การส่งพลังกลับมานั้นเกิดขึ้นหลังจากที่วิญญาณมังกรกลายสภาพใช้พลังส่วนเกินทำให้ร่างกายของโจวเหว่ยชิงประปรี้กระเปร่าขึ้น และมันก็ควรจะให้ผลดีเยี่ยมต่อร่างกายของเขา
อนิจจา โจวเหว่ยชิงไม่ใช่จ้าวมณีสวรรค์ธรรมดา เขามีพลังสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืดอยู่ในร่างก่อนแล้ว ดังนั้นปัญหาจึงเกิดขึ้นกับเขาทันที
เมื่อวิญญาณมังกรกลายสภาพนำพลังงานความร้อนออกมาสู่ร่างกายของโจวเหว่ยชิง มันก็ได้ปลุกพลังพยัคฆ์เทพอสูรมืดขึ้นมาด้วย เมื่อตรวจจับพบผู้บุกรุก สายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืดที่เอาแต่ใจจะยินยอมได้อย่างไร? ดังนั้นพลังของสายเลือดทั้งสองจึงปะทะกันอย่างดุเดือด
หากไม่ใช่เพราะพยัคฆ์เทพอสูรมืดคอยขัดขวาง บางทีเวลานี้โจวเหว่ยชิงคงรู้สึกถึงความร้อนที่เพิ่มขึ้นภายในตัวและไม่นานก็อาจประหลาดใจเมื่อพบว่าร่างกายได้ถูกพัฒนาขึ้น อนิจจา สิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้น และสถานการณ์ปัจจุบันก็ดันกลายเป็นปัญหาอย่างหนัก ความแข็งแกร่งของวิญญาณมังกรกลายสภาพและสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืดนั้นเท่าเทียมกัน เมื่อเกิดการปะทะขึ้น มันก็เหมือนกับว่าร่างกายของเขาถูกใช้เป็นสนามรบขนาดย่อมๆ ด้วยพลังที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง หนึ่งร้อนและหนึ่งเย็น เขาจะยังอยู่ดีได้อย่างไร?
นี่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับโจวเหว่ยชิง ทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงยิ่งกว่าตอนที่ทะลวงจุดตายเสียอีก
เช่นเดียวกับที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์คาดเดา ปัจจุบันโจวเหว่ยชิงกำลังเจ็บปวดทรมาณอย่างไม่น่าเชื่อ มากกว่าที่เขาเคยประสบมาทั้งหมด น่าเสียดายที่เด็กหนุ่มไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ทว่าสติของเขาก็ยังคงตื่นอยู่และรู้สึกได้ทุกอย่าง
เขาสามารถรับรู้ถึงทุกสิ่งที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ทำได้อย่างชัดเจน ทั้งยังได้ยินเสียงของเธอด้วย เมื่อรู้สึกได้ว่าหญิงสาวกำลังได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการโอบกอดเขา เด็กหนุ่มก็รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก แต่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กลับกอดเขาไม่ยอมปล่อย
พลังปราณสวรรค์ที่หนาทึบของเธอแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของโจวเหว่ยชิง ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเขาได้มาก แต่ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของอีกฝ่ายกำลังหมดหมดลงในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นพร้อมๆ กับอาการสั่นเทา
ไม่…เฟยเอ๋อร์…หยุด…ปล่อยข้าเถอะ…
โจวเหว่ยชิงทำได้เพียงกรีดร้องออกมาในใจเนื่องจากเขาไม่สามารถขยับปากพูดได้
เฟยเอ๋อร์กำลังจะตาย…เฟยเอ๋อร์กำลังจะตาย โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าสมองของเขากำลังจะระเบิด ปัจจุบันเขาเกลียดตัวเองมาก ทั้งยังเกลียดพลังภายในร่างกายนี่ด้วย เมื่อซ่างกวนเฟยเอ๋อร์สวมกอดเขาและบอกว่าเธอเต็มใจที่จะสละทุกอย่างเพื่อเขา โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าหัวใจของตนกำลังหลอมละลาย
สิ่งที่เขาอยากทำตอนนี้คือให้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ทิ้งเขาไปเพื่อหยุดยั้งความเจ็บปวดของอีกฝ่าย
