แน่นอน เซินปู้ไม่ใช่คนเดียวที่เล็งไปที่เขาเพราะมีอีกอย่างน้อย 4 คนที่มุ่งเป้าไปที่โจวเหว่ยชิงเช่นกัน พวกเขาทุกคนเลือกทักษะที่สามารถปลดปล่อยได้เร็วที่สุดและเป็นทักษะโจมตีระยะไกล แม้ว่าทักษะดังกล่าวอาจมีพลังโจมตีต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ความเร็วก็เป็นสิ่งสำคัญ ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถกักขังโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ่อร์ไว้ในกำแพงจินกังแห่งนี้ได้ ในที่สุดทั้งสองก็จะถูกกำราบและควบคุมตัวอย่างไร้ปัญหา
แสงสีทองเหลือบดำกระพริบวูบวาบออกมาจากร่างของโจวเหว่ยชิงติดต่อกัน 2 ครั้ง ห่างกันครึ่งวินาทีขณะที่เขาปลดปล่อยเกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยางออกมา
ม่านพลังทั้ง 2 จากเกราะป้องกันเทพเจ้าก็เพียงพอจะสกัดกั้นการโจมตีของศัตรูทั้งหมดได้แล้ว และแน่นอนว่าเป้าหมายของโจวเหว่ยชิงย่อมต้องเป็นเซินปู้
ในเวลาเดียวกับที่เด็กหนุ่มลงมือ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เธอเกือบจะทำทุกอย่างเหมือนกับโจว เหว่ยชิง นั่นก็คือการพุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็วในขณะที่ปลดปล่อยเกราะป้องกันเทพเจ้าออกมาเป็นครั้งที่ 2 จากนั้นกรงเล็บศาสตรามณียุทธ์ก็ปรากฏขึ้นรอบแขนซ้าย ชั่วพริบตาเดียวทั้งคู่ก็มาถึงด้านบนของกำแพงพร้อมๆ กันแล้ว
แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะพุ่งเข้าหาเซินปู้ แต่มือของเขากลับโบกไปทางด้านหลัง จ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุดทั้ง 2 คนที่กำลังจะย้ายมาสนับสนุนเซินปู้พลันรับรู้ถึงอันตรายรุนแรง และพวกเขาก็หยุดเคลื่อนที่เพื่อตั้งรับอย่างรวดเร็ว
แสงสีเงินสุกสว่างปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา 2 สาย และหลังจากเกิดเสียงกระทบกระทั่ง ทั้งสองคนก็ร่วงลงไปจากกำแพงทันที
นั่นคือการผสานระหว่างทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาและทักษะกระชากมิติ สำหรับทักษะกระชากมิติ การควบคุมของโจวเหว่ยชิงใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว และการมีเกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยางช่วยเพิ่มพลังก็ไม่เพียงช่วยลดปริมาณพลังปราณสวรรค์ที่ต้องใช้เท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งยังเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าด้วย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นผลประโยชน์มหาศาลของศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า
ในเวลาเดียวกัน เท้าขวาของโจวเหว่ยชิงกวาดออกไปทางเซินปู้ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมาก เขาก็ไม่สามารถซุกซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้อีกต่อไป
เซินปู้แผดเสียงออกมา มือของเธอขยับขณะที่ดาบหุ้มเพลิงปรากฏขึ้นในมือแต่ละข้าง ก่อนจะฟาดออกไปรับขาขวาที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อตัดมันออกจากกัน
ในขณะนั้น หญิงสาวก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าขาขวาของโจวเหว่ยชิงขยายขนาดอย่างกะทันหัน หลังจากเสียงฉีกขาดจบลง ขากางเกงข้างขวาของเขาก็ขาดผึงออกจากกัน เผยให้เห็นขาขวาสีดำมะเมื่อมที่มีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่เป็นมัดๆ
