต่สำหรับผม…อามามิซังไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า「เพื่อนของเพื่อน」
ถึงเรื่องนี้จะไม่เป็นความจริง แต่เมื่อผมกับอุมินำเรื่องนี้ไปบอกกับอามามิซัง ก็ดูเหมือนว่าเธออยากจะกำจัดข่าวลือนี้ออกไป และในท้ายที่สุดมันก็กลายมาเป็นแผนการ「เดินไปโรงเรียนด้วยกันโดยให้จับมือกันแบบคู่รัก」แบบในตอนนี้นั่นเอง
แม้ว่าผมจะไม่เห็นเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆในหมู่นักเรียนที่เดินอยู่รอบๆ แต่บางทีก็อาจจะมีบางคงกำลังแอบมองดูอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้ และเมื่อผมเผลอหันกลับไปมองอามามิซังโดยไม่ตั้งใจ…และโดยที่พวกเราไม่ทันรู้ตัว…ในตอนนี้ข้างๆของอามามิซังก็ดันมีนีน่าซังกำลังยืนยิ้มอยู่ปรากฏตัวขึ้นมา
ดูเหมือนว่าอามามิซังกำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหยุดไม่ให้นีน่าซังถ่ายรูปพวกเราเอาไว้ แต่เนื่องจากพวกเราถูกพบโดยนีน่าซัง และนอกจากนี้นีน่าซังยังเป็นพวกที่คลั่งไคล้เรื่องซุบซิบเกี่ยวกับความรักอย่างหนัก มันคงจะเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะที่จะไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับพวกเรา
“…ฉันจะไปจัดการกับนีน่าทีหลังเอง…หึหึหึ…จะลงโทษแบบไหนดีนะ…”
“เอ่อ…อุมิซัง อย่ารุนแรงนักล่ะ…”
ในขณะที่ผมกำลังพยายามทำให้อุมิที่กำลังพึมพัมเรื่องน่ากลัวๆออกมาให้สงบลง พวกเราก็เดินผ่านประตูโรงเรียนเข้ามาและเดินตรงไปที่ห้องเรียนทันที
แน่นอนว่าไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าปฏิกิริยาของคนอื่นๆที่กำลังอยู่ในห้องเรียนจะเป็นยังไง
สายตาของทุกคนมองกลับไปกลับมาระหว่างผม อุมิ แล้วก็มือของพวกเราที่กำลังจับกันแบบคู่รัก
“ถะ-ถ้างั้นฉันไปที่โต๊ะก่อนนะ”
“อะ อืม”
พวกเรารีบปล่อยมือกันทันที แล้วแยกย้ายกันไปที่โต๊ะของตัวเองแล้วทำเป็นเหมือนกับว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าไม่มีทางที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆที่เห็นพวกเราจับมือกันแบบนั้นแล้วจะยอมปล่อยพวกเราไปง่ายๆ
“เอ๊ะ? จับมือกันแบบนั้นมันหมายความยังไงนะ?”
“ไม่น่าเป็นไปได้นะ…หรือว่าจะเป็นเพราะทั้งสองคนได้เป็นคณะกรรมการด้วยกัน?”
“เฮ้ นายลองไปถามดูหน่อยได้ไหม?”
“ไม่มีทาง อาซานางิน่ากลัวจะตาย”
ในอีกด้านหนึ่ง อุมิก็กำลังคุยอยู่กับอามามิซังที่เดินเข้ามาให้ห้องเรียนตามหลังเรามาเล็กน้อย พร้อมกับกำลังจับเข้าไปที่ขมับของนิตตะซังด้วยกรงเล็บของเธอ
“เอาล่ะทุกโคน~~ การเรียนอันแสนน่าเบื่อในเช้าวันจันทร์กำลังจะเริ่มแล้วน…เอ๋? เป็นอะไรกัน? ทำไมวันนี้ดูวุ่นวายกันจัง มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรค่ะอาจารย์ยางิซาวะ เรามาเริ่มเรียนช่วงเช้ากันเลยดีกว่านะคะ”
“เอ๊ะ? อาซานางิซังวันนี้เป็นเวรงั้นเหรอคะ?”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่ว่าเรามาเริ่มเรียนกันเลยดีกว่านะคะ”
“อะ อือ เข้าใจแล้วค่ะ…แต่ว่าวันนี้ทุกคนดูแปลกๆนะคะ…”
“หนู ว่า ก็ ดู ปกติ ดี อยู่ นี่ คะ?”
“อี๋!!..”
ดูเหมือนอาจารย์ยางิซาวะจะรู้ตัวแล้วว่าวันนี้ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับอาซานางิ
“อะ อา นั่นสินะ ขอโทษทีนะ ครูผิดเองแหละ ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มเรียนกันเลยดีกว่านะ”
อาจารย์ยางิซาวะที่โดนอุมิข่มขวัญด้วยพลังงานลึกลับยอมปล่อยผ่านเรื่องที่สงสัยไป และทำเป็นเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“…เอ่อ คือว่า มาเอะฮาระคุง”
“ขอโทษนะโอยามะคุง แต่เรื่องนี้แล้วแต่นายจะจินตนาการเลย”
แต่ว่านะ…ตลอดคาบเรียนหลังจากนั้น ท่าทางอุมินั้นน่ารักอย่างมาก และผมก็สังเกตเห็นว่าหูของอุมิได้กลายเป็นสีแดงอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
พอมาคิดดูแล้ว…บางที…การที่ผมรีบคว้าโอกาสที่ได้รับมาก่อนที่คนอื่นจะได้เห็นด้านที่น่ารักของอุมิ…อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดของผมแล้วก็ได้…