บทที่ 2 – แรกพบ (1)
เพื่อนคนแรกของผม เธอคือ อะสะนางิซัง สิ่งที่จุดประกายมิตรภาพระหว่างเราสองคนเป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงจนน่าประหลาดใจ
มันเกิดขึ้นหลังจากพิธีเปิดการศึกษา ในระหว่างโฮมรูมคาบแรกของชั้นเรียน
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
“ เอ่อ … ทะ…ทุคะ- คะคน … ทุกคน…!”
“อาจารย์ อาจารย์กัดลิ้นเพื่อสร้างความประทับใจแรกพบใช่ไหมคะ~? ”
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกังวลในชั้นเรียนผ่อนคลายลงทันที เมื่อมีนักเรียนหญิงคนหนึ่งซึ่งตอนนั้นผมยังจำชื่อและใบหน้าไม่ได้พูดขึ้นมา
“ขอโทษนะทุกคน…ครูประหม่านิดหน่อยเพราะพึ่งได้มาเป็นครูประจำชั้นครั้งแรกน่ะ… อ๊ะ~ ฉันชื่อ「ยากิซาวะ มิกิ」หนึ่งปีจากนี้ไปขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ….ฟุฟุ ฉันทำได้!!”
“…เราจะไม่เป็นไรใช่ไหมนะ ~ ? ”
เป็นครั้งแรกที่ชั้นเรียนได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ถึงเธอจะดูเป็นครูประจำชั้นที่ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ดูจะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน
แม้แต่ตอนที่นักเรียนในชั้นล้อเลียนเธอ เธอก็ยังยิ้มอย่างสดใส บางทีเธออาจเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก เธออาจจะเข้าใจนิสัยเงอะงะของตัวเอง และเลือกที่จะตัดสินใจยอมรับมัน
อาจารย์ยากิซาวะพึ่งจะอายุยี่สิบห้าปี และเป็นครูมาเพียงสามปีเท่านั้น และดูเหมือนเธอจะเป็นคนไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่ แต่จะถือว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีค่อยมาว่ากันทีหลังแล้วกัน
“เอาล่ะ….พอแล้วๆ พวกเธอจะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับครูได้อีกในอนาคต แต่ว่าวันนี้ ครูอยากให้ทุกคนแนะนำตัวเองก่อน และนั่นคือเหตุผลที่เมื่อวานครูตัดสินใจทำสิ่งนี้ขึ้นมา… โอเค ส่งต่อให้คนที่อยู่ข้างหลังนะ”
นักเรียนที่นั่งแถวหน้าส่งกระดาษที่พวกเขาได้รับจากอาจารย์ยากิซาวะไปรอบๆห้อง
『 บัตรแนะนำตัว 』
ชื่อ:
โรงเรียนม.ต้น:
งานอดิเรก:
สิ่งที่ชอบ (อาหาร,คน) :
คำพูดถึงทุกคนในชั้นเรียน:
“เฮ้ออ…”
เมื่อผมได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกระดาษ ผมก็ถอนหายใจ
ผมมีความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งนี้
“ทุกคนจะต้องกรอกข้อมูลลงในบัตร หลังจากนั้นครูจะสุ่มหยิบบัตรออกมา และถามสิ่งที่พวกเธอเขียนลงไปในบัตรแนะนำตัว พวกเธอมีความเห็นว่ายังไง ครูคิดขึ้นมาได้หลังจากพยายามคิดอย่างหนักเลยนะรู้ไหม? เพื่อที่จะสามารถทลายกำแพงในใจของพวกเธอในโฮมรูมครั้งแรก”
นั่นสินะ
ในห้องเรียนมีนักเรียนอยู่ 30 คน ถ้าให้นักเรียนแต่ละคนแนะนำตัวเองคนละ 2 นาทีก็สามารถเติมเต็มคาบโฮมรูมได้พอดี แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับคนอย่างผมที่อยู่คนเดียวมาตั้งแต่สมัยเรียนประถม เรื่องนี้มันค่อนข้างน่ารำคาญนิดหน่อย
ในตอนที่ผมเล่นเกม เวลาหนึ่งนาทีนั้น ผมรู้สึกเหมือนผ่านไปเร็วราวกับหนึ่งวินาที แต่เมื่อผมต้องไปพูดต่อหน้าคนจำนวนมากแบบนี้ หนึ่งนาทีนั้นราวกับนิรันดร์
และตั้งแต่ที่อาจารย์ให้เวลาเราคนละสองนาที นั่นหมายถึงผมต้องแบกความภาระเป็นสองเท่า นี่มันคือการทรมานกันชัดๆ
นักเรียนบางคนบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถูกต้อง การแนะนำตัวด้วยชื่อและโรงเรียนม.ต้นของคุณ พูดขอบคุณสักสองสามคำก็น่าจะเพียงพอสำหรับการแนะนำตัวเองอย่างง่ายๆ ถ้าทำแบบนี้ก็จะช่วยประหยัดเวลา และนอกจากนั้น เวลาที่เหลือจะทำให้เราสามารถขอสลับที่นั่งกันได้อีกด้วย
“หนูไม่มีปัญหาค่ะอาจารย์! ปกติเวลาแนะนำตัวเอง หนูก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีเหมือนกัน แต่การทำตามคำแนะนำของอาจารย์มันช่วยได้มากเลยค่ะ!”
