ตอนที่ 33 – อามามิซัง อีกครั้ง
เกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ แม่ของผมและแม่ของอาซานางิ คือ โซระซัง ต่างขอโทษซึ่งกันและกัน ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นสามารถจบลงได้ด้วยดี นอกจากนี้ ในสัปดาห์ต่อมายังมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในความสัมพันธ์ของผมกับอาซานางิด้วย
“อรุณสวัสดิ์ อุมิ!”
“ตั้งแต่เช้ามา นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่เธอทักฉัน…แต่เอาเถอะ อรุณสวัสดิ์ยู…ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวันนี้เธอดูมีอารมณ์ดีจัง”
“เอ๋~? อะไรน่ะ เธอก็รู้อยู่แล้วนี่~ เรื่องนั้นไง เรื่องนั้น”
อามามิซังแอบขยิบตามาทางผม ใช่แล้ว…วันนี้เป็นวันพุธ วันที่สัญญากันไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ว่าผมจะทำขนมให้อามามิซัง
เนื่องจากนี่เป็นสัปดาห์หลังจากที่พึ่งเกิดเหตุการณ์นั้น ความจริงแล้วผมอยากจะเลื่อนวันที่นัดกับอามามิซังไปเป็นสัปดาห์หน้าแทน แต่ผมไม่สามารถพูดแบบนั้นกับอามามิซังได้ ก็เลยตัดสินใจทำตามแผนเดิมที่วางไว้
และเรื่องในวันนี้ผมก็ได้รายงานไปบอกแม่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับอาซานางิ เธอให้ผมสัญญาว่าจะต้องรายงานเธอทุกครั้งที่มีการพาผู้หญิงเข้าบ้าน และแน่นอนว่ารวมถึงกรณีของการพาอาซานางิมาเล่นที่บ้านด้วย
ผมยังจำได้แม่นว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่ผมบอกแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้
คนๆนั้น แกล้งทำเป็นล้มลงจากเก้าอี้ได้สมจริงสุดๆ
[อะ-อุมิจัง แค่อุมิจังคนเดียวยังไม่พอ แม้แต่เพื่อนสนิทของเธอเองก็…อาห์…ลูกชายของฉัน ลูกชายผู้สันโดษของฉัน ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว…ลูกชายของฉันก็กลายเป็นพระเอกการ์ตูนฮาเร็มไปซะแล้ว…!]
ผมสงสัยว่าอะไรดลใจเธอให้พูดแบบนั้นกับลูกชายแท้ๆของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ผมพยายามอธิบายว่าทั้งอาซานางิและอามามิซังนั้นเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้น และพวกเรามีความสัมพันธ์กันแบบเพื่อนเท่านั้น แต่แม่ของผมก็ยังยืนยันเสียงแข็งที่จะให้ผมพาอามามิซังมาแนะนำตัวกับเธอ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากที่ต้องพยายามปฏิเสธความต้องการของเธอ
แต่ว่า…ด้วยเหตุผลนี้ แม่ของผมจึงอาสาเป็นคนจัดการวัตถุดิบทั้งหมดสำหรับการทำขนมในครั้งนี้ และคุณภาพของวัตถุดิบที่เธอซื้อมาก็ค่อนข้างดีทีเดียว
“เอ๊ะ? อะไร อะไร? ยูชิน เธอกับอุมิอุมิจะไปที่ไหนกันน่ะ? ขอฉันไปด้วยสิ”
“ถึงจะรู้สึกผิดกับนีน่าจิ แต่ครั้งนี้ต้องขอโทษจริงๆนะ วันนี้ฉันวางแผนจะไปเล่นกันสองคนที่บ้านของอุมิน่ะ…เนอะ อุมิ”
“อืม ก็ตามนั้นแหละ ฉันต้องขอโทษด้วยนะนีน่า เดี๋ยวฉันกับยูจะชดเชยให้ทีหลังนะ”
“อื~ม เอาแบบนั้นก็ได้”
ดูเหมือนนิตตะซังจะยอมตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่เอาเถอะ วันนี้ผมวางแผนจะแยกกันกลับบ้านกับอาซานางิและอามามิซัง ดังนั้น แม้ว่านิตตะซังจะแอบตามพวกเธอไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
[ มาเอฮาระ ] : นิตตะซังจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
[ อาซานางิ ] : เหมือนยังติดใจอยู่นิดหน่อยแหละ เดี๋ยวตอนกลางวันค่อยจัดการอีกที
[ มาเอฮาระ ] : เข้าใจแล้ว งั้นเอาไว้เจอกันหลังเลิกเรียนนะ
[ อาซานางิ ] : อืม รับทราบ ฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้กินขนมทำมือของมาเอะฮาระอยู่นะ
[ มาเอฮาระ ] : มันไม่ได้พิเศษอะไรขนาดนั้นซะหน่อย…
[ อาซานางิ ] : อะไรน่ะ? นายกำลังหาเรื่องฉันกับยูที่ทำงานบ้านไม่ได้อยู่งั้นเหรอ?
