ในตอนแรกผมคิดว่าตัวเองคงจะรู้สึกดีขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพราะในวันหยุด พวกเราจะถูกปลดปล่อยจากภาระหน้าที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องโรงเรียนก็ตาม และสำหรับพวกนักเรียนตามปกติก็ควรที่จะรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องที่ตัวเองอยากจะทำในช่วงวันหยุดที่กำลังจะมาถึง…ทั้งๆที่มันควรจะเป็นแบบนั้น…
ยกตัวอย่างเช่น การที่รู้สึกคึกคะนองมากจนเกินไปจนเผลอไปสร้างความรำคาญให้คนอื่นโดยไม่รู้ตัว หรือการที่ไปทำอะไรน่าอายจนไม่อยากจะย้อนไปนึกถึงมันอีกครั้งในภายหลัง…
—ฉันรักนายนะ
คำที่อาซานางิ…「เพื่อน」ของผม…กระชิบที่ข้างหูของผมในคืนวันศุกร์…ในตอนที่เรากำลังจะแยกจากกันเพื่อกลับบ้าน…บางทีการที่อุมิพูดออกมาแบบนั้นในตอนนั้นมันอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศพาไปก็เป็นได้…เพราะในวันนั้นทั้งผมและอุมิ พวกเราต่างต้องเผชิญและพบเจอกับเรื่องราวต่างๆมากมายจนอาจจะนำไปสู่สถานการณ์แบบตอนนั้น
“อ๊าก~ ให้ตายสิ ยัยอุมิ…ทำไมถึงต้องมาพูดอะไรแบบนั้นในตอนนั้นด้วย!…นี่เธอคิดอะไรอยู่…ไม่คิดบ้างรึไงว่ามันจะทำให้ช่วงวันหยุดมันลำบากขนาดไหน…”
ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด และผมก็มั่นใจว่าอุมิเองก็รู้สึกกับผมมากกว่าคำว่า「เพื่อน」เหมือนกันกับผม….ที่รู้สึกกับเธอ แล้วอีกอย่างคือบรรยากาศในตอนนั้นของอุมิ…มันไม่ใช่การพูดเล่นหรือแกล้งกันอย่างแน่นอน
“นั่นคือคำสารภาพรักใช่ไหม?…ผมไม่ได้คิดไปเองสินะ…ฉันรักนาย…ผมไม่ได้ฟังผิดจริงๆใช่ไหม?…”
ในขณะที่กำลังนอนดิ้นไปดิ้นมา ผมก็เอาแต่ย้อนนึกไปถึงช่วงเวลาในตอนนั้นซ้ำไปซ้ำมา…และพยายามยืนยันกับตัวเองว่าไม่ได้ฟังผิด
ผมมั่นใจ 99% ว่าที่อุมิพูดมาว่า…ต่อจากจากนี้ก็ค่อยเป็นค่อยไปนะ…เธอไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อน…แต่เป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นแบบนั้น…แน่นอนว่าผมต้องรู้สึกมีความสุขอยู่แล้ว…การที่โดนคนที่ตัวเองชอบมาบอกว่า「ฉันรักนาย」น่ะ
“…แล้ว…ฉันควรจะตอบรับยังไงดีล่ะเนี่ย”
อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกกังวลนิดหน่อยว่าตัวเองต้องทำยังไงเพื่อตอบรับความรู้สึกของเธอ
อุมิบอกว่ารักผม…และผมเองก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับเธอ…แล้ววันนี้ก็เป็นเช้าวันจันทร์แล้วด้วย ตั้งแต่คืนนั้นพวกเราสองคนก็ยังไม่ได้คุยกันอีกเลย ไม่แม้กระทั่งส่งข้อความถึงกัน
…จะให้ทำยังไงล่ะ ก็มันรู้สึกเขินนี่…
คำตอบของผมนั้นไม่ยากเลย เพราะผมเองก็ชอบอุมิเหมือนกัน ที่ต้องทำก็มีแค่บอกความรู้สึกออกไป
…มันก็แค่เรื่องง่ายๆเองนี่
“อรุณสวัสดิ์ มากิ แม่ออกไปทำงานก่อนนะ พอดีวันนี้แม่มีประชุม…นี่ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“…เปล่านี่ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“งั้นเหรอ? แต่ลูกเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงวันหยุดแล้วนะ…ถึงแม่จะไม่อยากถาม…แต่ระหว่างลูกกับอุมิจัง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“…….”