ความทรมาณที่เสียดแทงไปถึงจิตวิญญาณก็มีผลต่อร่างกายของเขาเช่นกัน หลุมดำพลังปราณทั้ง 16 จุดกำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้สายเลือดที่กำลังปะทะกันทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน อนิจจา มันก็เหมือนกับการดับไฟด้วยน้ำเปล่าหนึ่งถ้วย แทบจะไม่สามารถรักษาสมดุลและหยุดยั้งไม่ให้พวกมันระเบิดพลังใส่กันจนเผลอฆ่า โจวเหว่ยชิงได้
ตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังเข้าสู่สภาวะคลั่ง เพื่อช่วยซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เขาตัดสินแล้วว่าจะไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ในวินาทีนั้น โจวเหว่ยชิงจึงทำสิ่งที่บ้าคลั่งโดยไม่ลังเล
เด็กหนุ่มไม่สามารถขยับร่างกายได้ แต่เขารู้ว่าความคิดของตนยังคงส่งผลต่อพลังปราณภายในเล็กน้อย เพื่อช่วยเหลือซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เขาต้องนำการควบคุมร่างกายของตนกลับคืนมาบางส่วน อย่างน้อยก็ในชั่วขณะ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น เขาต้องหยุดไม่ให้สายเลือดทั้งสองในร่างกายต่อสู้กันเอง
ด้วยระดับพลังในปัจจุบันของโจวเหว่ยชิง เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แม้เด็กหนุ่มจะสามารถควบคุมพลังปราณสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขาก็ยังเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ การเคลื่อนไหวครั้งต่อมาของเขาจึงถือเป็นเรื่องที่แสนบ้าบิ่น ซึ่งอาจอธิบายได้ว่าเกือบจะเป็นการฆ่าตัวตาย
โจวเหว่ยชิงนำพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดที่ไหลเวียนออกมาจากหลุมดำพลังปราณทั้ง 16 จุดมารวมกัน ด้วยจิตมุ่งมั่นและพลังทั้งหมดที่มี เขาผลักไสพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดไปยังจุดตายที่ 17 ในทันที
จุดตายเสินเชวี่ย
ตำแหน่ง อยู่ระหว่างปอด
จัดอยู่ในหมวดเส้นลมปราณเริ่น เมื่อถูกทะลวงจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนที่เส้นประสาท ลำไส้ แขนขา ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะไม่ทำงาน
โจวเหว่ยชิงผ่านการทะลวงจุดตายที่ 16 มาระยะหนึ่งแล้ว นับตั้งแต่ออกจากเกาะมณีสวรรค์ แม้ว่าจะหยุดใช้ทักษะกลืนกินเพื่อจุดประสงค์ในการฝึกฝน เขาก็ยังผ่านการฝึกปราณมาอย่างหนักหน่วง ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มเคยใช้ทักษะกลืนกินเพื่อทะลวงจุดตายที่ 16 และมันก็ทำให้รากฐานพลังของเขาไม่ค่อยมั่นคงนัก โจวเหว่ยชิงต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูรากฐานสำเร็จ นอกจากนี้ จริงๆ แล้วก็ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรก่อนที่เขาจะพร้อมทะลวงจุดตายที่ 17 เจ็ดได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เด็กหนุ่มกลับตัดสินใจที่จะทำเช่นนั้นโดยไม่ลังเล
เนื่องจากแรงกดดันจากพลังสายเลือดทั้งสอง หลุมดำพลังปราณของเขาจึงหมุนเวียนไปด้วยความเร็วสูงสุด อย่างน้อยก็มากกว่าปกติถึง 2 เท่า การนำพลังปราณออกมาอย่างรวดเร็วทำให้หลุมดำพลังปราณถูกเติมเต็มก่อนจะระเบิดอย่างฉับพลันไปยังจุดตายเสินเชวี่ย
จุดตายเสินเชวี่ยเป็นจุดตายที่ 4 ของวิชาเทพอมตะส่วนที่ 3 หรือจุดตายที่ 17 ของทั้งหมด ในช่วงเวลานั้น ด้วยการพุ่งตัวออกไปอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ พลังปราณสวรรค์ซึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจึงถูกเร่งความเร็วขึ้นอีกด้วยแรงกดดันจากพลังของสายเลือด และแม้ว่าพลังปราณสวรรค์โดยรวมของเขาจะไม่เพียงพอสำหรับใช้ในจุดประสงค์ดังกล่าว ทว่ามันก็ยังสามารถบังคับให้พลังปราณพุ่งเข้าสู่จุดตายเสินเชวี่ยได้