[ มาเอฮาระ ] : อ๊ะ จริงด้วยสิ ขอโทษนะ
(TL: ในที่นี้มากิคุงพิมไปว่า めんご เมนโก เหมือนเป็นคำขอโทษแบบไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่ครับ)
[ อาซานางิ ] : ไปตายซะ
(TL: จริงๆด่าแรงกว่านี้ แต่ปรับเพื่อความซอฟ)
ผมแอบมองไปทางอาซานางิ โดยปกติเธอมักจะตอบสนองโดยการทำอะไรบางอย่างกลับมาเสมอ เชน การแอบโบกมืออย่างลับๆโดยไม่ให้คนอื่นๆจับได้
“…หึ”
ตั้งแต่เริ่มสัปดาห์นี้มา อาซานางิมักจะหลบตาผมทุกครั้งที่เราสบตากัน และบางครั้งในตอนที่ผมบังเอิญไปเจอกับเธอที่นอกห้องเรียน เธอก็ทำเป็นทักทายผมด้วยน้ำเสียงเย็นชา หรือไม่ก็ทำเป็นไม่สนใจผมเลยก็มี
ผมไม่คิดว่าตัวเองจะถูกเกลียดหรืออะไร เพราะเรายังคงส่งข้อความหากันเหมือนปกติ แต่อย่างไรก็ตาม…อาซานางิก็ทำตัวแบบนี้มาตั้งแต่วันจันทร์แล้ว
…วันนี้ ถ้าผมมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับอาซานางิ ผมว่าจะลองถามเธอดูเกี่ยวกับเรื่องนี้
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
หลังเลิกเรียน เมื่อผมกลับถึงบ้านและทำการเตรียมของและวัตถุดิบสำหรับที่จะใช้ในวันนี้เสร็จ อาซานางิกับอามามิซังก็มาถึงพอดี
“เฮะๆ วันนี้ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ มากิคุง”
“อะ-อืม…ผมเองก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะอามามิซัง…แล้วก็อาซานางิซังด้วย”
“อ่า ฝากด้วยนะ แล้วก็วันนี้ฉันแค่มาเป็นผู้ปกครองให้เด็กคนนี้น่ะ ดังนั้นไม่ต้องสนใจฉันก็ได้นะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมชวนอาซานางิให้มาที่บ้านที่ไม่ได้อยู่ในช่วงสุดสัปดาห์ แต่อาจจะเป็นเพราะอามามิซังอยู่ที่นี่ด้วย การสนทนาของเราจึงดูแข็งทื่อกว่าปกติ
ผมคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเราสามารถคุยกันแบบสบายๆได้มากกว่านี้ แต่ไม่รู้ทำไม…พอผมได้เจอกับอาซานางิในสถานการณ์แบบตอนนี้ ผมถึงเอาแต่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“โม่~ ฉันก็เข้าใจนะว่าสำหรับมากิคุงกับอุมิมันอาจจะยากไปสักหน่อย แต่ว่านะอุมิ ยังไงเธอก็เป็นเพื่อนกับมากิคุงแล้ว…พวกเธอน่าจะคุยแบบเป็นกันเองมากกว่านี้หน่อยนะ”
“เอ่อ…แต่ฉันเป็นเพื่อนกับยูนะ มันน่าจะอยู่ในรูปแบบเพื่อนของเพื่อนมากกว่า…”
“เพื่อนของเพื่อนก็คือเพื่อนไม่ใช่หรือไง…ใช่แล้ว ทั้งสองคนก็จับมือกันสิ พวกเธอจะได้กลายมาเป็นเพื่อนกันจริงๆไง”
“…”
“…”
ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราจับมือกัน ก่อนหน้านี้เราเคยจับมือกันมาหลายครั้งแล้ว และยิ่งกว่านั้น…อาซานางิยังเคยลูบหัวของผมด้วยซ้ำ—ผมเริ่มสงสัยว่าทำไมผมถึงรู้สึกตึงเครียดแปลกๆ
ผมกับอาซานางิต่างมองดูมือของกันและกัน
“เอาล่ะ ทั้งสองคน ทำความรู้จักกันสิ”
“…เอ่อ ถ้าเจ้าหญิงพูดอย่างนั้น ก็ทำตามนั้นแล้วกันนะ”
“นะ-นั่นสินะ”
พูดจบ ผมก็จับมือขวาของอาซานางิเบาๆ
มือของเธอยังคงนุ่มและเรียบเนียนเหมือนเคย โซระซังดูเหมือนจะเป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องของความงามเป็นอย่างมาก และถ้าอาซานางิทำแบบเดียวกันกับแม่ของเธอ มันก็คงไม่แปลกที่ผิวของเธอจะนุ่มและเรียบเนียนแบบนี้
ในทางกลับกัน มือของผมนั้นค่อนข้างหยาบเพราะต้องสัมผัสกับผงซักฟอกที่ใช้ในการซักผ้าทุกวัน และในตอนที่ผมมือของผมได้สัมผัสกับมือของอาซานางิ ความแตกต่างระหว่างผิวของเราทำให้ผมประหลาดใจ