ดูเหมือนว่าแม่จะคอยสังเกตดูอาการของผมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ผมมัวแต่กลุ่มใจกับคำว่า「ฉันรักนาย」ของอุมิจนไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบตัว
“ไม่มีอะไรสักหน่อย”
“หื~ม เอาเถอะ ถ้าลูกไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าวันศุกร์หน้าลูกจะพาอุมิจังมาที่บ้านก็ช่วยบอกแม่ด้วยนะ แม่จะได้เตรียมเงินไว้ให้เยอะหน่อย”
“เข้าใจแล้วน่า ไปดีมาดีนะครับ”
“จ้าๆ งั้นแม่ไปก่อนนะ”
หลังจากแม่ออกจากบ้าน ผมก็ตัดสินใจเริ่มเตรียมตัวเพื่อไปโรงเรียน หลายวันที่ผ่านมาผมนั้นนอนไม่ค่อยหลับเพราะมีเรื่องต่างๆมากมายวนเวียนอยู่ในหัว
รอยคล้ำใต้ตาดูชัดเจนกว่าปกติเล็กน้อย ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่บางทีอุมิอาจจะสังเกตเห็นก็ได้
ถึงในอดีตจะมีหลายๆครั้งที่ผมรู้สึกไม่อยากไปโรงเรียนในตอนเช้าวันจันทร์…แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมารู้สึกไม่อยากไปโรงเรียนเพราะได้รับคำสารภาพรักจากเด็กสาวคนหนึ่ง
ผมเองยังเคยคิดเลยว่าถ้าตัวเองสามารถย้อนเวลากลับไปแล้วเล่าเรื่องแบบนี้ให้ตัวเองในอดีตฟัง…ตัวผมในอดีตก็คงไม่มีทางที่จะเชื่ออย่างแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันจะสามารถเป็นไปได้
“…แต่ตัวฉันที่เป็นแบบนี้…ก็ยังอุตส่ามีผู้หญิงมาชอบได้อีกนะ…”
ใบหน้าที่ดูบิดเบี้ยวของผมสะท้อนอยู่บนกาต้มน้ำร้อนที่กำลังใช้ชงกาแฟ มันดูมืดมน และดวงตาก็ดูเหมือนปลาตาย…นอกจากนี้ก็ยังดูไม่มีจุดเด่นอะไรเลย
บางที ทั้งในอดีตและปัจจุบันหรือในอนาคต…อุมิอาจจะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกนี้ที่บอกว่าชอบผม…ผู้หญิงที่กล้าบอกว่า「รัก」กับคนอย่างผม…คนที่หน้าตาไม่ได้เรื่องแถมยังเป็นพวกโดดเดี่ยวอีกด้วย
…และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าตัวเองต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้มั่น…บางทีอุมิอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ แต่สำหรับผม…ตัวตนจริงๆของอุมินั้นเป็นสาวสวยที่มีเสน่ห์ไม่แพ้อามามิ ยูเลยแม้แต่น้อย
และตอนนี้ก็มีเพียงผมคนเดียวที่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอุมิ และผมก็แน่ใจว่าในอนาคตจะต้องมีคนอื่นอีกแน่นอนที่จะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ…คนที่เหมาะสมกับเธอ…มากกว่าผม
ถ้าเป็นแบบนั้นผมแน่ใจว่าตัวเองจะต้องพ่ายแพ้ให้กับคนๆนั้นอย่างแน่นอน
นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นประโยชน์
ในตอนที่ผมยังเป็นคนเดียวที่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ…อาซานางิ อุมิ
ผมไม่ต้องการให้อุมิ…ไปมอบรอยยิ้มที่แสนน่ารักของเธอให้กับคนอื่น…
“…อืม ตัดสินใจแล้ว”
พอคิดได้แบบนี้ ผมก็ตัดสินใจได้ในที่สุด
วันนี้ผมจะให้คำตอบกับอุมิ…จะถ่ายทอดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองให้เธอได้รู้อย่างตรงไปตรงมา
ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ได้เห็นมาในอดีตว่าเรื่องแบบนี้…ยิ่งให้คำตอบเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
หลังจากที่ดื่มกาแฟไปได้ไม่นาน เสียงอินเตอร์คอมของบ้านมาเอะฮาระที่มีไม่บ่อยนักที่จะดังในช่วงเช้าแบบนี้ก็ดังขึ้น
“เอะเฮเฮะ อรุณสวัสดิ์ มากิคุง”
“…อะ อรุณสวัสดิ์ มากิ”
ในจอภาพของเครื่องอินเตอร์คอม เหมือนกับว่าตัวเองได้เห็นภาพเดียวกับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
อามามิซังที่มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กับอุมิที่กำลังทำหน้ายุ่งยาก
เห็นดังนั้นผมก็ให้พวกเธอเข้ามาในบ้านก่อน
“ขอโทษนะมากิคุงที่จู่ๆก็มารบกวนตั้งแต่เช้า”
“ไม่เป็นไร ผมเองก็เตรียมตัวตอนเช้าใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ…ว่าแต่มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“อืม เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ อุมิเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วล่ะ”
“…อา แบบนี้นี่เอง”
ในตอนแรกผมก็คิดว่าบางทีอาจจะเป็นเรื่องนี้เหมือนกัน…ดูเหมือนว่าอุมิจะบอกเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้อามามิซังฟังแล้ว
แล้วนอกจากนี้ ถ้าผมมองไม่ผิด…ใต้ตาของอุมิก็มีรอยคล้ำๆเหมือนกัน
…บางที ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา อุมิเองก็คงรู้สึกเหมือนกันกับผม
พวกเรานี่ช่าง…เหมือนกันจริงๆ
“เข้าใจล่ะ…แต่ทำไมถึงต้องรีบร้อนมาหาตั้งแต่เช้าแบบนี้ด้วยล่ะ?”