(TL:จริงๆในส่วนนี้ถ้าแปลแบบตรงๆจะแทนตัวเองด้วยคำว่า ฉัน นะครับ แต่ผมอิงจากบุคลิคของตัวละคร แล้วแปลเป็นสำนวนไทยอีกทีเลยแทนด้วยคำว่า หนู แทน)
“ข-ขอบคุณนะ แล้วคุณคือ… เอ่อ…?”
“อามามิค่ะ อามามิ ยู , อาจารย์…ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ!”
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยกมือขึ้น แน่นอนว่าผมเองก็เช่นกัน
สาวสวยผมบลอนด์ตาสีฟ้า เธอนั้นโดดเด่นตั้งแต่ในพิธีเปิดการศึกษาแล้ว และดูน่ารักยิ่งขึ้นเมื่อได้มามองใกล้ๆ สามารถพูดได้เลยว่าเธอสวยในระดับเดียวกันกับไอดอล
เมื่อเธอแสดงความคิดเห็น คนที่บ่นก็เงียบไปทันที
เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนี้จะกลายมาเป็นศูนย์กลางของชั้นเรียน ดังนั้นจึงไม่มีใครบ้าพอที่จะไปพูดขัดกับคำพูดของเธอ
หลังจากนั้น การ์ดแนะนำตัวเอง ก็ถูกส่งกลับคืนไปให้อาจารย์ยากิซาวะทันที
“ถ้าอย่างนั้น ครูจะเริ่มสุ่มแล้วนะ… อันดับแรก…อามามิซัง….เริ่มด้วยดาวเด่นเลย~!”
“ค่า~~ อาจารย์ ถามมาได้เลยค่ะ!”
อามามิซัง เป็นคนแรก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะผ่านมันไปอย่างสบายๆ
“โอเค เริ่มจากคุณชื่ออามามิ ยู…เป็นชื่อที่ดี คุณมาจาก… โรงเรียนสตรีทาจิบานะ…เป็นโรงเรียนสตรีล้วนทั้งม.ต้นและม.ปลาย…เอ๊ะ..ทำไมคุณถึงเลือกเข้าเรียนที่นี่ล่ะ”
“หนูคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าได้เข้าโรงเรียนสหศึกษาในตอนม.ปลายค่ะ หนูหมายถึง หนูเป็นนักเรียนม.ปลายแล้วใช่ไหมล่ะคะ แล้วหนูก็สนใจเรื่องแบบนั้นด้วยค่ะ”
“เข้าใจแล้วล่ะ อามามิซังก็เป็นผู้หญิงนี่นะ~”
เมื่อได้ยินคำตอบของอามามิ เด็กผู้ชายบางคนก็หน้าแดงด้วยความตื่นเต้น อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่าเธอจะเดทกับหนุ่มหล่อจากโรงเรียนอื่นอยู่แล้ว นอกจากนี้ผมยังจะรู้สึกสบายกว่าที่ได้เป็นแค่คนแปลกหน้า
คำตอบอื่นๆ ของเธอคือ …
งานอดิเรก: ร้องคาราโอเกะ ฉันชอบร้องเพลง ไปกันเถอะหลังเลิกเรียนด้วยกัน!
สิ่งที่ชอบ (อาหาร,คน): ของหวาน! แต่ฉันน้ำหนักขึ้นง่าย ตอนนี้ฉันกำลังลดน้ำหนัก…
คำพูดถึงทุกคนในชั้นเรียน: มาเป็นเพื่อนกันเถอะ!
อืม…ก็สมกับเป็นพวกระดับสูงของชั้นเรียนล่ะนะ
ดูเหมือนคนอื่นๆจะอยากรู้เกี่ยวกับเธอมากกว่านี้ แต่น่าเสียดายสำหรับพวกเขา สองนาทีนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น อาจารย์ยากิซาวะก็เรียกชื่อนักเรียนคนต่อไป…
“คนต่อไป… เป็นเด็กผู้ชายล่ะ…มาเอะฮาระคุง”
“…ครับ…”
ผมนั่นเอง
ผมคิดว่าจะต้องรอคิวอีกสักหน่อย ไม่ได้คาดคิดเลยว่าผมจะต้องมาแนะนำตัวเป็นคนต่อไปหลังจากอามามิซัง
“มาเอะฮาระคุง…มาจากโรงเรียนมัธยมต้นมัตสึบาระ…ที่ไหนน่ะ?”