“…เอ่อ ผมว่าได้เวลาแล้ว เดี๋ยวผมขอไปทำขนมก่อนนะ พวกเธอไปนั่งดูทีวีรอกันก่อนก็ได้นะ”
“ฉันอยากจะช่วยนะ แต่ทั้งฉันแล้วก็อุมิด้วย พวกเราไม่มีความสามารถด้านการทำอาหารเลย อืม…ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกนะ”
“นี่เธอเหมารวมฉันไปด้วยเหรอ…เอาเถอะ ฉันว่าเราควรไปนั่งรอเงียบๆตามที่มาเอะฮาระคุงบอกจริงๆนั่นแหละ”
ผมปล่อยอามามิซังไว้กับอาซานางิ ก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มทำขนมทันที
ตามที่สัญญาไว้ ผมลงมือทำ「ซูเฟล่แพนเค้กกล้วยหอมที่ทำจากไข่เท่านั้น」แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอกไว้…มันไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น
วิธีการทำก็ไม่ได้ซับซ้อน ขั้นแรกแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว หลังจากนั้นก็ตีไข่ขาวให้ฟูจนตั้งยอด ถัดไปก็นำไข่แดงกับกล้วยบดใส่ลงไปและผสมให้เข้ากัน และสุดท้ายก็นำไปทอดในกระทะ
แน่นอนว่ามันจำเป็นต้องมีเทคนิคอยู่บ้าง เช่น ตอนผสมไข่ขาวที่ตีจนฟูแล้วกับกล้วยบดเข้าด้วยกัน ต้องอย่าผสมมากจนเกินไป แต่ของแบบนี้ถ้าได้ทำบ่อยๆเข้า เราก็จะสามารถรู้ได้เองตามธรรมชาติว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่าพอดี
“เอาล่ะ ที่เหลือก็แค่รอให้มันสุก…เอ๊ะ? ทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
ขณะที่ผมกำลังเตรียมกาแฟในระหว่างที่รอซูเฟล่แพนเค้กสุก ผมก็สังเกตเห็นว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่
“อ๊ะ ขอโทษนะ เราขอเล่นเกมของนายหน่อยนะ…อ๊ะ เดี๋ยวสิอุมิ เล่นทีเผลอแบบนี้…ขี้ขลาดเกินไปแล้ว!”
“ในสนามรบน่ะไม่มีคำว่าขี้ขลาดหรอกนะ! ในสนามรบน่ะ ถ้าเธอเผลอเธอก็จะถูกฆ่านะ! เข้าใจไหม?”
เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่กำลังเล่นเกมของผมอยู่ และเกมที่พวกเธอกำลังเล่นกันอยู่ก็เป็นเกมที่ผมกับอาซานางิมักจะเล่นด้วยกันเป็นประจำ
ผมหมายถึง ทั้งๆที่อาซานางิก็รู้ว่าอามามิซังยังเป็นมือใหม่ แต่นี่เธอไม่คิดจะออมมือสักนิดเลยเรอะ
เฮ้อ…นิสัยเหมือนเด็กจริงๆ แต่ผมคงไม่สามารถไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรเธอได้ เพราะผมก็ทำแบบนั้นกับอาซานางิเหมือนกัน
“เดี๋ยวนะอุมิ นี่ไม่เก่งไปหน่อยหรอ? ทำไมเธอถึงยิงแม่นแบบนี้ล่ะ?”
“ก็เพราะฉันชอบไปเล่นเกมนี้ในห้องพี่บ่อยๆน่ะ…เอาล่ะ ฉันชนะแล้ว อีกอย่าง…ดูเหมือนขนมจะทำเสร็จแล้วนะ รีบไปกินก่อนที่มันจะเย็นกันเถอะ”
“มู~ อุมิ~…”
“ฮ่าฮ่า! มาเถอะ ไปกินขนมกันก่อนแล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่ คราวนี้ถ้าเธอไม่ว่าอะไรเดี๋ยวฉันจะเป็นคนสอนเธอเอง”
“จริงนะ? ถ้าอย่างนั้นข้าขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย ท่านอาจารย์”
(TL: ในเรื่องใช้คำว่า 師匠 ชิโชว อารมณ์ประมาณอาจารย์สอนการต่อสู้อะไรพวกนี้ครับ)
“ท่านอาจารย์งั้นเหรอ…เอ่อ…ข้าเองก็เช่นกัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”
ผมเคยคิดว่าอามามิซังจะไม่สนใจเรื่องอะไรแบบนี้ แต่หลังจากที่ผมได้เห็นท่าทางของเธอในตอนนี้ ดูเหมือนว่าอามามิซังกำลังแสดงสัญญาณบางอย่างของคนที่กำลังจะมีอาการติดเกมออกมา
ดูเหมือนว่าผมจะต้องรายงานแม่ว่าพวกเธอจะอยู่ที่นี่ไปอีกสักพักใหญ่ๆล่ะนะ
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. วันนี้น่าจะได้ตอนเดียวนะครับ
ปล2. ยังไม่ได้เช็คคำผิด กับสำนวนครับ