“อืม~ ที่ฉันต้องแวะมาหาตั้งแต่เช้าแบบนี้ก็เพราะว่าฉันอยากให้พวกเธอสองคนทำอะไรบางอย่างให้ฉัน เพื่อเอามาทดแทน「คำสัญญา」ยังไงล่ะ”
“ตั้งแต่ตอนนี้เลยงั้นหรอ?”
“ใช่ แต่ฉันจะบอกว่าให้ทำอะไรหลังจากที่ทั้งสองคนรับปากแล้วเท่านั้นนะ”
หรือจะพูดว่า…นี่คือเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนใช่ไหม?
“โอเค ก็ได้ ผมรับปาก”
“มากิ…!”
อุมิมองดูผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ เมื่อเห็นว่าผมตอบรับข้อเสนอของอามามิซังในทันทีโดยที่ยังไม่ได้คิดให้รอบคอบ
“จะดีเหรอ? ยูยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะให้พวกเราทำอะไร”
“อ่า ก็รู้สึกกลัวนิดหน่อยล่ะนะ แต่เป็นพวกเราเองที่ผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับอามามิซังก่อนตั้งแต่แรก”
แล้วอีกอย่าง อามามิซังคงไม่ได้สั่งให้พวกเราไปทำเรื่องเลวร้ายอะไรหรอก
…แต่บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ลำบากนิดหน่อยละมั้ง
“เอ่อ…แล้วก็นะ…อุมิ”
“หืม?”
ถึงอามามิซังจะยืนอยู่ตรงนี้ แต่แล้วยังไงล่ะ ผมรู้สึกว่าถ้าเลือกที่จะบอกอุมิในตอนนี้น่าจะดีกว่าการที่มัวแต่มานั่งเขินอายกับเรื่องแปลกๆ
“ผมขอบอกกับเธอเลยแล้วกัน…อุมิ ผมเองก็รู้สึกเหมือนกันกับเธอ”
“อะ…เอ่อ อะ-อืม เข้าใจแล้ว”
ใบหน้าของอุมิเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะหันหน้าหนีไปทางอื่น…นี่เธอน่าจะเข้าใจความหมายที่ผมจะสื่อแล้วใช่ไหมนะ?
ผมได้ยินเสียงของอุมิบ่นพึมพัมออกมาเบาๆว่า「ตาบ้า」…แต่ผมกลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฟุฟุฟุ~~ เมื่อมากิคุงพูดแบบนี้…แล้วเธอล่ะอุมิ จะเอายังไงดี?”
“อะ-เอ่อ กะ ก็ได้ ถ้ามากิยอมทำ ฉันเองก็จะทำเหมือนกัน บอกเงื่อนไขของเธอมาได้เลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะ”
ผมตัดสินใจไปแล้ว และผมก็มีความรู้สึกว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี
…จนเมื่อได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของอามามิซังเป็นครั้งแรก ผมเริ่มอดกังวลไม่ได้แล้วสิ….