โจวเหว่ยชิงรับรู้ได้อย่างชัดว่าทันทีที่เขาทะลวงจุดตาย ร่างกายก็เหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะลมจนแฟบ เมื่อถึงจุดนั้น พลังปราณทั้งหมดในร่างกายก็พากันบุกเข้าไปในจุดตายที่ถูกทะลวงนั้น รวมทั้งพลังของสายเลือดทั้งสองด้วย ผลร้ายที่อาจเป็นไปได้จากการกระทำของโจวเหว่ยชิงคือพลังของสายเลือดทั้งสองที่พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาระเบิดร่างของเด็กหนุ่มและทำให้เขาเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงก็ยังมั่นใจว่าก่อนที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น เขาจะสามารถควบคุมร่างกายตัวเองและมีโอกาสช่วยซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ได้
เพื่อป้องกันไม่ให้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ตายเพราะอยู่เคียงข้างของเขา เด็กหนุ่มกำลังทำลายชีวิตทั้งชีวิตของตัวเองด้วยการกระทำที่บ้าคลั่งนี้ เขาไม่มีทางเลือกใดๆ ไม่ว่ายังอย่างไรโจวเหว่ยชิงก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายตายเพื่อเขา มิฉะนั้น แม้ว่าจะรอดชีวิตมาได้ เขาก็จะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง
*พรึ่บ**พรึ่บ* ในช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์นั้น จุดตายเสินเชวี่ยก็ได้ถูกทำลายลง โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกถึงพลังปรานทั้งหมดที่หมุนวนอยู่ภายในตัวเขาได้ทันที เด็กหนุ่มประหลาดใจเมื่อพลังปราณของตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เขารู้สึกเบาสบายทั้งยังบรรเทาความเจ็บปวดทรมาน
น่าเสียดายที่เกิดปัญหาขึ้นอีกครั้งจนได้ แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะทะลวงผ่านจุดตายเสินเชวี่ยได้สำเร็จ แต่สิ่งต่างๆกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง พลังสายเลือดทั้งสองที่พุ่งพรวดออกมาไม่ได้ทำให้เขาสามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้
ร่างกายของเด็กหนุ่มยังคงนิ่งไม่ไหวติง และไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ พลังสายเลือดทั้งสองพุ่งเข้าสู่จุดตายเสินเชวี่ย แต่คราวนี้พวกมันหยุดต่อสู้กันและรีบซ่อมแซมจุดตายเสินเชวี่ยทันที
ในทันใดนั้น โจวเหว่ยชิงก็เข้าใจผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นและตระหนักว่าเขาเผลอแก้ไขสถานการณ์อันตรายได้ด้วยความบังเอิญ
ความจริงแม้ทุกอย่างจะดูเหมือนเรียบง่าย แต่ไม่มีใครเคยคิดวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวได้โดยตรงมาก่อน พลังสายเลือดทั้งสองภายในร่างกายของเขาคือไอร้อนจากวิญญาณมังกรกลายสภาพและไอเย็นจากพยัคฆ์เทพอสูรมืดตามลำดับ อาจกล่าวได้ว่าทั้งสองเป็นขั้วตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ทั้งยังอยู่ในระดับสูงสุดของพลังแต่ละสาย หากพวกมันยังคงปะทะและต่อสู้กันเช่นนั้น ไม่ว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะเสียสละตัวเองเพื่อเขาหรือไม่ โจวเหว่ยชิงก็จะต้องตายอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะพลังทั้งสองนี้ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะหลอมรวมเข้าด้วยกัน มีเพียงความความเป็นศัตรูเท่านั้น นี่คือการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้โจวเหว่ยชิงกลับลงมือทุบหม้อข้าวและจมเรือ ใช้พลังปราณสวรรค์ของเขาเพื่อทะลวงจุดตายที่ 17 หรือจุดตายเสินเชวี่ย เวลานั้นพลังปราณสวรรค์และพลังชีวิตของเขาพลันพรั่งพรูออกมา สิ่งนี้บังคับให้ทั้ง 2 พลังสายเลือดที่ไม่ยอมลงให้กันต้องมาร่วมมือกันในที่สุด นั่นคือสัญชาตญาณการปกป้องโจวเหว่ยชิงจากจิตใต้สำนึก
