ลานบ้านนี้เป็นแบบ 3 ทางเข้า มีห้องมากกว่าสิบห้อง และแม้ว่าจะ เพิ่มจํานวนคนเป็นสองเท่าก็ไม่เป็นปัญหา โจวเหว่ยชิงนําสมาชิก อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ไปที่บ้านของหลินเทียนอ้าว หลังจากแนะนํา ตัวง่ายๆ เขาก็ส่งรายการสิ่งของที่จําเป็นต้องซื้อให้หลินเทียนอ้าว จัดการ
มีหลายอย่างที่โจวเหว่ยชิงจําเป็นต้องซื้อ ประการแรก เขาต้องการ เหรียญทองจริงๆ จํานวนมาก เพื่อให้ทหารกองพันไร้พ่ายเหล่านั้นเชื่อ ฟัง เขาจําเป็นต้องมีจํานวนทองคําจํานวนมากพอ แน่นอนว่านั่นจะเป็น เพียงเงินทุนหมุนเวียน เพราะโจวเหว่ยชิงจะใช้ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณี ยุทธ์ราคาต�าแลกเอาทองกลับคืนมา แต่ก่อนที่จะทําได้ เขาก็จําเป็นต้อง ใช้เงินก้อนนี้ก่อน
ต่อมาเด็กหนุ่มต้องการให้หลินเทียนอ้าวซื้อสิ่งของที่มีช่องมิติอยู่ เช่นแหวนหรือสิ่งที่คล้ายกันให้ได้มากที่สุด ในความคิดของโจวเหว่ยชิง กองทัพที่เขาคิดไว้ไม่จําเป็นต้องมีจํานวนมาก แต่พวกเขาต้องเป็น ทหารระดับสูงที่มีทักษะยอดเยี่ยม ความเร็วจึงเป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ควรให้พวกเขาแบกสัมภาระหนักๆ อุปกรณ์มิติ จํานวนมากพอจึงจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
แน่นอนว่ามีเพียงคนอย่างพวกเขาเท่านั้นที่สามารถทําอะไรแบบ นั้นได้ ถึงอย่างไรแหวนมิติและสิ่งที่คล้ายๆ กันก็มีราคาแพงมาก อุปกรณ์มิติขนาด 1 ลูกบาศก์เมตรมีราคามากกว่า 500 เหรียญทอง และยิ่งมีพื้นที่มากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น อุปกณ์มิติที่ มีคุณภาพสูงสุดอย่างน้อยก็ต้องใช้เหรียญทองหลายหมื่นเหรียญหรือ อาจถึงแสนเหรียญ แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้ต้องการสิ่งที่มีคุณภาพ ระดับสูงมากนัก แค่จํานวนมากก็ใช้ได้แล้ว เป้าหมายสูงสุดของเขาคือ การจัดหาให้ทหารกองพันไร้พ่ายทั้งหมดของเขาคนละชิ้น
ถัดไปเป็นคันธนูยาวและลูกศรจํานวนมหาศาล แน่นอนว่าเขา สามารถขอรับสิ่งเหล่านี้ได้จากกองทัพภาคเหนือ แต่ถึงอย่างไรอาวุธก็ เป็นสิ่งของที่ถูกควบคุมไว้เป็นอย่างดี และก็ค่อนข้างยากลําบากในการ ขอรับมาจํานวนมากๆ นอก จากนี้ โจวเหว่ยชิงยังเหลือบมองอาวุธ ธรรมดาๆ จากกองทัพเหล่านั้นด้วยสายตารังเกียจ
คนงานดีๆ จําเป็นต้องมีเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม สิ่งที่เขาต้องการก็คือ คันธนูคุณภาพสูง
นอกจากนั้น โจวเหว่ยชิงยังขอให้หลินเทียนอ้าวส่งใครบางคนไป ยังส่วนอื่นๆ ของอาณาจักรจ้งเทียนเพื่อสั่งซื้อชุดเกราะ เขาไม่ต้องการ ทําเช่นนั้นในเมืองเทียนเป่ยเพราะมันจะกระตุ้นความสงสัยมากเกินไป