“โรงเรียนมัธยมต้นมัตสึบาระอยู่ในจังหวัดใกล้เคียงครับ ผมเพิ่งย้ายมาที่นี่ตอนช่วงฤดูหนาวของชั้นม.สามครับ”
ผมไม่อยากลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ผมเลยพูดไปอย่างคลุมเครือ ในช่วงเวลานั้นพ่อแม่ของผมหย่าร้างกันพอดี ผมจึงต้องย้ายตามแม่มาอยู่ที่นี่
“เห~ หายากเหมือนกันนะ ถ้าอย่างนั้น ต่อไปก็…”
ผมประทับใจในความละเอียดอ่อนของอาจารย์ที่ไม่ถามรายละเอียด
คำตอบอื่นๆของผมมีดังนี้
งานอดิเรก: เล่นเกม
สิ่งที่ชอบ: ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
คำพูดถึงทุกคนในชั้นเรียน: ขอแสดงความนับถือ
“อืมม…..”
อาจารย์ดูจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของผม
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบอะไรเป็นพิเศษ ปกติแล้วกิจกรรมอื่นๆที่ผมทำนอกจากเล่นเกมก็จะเป็นพวกฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือดูหนัง แต่นั่นมันก็ทำแค่เพื่อฆ่าเวลาในบางโอกาส ผมไม่สามารถพิจารณากิจกรรมเหล่านี้ว่าเป็นงานอดิเรกได้
ผมก็แค่ตอบไปตรงๆกับความคิดของตัวเอง
“เกมงั้นหรือ…ก็ดีนะ บางครั้งครูก็เล่นเกมดังๆพวกเกมสร้างหมู่บ้านอะไรทำนองนั้นบ้าง…แต่ว่านะ ‘ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ’ นี่หมายความว่ายังไง ไม่มีอะไรที่ชอบทำเลยหรอ เช่นอะไรที่ชอบทำในวันหยุดสุดสัปดาห์อะไรแบบนี้…?”
“…อา…มีอย่างนึงครับ”
“มะ-มีงั้นเหรอ ดีจัง…ว่าแต่มันคืออะไรกันนะ?”
จริงๆแล้วผมไม่อยากพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็หลุดปากออกไปแล้ว ตอนนี้มันอยู่ในจุดที่หวนกลับไม่ได้แล้ว
“ในวันศุกร์ที่ผมบ้านอยู่คนเดียว ผมจะสั่งพิซซ่ามา จากนั้นผมก็จะเล่นเกมหรือดูหนังบนทีวีจอใหญ่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับดื่มโค้กไปด้วยครับ…”
“ เอ๋~~~~ … อืม … เรื่องนั้นจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมนะ…?”
บางทีอาจารย์อาจจะไม่อยากให้ผมใช้เวลามากเกินไป เธอจึงยอมปล่อยผมไป
ทั้งชั้นเรียนถูกห่อหุ้มไปด้วยบรรยากาศที่แปลกประหลาด แต่ผมก็แค่พูดตอบไปตามความจริง ผมเลยเลือกที่จะไม่สนใจ
เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่จะมากจากโรงเรียนมัธยมต้นเดียวกัน แต่เนื่องจากผมพึ่งย้ายมาและผมยังเป็นคนที่เข้ากับสังคมได้แย่ ผมจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ที่โรงเรียนอย่างเงียบๆ จะมีก็แต่โอยามะคุงที่เป็นข้อยกเว้น เพราะเราคุยกันค่อนข้างบ่อย
เรื่องราวดำเนินไปในลักษณะนี้จนถึงเย็นวันศุกร์
ตามปกติแล้ว ผมจะแวะซื้อโค้กที่ร้านสะดวกซื้อระหว่างทางกลับบ้าน และสั่งพิซซ่าทางโทรศัพท์ และเอนกายนอนลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นใน และนอนดูหนัง ทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
“พิซซ่ามาส่ง…? ไม่สิ… พึ่งโทรไปสั่งแปบเดียวเอง…”
ผมกดปุ่มบนหน้าจออินเตอร์คอมในขณะที่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้น
“…นี่ ฉันซื้อพิซซ่ากับโค้กมาแล้ว…มาฮาระคุง…นั่น..ยะ.อยากจะทานด้วยกันกับฉันไหม…?”
“เอ~โต~… อะสะนางิซัง?”
“อะ-อืม…”
ไม่ใช่คนส่งของธรรมดาที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านพร้อมกับพิซซ่าไซต์ L และโค้กขนาดสองลิตร 2 ขวดในมือ แต่เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ผมไม่เคยคุยด้วยมาก่อน เธอคือ อะสะนางิซัง
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. ผมยังติดใจกับชื่อของ อะสะนางิซัง อยู่เลยครับว่าจะพิมพ์แบบออกเสียงญี่ปุ่น หรือจะพิมพ์ว่า อาซานางิซัง เพื่อความสวยงามดี
ปล2. ผมลองสร้างเพจเล่นๆดู https://www.facebook.com/Durimtok ถ้าถูกใจยังไงฝากเพื่อนๆกดติดตามกันได้นะครับ