แน่นอนว่าเมื่อโจวเหว่ยชิงทะลวงจุดตายของเขา ทั้งวิญญาณมังกรกลายสภาพและพยัคฆ์เทพอสูรมืดก็จะต้องช่วยกันปกป้องเขาและช่วยสร้างหลุมดำพลังปราณให้สำเร็จ ก่อนหน้านี้วิญญาณมังกรกลายสภาพไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ แต่เมื่อดูดซับพลังทั้งหมดของเปลวไฟสีเขียวทอง ตอนนี้มันจึงสามารถทำได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ เมื่อจุดตายเสินเชวี่ยถูกทำลายลง ทั้งสองจึงสามารถหาพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน หรือว่าจุดพักรบได้
รอบๆ จุดตายเสินเชวี่ย สายเลือดทั้งสองต่างหมุนวนเป็นจังหวะขณะที่พวกมันกำลังทำการซ่อมแซมพื้นที่บริเวณนั้น เวลานี้เป้าหมายเดียวของพวกมันคือปกป้องโจวเหว่ยชิงและไม่ต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม
เมื่อหลุมดำพลังปราณของจุดตายที่ 17 ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ พลังสายเลือดทั้งสองก็ค่อยๆชะลอตัวและเสถียรขึ้น วิญญาณมังกรกลายสภาพกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมใต้ผิวหนังของเขาในขณะที่พยัคฆ์เทพอสูรมืดจมดิ่งลงไปในร่างของโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง เหตุการณ์อันตรายได้รับการแก้ไขแล้ว
สำหรับโจวเหว่ยชิง อาจกล่าวได้ว่าโชคหล่นทับจากความซวย เด็กหนุ่มไม่เพียงแต่จะรอดชีวิตเท่านั้น เขายังทะลุไปถึงระดับต่อไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้โจวเหว่ยชิงกลับไม่อาจตื่นเต้นหรือมีความสุขเพราะเขายังคงไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายหรือช่วยซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ได้เลย
หลังจากผ่านไปอีก 15 นาที ในที่สุดพลังปรานภายในร่างกายของเขาก็ลดลงและกลับเข้าสู่สถานะปกติ พลังปราณสวรรค์พลันหวนคืนสู่ระดับสูงสุดดังเดิม นอกจากนี้ เด็กหนุ่มยังสามารถควบคุมร่างกายและเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
ทันใดนั้น โจวเหว่ยชิงก็พลิกตัวไปนั่งกอดซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไว้แน่น
ทว่าจู่ๆ เด็กหนุ่มก็ต้องตกใจ
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างเงียบเชียบ คุณหนูรองแห่งวังสวรรค์ไพศาลที่ซุกซนและมีชีวิตชีวาคนนั้นเงียบสงบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ใบหน้าที่สวยงามของเธอซีดไร้สี แม้แต่ริมฝีปากที่ชุ่มฉ่ำตามธรรมชาติก็เกือบจะเป็นสีขาวสนิท สีสันเดียวที่มีคือคราบเลือดที่เหลือติดอยู่เล็กน้อย เนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ฟันของเธอจึงขบลงบนริมฝีปากของตนเองอย่างเหี้ยมโหด
เส้นสีแดง 2 เส้นลากยาวลงมาเป็นทางจากดวงตาของเธอ ภาพอันน่าหวาดกลัวนั้นราวกับมีดที่กรีดลงกลางใจของเขา น้ำตาไหลเป็นเลือด ร่างกายของเธอเปลือยเปล่า ทว่าเปล่งแสงสีขาวเทา…ไร้ชีวิตชีวา…
ไม่มีการเต้นของหัวใจ ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของวิญญาณ ใช่ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ตายไปแล้ว ปราศจากสัญญาณแห่งชีวิตใดๆ อีกต่อไป
เพื่อช่วยโจวเหว่ยชิง เธอได้ส่งพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดเข้าไปยังร่างกายของเขาและละทิ้งการป้องกันของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง ด้วยพลังของสายเลือดที่บ้าคลั่งทั้งสอง ร่างของเธอจึงต้องเปิดรับพลังที่ร้อนและเย็นสุดขั้วเข้ามา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีความเสียใจบนใบหน้าของหญิงสาว การแสดงออกนั้นดูเงียบสงบและพึงพอใจ…ราวกับว่าความตายเป็นเส้นทางที่เธอได้เลือกแล้ว
……………………………………………………