ในกรณีเช่นนี้ การกระจายคําสั่งซื้อไปยังเมืองต่างๆ ของอาณาจักรจ้ง เทียนน่าจะให้ผลดีกว่า
ชุดเกราะที่เขาคิดไว้ไม่จําเป็นต้องมีขนาดใหญ่ ไม่ใช่เกราะแบบ เต็มตัว แต่สิ่งหนึ่งที่โจวเหว่ยชิงต้องการคือพวกมันต้องสร้างขึ้นจาก โลหะผสมไททาเนียม รวมถึงหมวกลมที่เขาเคยออกแบบเมื่อหลายปี ก่อน
แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะใช้เงินที่เขาได้มาจากงานประลองมณีสวรรค์ ไปกว่าร้อยล้านแล้ว แต่เขาก็ยังมีเงินเหลืออีกมาก และตอนนี้ก็เป็นเวลา ที่จะนําเงินเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์เสียที เขาไม่กังวลที่จะใช้จ่าย เพราะ ถึงอย่างไรอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ 3 คนก็คงจะหาเงินเพิ่มได้ไม่ยาก
นอกเหนือจากนั้นยังมีสินค้าจิปาถะอื่นๆ ที่เขาต้องการซื้อ และโจว เหว่ยชิงก็ทิ้งทั้งหมดไว้ให้หลินเทียนอ้าวจัดการเช่นกัน
“พี่ใหญ่ ข้าจะต้องรบกวนท่านทําสิ่งเหล่านี้ กองพันไร้พ่ายควร จะต้องดําเนินการไปอย่างช้าๆ ตอนนี้พวกท่านทุกคนอยู่ที่นี่ไปก่อน หากเราต้องการอะไรเพิ่มข้าจะส่งทหารส่งสารมา พี่หยุน โตวโตว เจ้า สองคนอยู่ที่นี่เช่นกัน จากนี้ไปข้า องการให้เจ้ามุ่งเน้นไปที่การสร้าง ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ทั้งสองประเภทนี้ ส่วนวัสดุที่จําเป็น เจ้าไป รับเงินจากพี่หลินเพื่อหาซื้อพวกมัน”
โจวเหว่ยชิงบอกทั้งสองคนเกี่ยวกับการออกแบบม้วนคัมภีร์ ศาสตรามณียุทธ์ที่เขาต้องการ ตอนนี้เด็กหนุ่มมีหลายสิ่งที่ต้องทําและ เขาไม่สามารถผลาญเวลาไปในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ มากเกินไป หยุนลี่และโตวโตวอาจกล่าวได้ว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด ของเขาในเวลานี้ และจะเป็นการดีที่สุดหากพวกเขาได้รับการปกป้อง อย่างมั่นคงในแนวหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับโตวโตว เนื่องจากสิง เทียนอี้ได้ขอให้โจวเหว่ยชิงช่วยดูแลเธอความปลอดภัยของเธอ หญิง สาวจึงมีความสําคัญยิ่งในสายตาของเขา
ตลอดทั้งวันต่อมา โจวเหว่ยชิงและหลินเทียนอ้าวก็ยังคงพูดคุย และถกเถียงรายละเอียดของแผนการที่กําลังจะเกิดขึ้น แน่นอนว่าการ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพันไร้พ่ายนั้นถือเป็นก้าวสําคัญในการบรรลุ แผนสําหรับชายแดนทางตอนเหนือของพวกเขา เมื่อมีสถานที่แห่งนั้น เป็นฐานที่มั่น มันย่อมง่ายกว่าการพยายามพิสูจน์ตัวเองเพื่อไต่เต้า ตําแหน่งในกองทัพปกติ รวมถึงการเกณฑ์ไพร่พลทหารจากที่นั่นด้วย เพราะถึงอย่างไรเหล่ากองพันนักเลงก็ไม่ได้ให้ความเคารพรักกองทัพจ้ง เทียนเหมือนทหารทั่วๆ ไป บางทีอาจจะเรียกว่าเกลียดได้ด้วยซ�า ตราบ ใดที่สามารถให้ผลประโยชน์แก่พวกเขาได้มากพอ โจวเหว่ยชิงก็มั่นใจ ว่านําทัพพวกเขาในอนาคตได้