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ปล. ไม่ได้ลงในนี้นานเลยครับ จะทยอยอัพเดทให้นะครับ
ถ้าถูกใจยังไง กระผมก็ขอฝากกดไลค์กับติดตามเพจ Durimtok Channel | Facebook ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
ในตอนแรกผมคิดว่าตัวเองคงจะรู้สึกดีขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพราะในวันหยุด พวกเราจะถูกปลดปล่อยจากภาระหน้าที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องโรงเรียนก็ตาม และสำหรับพวกนักเรียนตามปกติก็ควรที่จะรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องที่ตัวเองอยากจะทำในช่วงวันหยุดที่กำลังจะมาถึง…ทั้งๆที่มันควรจะเป็นแบบนั้น…
ยกตัวอย่างเช่น การที่รู้สึกคึกคะนองมากจนเกินไปจนเผลอไปสร้างความรำคาญให้คนอื่นโดยไม่รู้ตัว หรือการที่ไปทำอะไรน่าอายจนไม่อยากจะย้อนไปนึกถึงมันอีกครั้งในภายหลัง…
—ฉันรักนายนะ
คำที่อาซานางิ…「เพื่อน」ของผม…กระชิบที่ข้างหูของผมในคืนวันศุกร์…ในตอนที่เรากำลังจะแยกจากกันเพื่อกลับบ้าน…บางทีการที่อุมิพูดออกมาแบบนั้นในตอนนั้นมันอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศพาไปก็เป็นได้…เพราะในวันนั้นทั้งผมและอุมิ พวกเราต่างต้องเผชิญและพบเจอกับเรื่องราวต่างๆมากมายจนอาจจะนำไปสู่สถานการณ์แบบตอนนั้น
“อ๊าก~ ให้ตายสิ ยัยอุมิ…ทำไมถึงต้องมาพูดอะไรแบบนั้นในตอนนั้นด้วย!…นี่เธอคิดอะไรอยู่…ไม่คิดบ้างรึไงว่ามันจะทำให้ช่วงวันหยุดมันลำบากขนาดไหน…”
ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด และผมก็มั่นใจว่าอุมิเองก็รู้สึกกับผมมากกว่าคำว่า「เพื่อน」เหมือนกันกับผม….ที่รู้สึกกับเธอ แล้วอีกอย่างคือบรรยากาศในตอนนั้นของอุมิ…มันไม่ใช่การพูดเล่นหรือแกล้งกันอย่างแน่นอน
“นั่นคือคำสารภาพรักใช่ไหม?…ผมไม่ได้คิดไปเองสินะ…ฉันรักนาย…ผมไม่ได้ฟังผิดจริงๆใช่ไหม?…”
ในขณะที่กำลังนอนดิ้นไปดิ้นมา ผมก็เอาแต่ย้อนนึกไปถึงช่วงเวลาในตอนนั้นซ้ำไปซ้ำมา…และพยายามยืนยันกับตัวเองว่าไม่ได้ฟังผิด
ผมมั่นใจ 99% ว่าที่อุมิพูดมาว่า…ต่อจากจากนี้ก็ค่อยเป็นค่อยไปนะ…เธอไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อน…แต่เป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นแบบนั้น…แน่นอนว่าผมต้องรู้สึกมีความสุขอยู่แล้ว…การที่โดนคนที่ตัวเองชอบมาบอกว่า「ฉันรักนาย」น่ะ
“…แล้ว…ฉันควรจะตอบรับยังไงดีล่ะเนี่ย”
อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกกังวลนิดหน่อยว่าตัวเองต้องทำยังไงเพื่อตอบรับความรู้สึกของเธอ
อุมิบอกว่ารักผม…และผมเองก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับเธอ…แล้ววันนี้ก็เป็นเช้าวันจันทร์แล้วด้วย ตั้งแต่คืนนั้นพวกเราสองคนก็ยังไม่ได้คุยกันอีกเลย ไม่แม้กระทั่งส่งข้อความถึงกัน
…จะให้ทำยังไงล่ะ ก็มันรู้สึกเขินนี่…
คำตอบของผมนั้นไม่ยากเลย เพราะผมเองก็ชอบอุมิเหมือนกัน ที่ต้องทำก็มีแค่บอกความรู้สึกออกไป
…มันก็แค่เรื่องง่ายๆเองนี่
“อรุณสวัสดิ์ มากิ แม่ออกไปทำงานก่อนนะ พอดีวันนี้แม่มีประชุม…นี่ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“…เปล่านี่ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“งั้นเหรอ? แต่ลูกเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงวันหยุดแล้วนะ…ถึงแม่จะไม่อยากถาม…แต่ระหว่างลูกกับอุมิจัง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“…….”