แน่นอนว่าเวลานี้ยังไม่อาจลงมือเนื่องจากเขตสงครามชายแดน ตอนเหนือเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะ
กลายเป็นหินลับมีดที่ดีที่สุดสําหรับกองพันไร้พ่าย การสร้างกองกําลัง ชั้นยอดในชั่วข้ามคืนนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างจึงจะต้องค่อยเป็น ค่อยไป
หลังอาหารค�า โจวเหว่ยชิงและหลินเทียนอ้าวก็มุ่งหน้าไปยังหอ ประมูลของเมืองเทียนเป่ยเพื่อกวาดซื้ออุปกรณ์มิติกว่า 20 ชิ้น หลังจาก นั้น พวกเขาก็ซื้อคันธนูและลูกศรจํานวนมากนําเข้าไปในอุปกรณ์มิติ ก่อนจะลอบออกจากเมืองเทียนเป่ย แน่นอนว่าในขณะที่ทําเช่นนั้น โจว เหว่ยชิงก็จากไปพร้อมกับสมาชิกหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์และซ่างกวน เฟยเอ๋อร์
เมื่อเด็กหนุ่มปล่อยจ่าฝูงม้าปีศาจผีเขาเดียวออกมา ดวงตาของ สมาชิกหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็สว่างวาบขึ้นทันที ในที่สุดมู่เอินก็ใช้ สถานะอาจารย์ของโจวเหว่ยชิงเพื่อบังคับครอบครองม้า ส่วนหลัวเขอตี้ ก็พยายามเข้าไปนั่งเบียดด้วยกันกับเขาอย่างไร้ยางอาย แต่ทว่าก็ถูก ปฏิเสธกลับอย่างไร้ความปราณี
ในที่สุดฮั่นโม่ผู้เงียบขรึมก็เปิดปาก ตบไหล่โจวเหว่ยชิงและพูดว่า “เหว่ยน้อย เนื่องจากเราจะไปเป็นครูฝึกยิงธนูให้กับกองพันไร้เทียม ทานของเจ้า เช่นนั้นเจ้าควรจะปฏิบัติต่อพวกเราเช่นไร?”
“ปฏิบัติ? ปฏิบัติอย่างไร?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยความสับสน
“จ่าย…ค่าตอบแทนยังไงล่ะ” เนื่องจากเคยร่วมมือกับฮั่นโม่มาเป็น เวลานาน เกาเฉินผมแดงจึงเลียริมฝีปากและเสริมด้วยใบหน้าที่ดู กระหายเลือด
โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยท่าทางตกใจ “ท่านทั้งสองคน…คงไม่ได้ พยายามจะรีดไถศิษย์รักที่มีค่ายิ่งของพวกท่านหรอก…ใช่ไหม?”
สุ่ยเฉายิ้มและพูดว่า “นี่ไม่ใช่การข่มขู่รีดไถ แต่เป็นคําขอที่ สมเหตุสมผล ในความเป็นจริง ความต้องการของเราก็ไม่ได้เกินไปสัก นิดเดียว”
หลัวเขอตี้พยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า “ใช่ ไม่มากเกินไปเลย แม้แต่น้อย แค่ม้าปีศาจผีสําหรับเราแต่ละคน ต้องคุณภาพยอดเยี่ยม หรือดีกว่าของเจ้าเท่านั้น สําหรับค่าตอบแทนอื่นๆ…เราสามารถพูดคุย กันได้ในภายหลัง ใช่ไหม?…หัวหน้า รองหัวหน้า”
ยี่ฉือเอ่ยเบาๆ “ตัวข้างดงามสูงส่ง…การขี่ม้าปีศาจผีเช่นนี้จะทําให้ ภาพลักษณ์ของข้าด้อยลงหรือเปล่า?”
ตอนนี้โจวเหว่ยชิงรู้แล้วว่าตนเองกําลังถูกรีดไถอย่างแน่นอน เขา มองไปที่หัวเฟิงด้วยความหวังเสี้ยวสุดท้าย
หัวเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย กวาดสายตามองไปยังสมาชิกหน่วย เกาทัณฑ์สวรรค์คนอื่นๆ ก่อนจะพูดว่า “พวกเจ้าจะรีดไถเหว่ยน้อยแบบ นั้นได้อย่างไร?”
มู่เอินกล่าวอย่างรวดเร็ว “ใช่เลย พวกเจ้าช่างไม่มีมนุษยธรรม!”
โจวเหว่ยชิงไม่ได้ส่งเสียง แต่ก็ไม่ได้ไร้เดียงสากระทั่งคิดว่าคําพูด ของหัวเฟิงจะทําให้สหายเหล่านั้นยอมปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย
ตามที่คาดไว้ หัวเฟิงกล่าวต่อ “เหว่ยน้อย เพื่อให้กองพันไร้พ่าย ของเจ้าพัฒนาและเติบโตได้ดียิ่งขึ้น แค่การยิงธนูอย่างเดียวคงไม่ เพียงพอ สิ่งที่สําคัญอย่างยิ่งคือปฏิกิริยาตอบสนองและความรวดเร็วใน การเคลื่อนที่เข้าออกสนามรบตามต้องการ ดังนั้น พลธนูบนหลังม้าจึง เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แน่นอนว่าพลธนูบนหลังม้าเช่นนี้ต้องอาศัยม้า พันธุ์ดี และม้าปีศาจผีก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เราจึงต้องทํา ความคุ้นเคยกับม้าปีศาจผีเหล่านี้ก่อนเพื่อจะได้นําไปสอนทหารให้ดี ยิ่งขึ้นเช่นกัน”
หลัวเขอตี้แสยะยิ้มและกล่าวว่า “หัวหน้านี่ช่างสมกับเป็นหัวหน้า จริงๆ เขากระทั่งสามารถรีดไถคนได้อย่างชอบธรรมและเป็นธรรมชาติ มาก”
โจวเหว่ยชิงมองไปยังอาจารย์วัยกลางคนที่แสนไร้ยางอายทั้งเจ็ด ทันใดนั้น เขาก็หันไปหาซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และถามว่า “ เฟยเอ๋อร์ เจ้า สามารถบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดเท่าไหร่ตอนกําลังบิน?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อยู่กับเขามาระยะหนึ่งแล้ว และเธอก็เข้า ใจความนัยของโจวเหว่ยชิงได้อย่างง่ายดาย “หาเป็นพวกเขาทุกคนก็ไม่ มีปัญหา”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะและพูดว่า “อาจารย์ ไปสัมผัสกับความสุขใน การบินสักระยะเถอะ เราจะได้รีบกลับไปยังกองพันไร้พ่ายให้เร็วที่สุด นี่ คือหนทางเดียวเท่านั้น”
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เหนือท้องฟ้าบริเวณค่ายทหารภาคเหนือ เชือกที่ เหวี่ยงไปมาอย่างรุนแรงท่ามกลางสายลมหนาวเหน็บยามค�าคืนมี มนุษย์ 8 คนถูกมัดและแขวนอยู่บนนั้น เสียงกรีดร้องที่แสนโศกเศร้า และโหยหวนทั้ง 7 ดังออกมาในอากาศ ก้องกังวานไปทั่วท้องนภาตลอด คืน
………………………………………………………