ดูเหมือนว่าแม่จะคอยสังเกตดูอาการของผมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ผมมัวแต่กลุ่มใจกับคำว่า「ฉันรักนาย」ของอุมิจนไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบตัว
“ไม่มีอะไรสักหน่อย”
“หื~ม เอาเถอะ ถ้าลูกไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าวันศุกร์หน้าลูกจะพาอุมิจังมาที่บ้านก็ช่วยบอกแม่ด้วยนะ แม่จะได้เตรียมเงินไว้ให้เยอะหน่อย”
“เข้าใจแล้วน่า ไปดีมาดีนะครับ”
“จ้าๆ งั้นแม่ไปก่อนนะ”
หลังจากแม่ออกจากบ้าน ผมก็ตัดสินใจเริ่มเตรียมตัวเพื่อไปโรงเรียน หลายวันที่ผ่านมาผมนั้นนอนไม่ค่อยหลับเพราะมีเรื่องต่างๆมากมายวนเวียนอยู่ในหัว
รอยคล้ำใต้ตาดูชัดเจนกว่าปกติเล็กน้อย ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่บางทีอุมิอาจจะสังเกตเห็นก็ได้
ถึงในอดีตจะมีหลายๆครั้งที่ผมรู้สึกไม่อยากไปโรงเรียนในตอนเช้าวันจันทร์…แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมารู้สึกไม่อยากไปโรงเรียนเพราะได้รับคำสารภาพรักจากเด็กสาวคนหนึ่ง
ผมเองยังเคยคิดเลยว่าถ้าตัวเองสามารถย้อนเวลากลับไปแล้วเล่าเรื่องแบบนี้ให้ตัวเองในอดีตฟัง…ตัวผมในอดีตก็คงไม่มีทางที่จะเชื่ออย่างแน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันจะสามารถเป็นไปได้
“…แต่ตัวฉันที่เป็นแบบนี้…ก็ยังอุตส่ามีผู้หญิงมาชอบได้อีกนะ…”
ใบหน้าที่ดูบิดเบี้ยวของผมสะท้อนอยู่บนกาต้มน้ำร้อนที่กำลังใช้ชงกาแฟ มันดูมืดมน และดวงตาก็ดูเหมือนปลาตาย…นอกจากนี้ก็ยังดูไม่มีจุดเด่นอะไรเลย
บางที ทั้งในอดีตและปัจจุบันหรือในอนาคต…อุมิอาจจะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกนี้ที่บอกว่าชอบผม…ผู้หญิงที่กล้าบอกว่า「รัก」กับคนอย่างผม…คนที่หน้าตาไม่ได้เรื่องแถมยังเป็นพวกโดดเดี่ยวอีกด้วย
…และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าตัวเองต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้มั่น…บางทีอุมิอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ แต่สำหรับผม…ตัวตนจริงๆของอุมินั้นเป็นสาวสวยที่มีเสน่ห์ไม่แพ้อามามิ ยูเลยแม้แต่น้อย
และตอนนี้ก็มีเพียงผมคนเดียวที่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอุมิ และผมก็แน่ใจว่าในอนาคตจะต้องมีคนอื่นอีกแน่นอนที่จะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ…คนที่เหมาะสมกับเธอ…มากกว่าผม
ถ้าเป็นแบบนั้นผมแน่ใจว่าตัวเองจะต้องพ่ายแพ้ให้กับคนๆนั้นอย่างแน่นอน
นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นประโยชน์
ในตอนที่ผมยังเป็นคนเดียวที่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ…อาซานางิ อุมิ
ผมไม่ต้องการให้อุมิ…ไปมอบรอยยิ้มที่แสนน่ารักของเธอให้กับคนอื่น…
“…อืม ตัดสินใจแล้ว”
พอคิดได้แบบนี้ ผมก็ตัดสินใจได้ในที่สุด
วันนี้ผมจะให้คำตอบกับอุมิ…จะถ่ายทอดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองให้เธอได้รู้อย่างตรงไปตรงมา
ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ได้เห็นมาในอดีตว่าเรื่องแบบนี้…ยิ่งให้คำตอบเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
หลังจากที่ดื่มกาแฟไปได้ไม่นาน เสียงอินเตอร์คอมของบ้านมาเอะฮาระที่มีไม่บ่อยนักที่จะดังในช่วงเช้าแบบนี้ก็ดังขึ้น
“เอะเฮเฮะ อรุณสวัสดิ์ มากิคุง”
“…อะ อรุณสวัสดิ์ มากิ”
ในจอภาพของเครื่องอินเตอร์คอม เหมือนกับว่าตัวเองได้เห็นภาพเดียวกับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
อามามิซังที่มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กับอุมิที่กำลังทำหน้ายุ่งยาก
เห็นดังนั้นผมก็ให้พวกเธอเข้ามาในบ้านก่อน
“ขอโทษนะมากิคุงที่จู่ๆก็มารบกวนตั้งแต่เช้า”
“ไม่เป็นไร ผมเองก็เตรียมตัวตอนเช้าใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ…ว่าแต่มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“อืม เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ อุมิเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วล่ะ”
“…อา แบบนี้นี่เอง”
ในตอนแรกผมก็คิดว่าบางทีอาจจะเป็นเรื่องนี้เหมือนกัน…ดูเหมือนว่าอุมิจะบอกเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้อามามิซังฟังแล้ว
แล้วนอกจากนี้ ถ้าผมมองไม่ผิด…ใต้ตาของอุมิก็มีรอยคล้ำๆเหมือนกัน
…บางที ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา อุมิเองก็คงรู้สึกเหมือนกันกับผม
พวกเรานี่ช่าง…เหมือนกันจริงๆ
“เข้าใจล่ะ…แต่ทำไมถึงต้องรีบร้อนมาหาตั้งแต่เช้าแบบนี้ด้วยล่ะ?”
“อืม~ ที่ฉันต้องแวะมาหาตั้งแต่เช้าแบบนี้ก็เพราะว่าฉันอยากให้พวกเธอสองคนทำอะไรบางอย่างให้ฉัน เพื่อเอามาทดแทน「คำสัญญา」ยังไงล่ะ”
“ตั้งแต่ตอนนี้เลยงั้นหรอ?”
“ใช่ แต่ฉันจะบอกว่าให้ทำอะไรหลังจากที่ทั้งสองคนรับปากแล้วเท่านั้นนะ”
หรือจะพูดว่า…นี่คือเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนใช่ไหม?
“โอเค ก็ได้ ผมรับปาก”
“มากิ…!”
อุมิมองดูผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ เมื่อเห็นว่าผมตอบรับข้อเสนอของอามามิซังในทันทีโดยที่ยังไม่ได้คิดให้รอบคอบ
“จะดีเหรอ? ยูยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะให้พวกเราทำอะไร”
“อ่า ก็รู้สึกกลัวนิดหน่อยล่ะนะ แต่เป็นพวกเราเองที่ผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับอามามิซังก่อนตั้งแต่แรก”
แล้วอีกอย่าง อามามิซังคงไม่ได้สั่งให้พวกเราไปทำเรื่องเลวร้ายอะไรหรอก
…แต่บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ลำบากนิดหน่อยละมั้ง
“เอ่อ…แล้วก็นะ…อุมิ”
“หืม?”
ถึงอามามิซังจะยืนอยู่ตรงนี้ แต่แล้วยังไงล่ะ ผมรู้สึกว่าถ้าเลือกที่จะบอกอุมิในตอนนี้น่าจะดีกว่าการที่มัวแต่มานั่งเขินอายกับเรื่องแปลกๆ
“ผมขอบอกกับเธอเลยแล้วกัน…อุมิ ผมเองก็รู้สึกเหมือนกันกับเธอ”
“อะ…เอ่อ อะ-อืม เข้าใจแล้ว”
ใบหน้าของอุมิเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะหันหน้าหนีไปทางอื่น…นี่เธอน่าจะเข้าใจความหมายที่ผมจะสื่อแล้วใช่ไหมนะ?
ผมได้ยินเสียงของอุมิบ่นพึมพัมออกมาเบาๆว่า「ตาบ้า」…แต่ผมกลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฟุฟุฟุ~~ เมื่อมากิคุงพูดแบบนี้…แล้วเธอล่ะอุมิ จะเอายังไงดี?”
“อะ-เอ่อ กะ ก็ได้ ถ้ามากิยอมทำ ฉันเองก็จะทำเหมือนกัน บอกเงื่อนไขของเธอมาได้เลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะ”
ผมตัดสินใจไปแล้ว และผมก็มีความรู้สึกว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี
…จนเมื่อได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของอามามิซังเป็นครั้งแรก ผมเริ่มอดกังวลไม่ได้แล้วสิ….
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
ปล. ไม่ได้ลงในนี้นานเลยครับ จะทยอยอัพเดทให้นะครับ
ถ้าถูกใจยังไง กระผมก็ขอฝากกดไลค์กับติดตามเพจ Durimtok Channel | Facebook ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