ดาบหุ้มเพลิงคู่ฟาดลงบนขาขวาของโจวเหว่ยชิงอย่างรุนแรง แต่หญิงสาวกลับต้องรู้สึกตกใจเมื่อรู้สึกราวกำลังว่ากำลังฟาดฟันลงไปบนก้อนหิน เปลวไฟไม่เพียงไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในขาของเขาได้ ประทั่งใบมีดก็ยังไม่สามารถทำให้ผิวหนังของเขาระคายเคือง เมื่อมองขึ้นไปที่โจวเหว่ยชิง เธอก็เห็นว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยลวดลายสีดำ และมีอักษรคำว่า ‘ราชา’ ขนาดใหญ่ติดอยู่บนหน้าผากของเขา
ขาขวาของโจวเหว่ยชิงถูกปิดกั้นด้วยใบมีดของเซินปู้ มันจึงกระเด็นกลับลงมาที่พื้น และเธอก็ทำได้เพียงหมุนใบมีดของตนฟาดลงที่เท้าของเขาแทน เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ เซินปู้จึงต้องพยายามอีกครั้งด้วยพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดที่มี
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นกลางอากาศและร่างของโจวเหว่ยชิงก็เด้งกลับขณะที่เท้าของเขาส่งเซินปู้กระเด็นออกกำแพงไป
ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่โจวเหว่ยชิงลงมือ เขาก็ได้ผลักศัตรู 3 คนออกจากกำแพงไปแล้ว นั่นเป็นเพราะทักษะจู่โจมกะทันหันที่ทรงพลังของเขา นอกจากนี้ยังไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากฝึกซ้อมกับซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิด ความชำนาญด้านการคำนวณเวลา การตัดสินใจ และความลื่นไหลโดยรวมของเขาจะพัฒนาขึ้นไปอีกระดับแล้ว
ก่อนหน้านี้ ศัตรู 4 คนที่มีเซินปู้รวมอยู่ด้วยก็ได้ช่วยกันรุมโจมตีโจวเหว่ยชิง แต่ถึงตอนนี้กลับมี 3 คนถูกล้มไปแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงคนเดียวที่อยู่บนกำแพง สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และทั้ง 3 ก็ถูกผลักลงไปเกือบจะในทันที ดังนั้นในตอนนี้จึงมีศัตรูอีกเพียงคนเดียวที่โจวเหว่ยชิงต้องเผชิญหน้าด้วย ทันทีที่เปิดใช้งานทักษะพายุสลาตัน เด็กหนุ่มก็พุ่งไปหาศัตรูที่อยู่ตัวคนเดียวของเขาด้วยความเร็วเต็มพิกัด
ด้านซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ราบรื่นไปมากกว่าเขา เพราะถึงอย่างไรหญิงสาวก็ได้แสดงมณีทั้ง 6 ของตนออกไปแล้ว! นอกจากนี้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยังปลดปล่อยศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ความกดดันที่เธอเผชิญจึงสูงกว่าโจวเหว่ยชิงมาก
เซินจี้เล็งเป้าไปที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ ค้อนยาวของเขาลากผ่านทิ้งร่องรอยไว้บนอากาศขณะที่พยายามจะจับตัวซ่าง กวนเฟยเอ๋อร์เอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้นคือที่เหลืออีก 4 คนยังเปิดฉากโจมตีใส่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พร้อมๆ กันจากทุกๆ มุม ทำให้เกราะป้องกันเทพเจ้าเพียงชั้นเดียวของเธอแตกสลายทันทีจากต้องทนรับการโจมตีทั้ง 5 ครั้ง
อนิจจา อย่างไรซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็คือซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีพร้อมกัน 5 ครั้ง เธอก็ไม่ได้คิดล่าถอย แต่กลับใช้ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดที่ทรงพลังของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์สูงสุด กรงเล็บของหญิงสาวพุ่งออกไปโดยอาศัยพลังจากศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทำลายทักษะของศัตรู 2 คนจนสลายหายไป ในขณะเดียวกัน ร่างของเธอก็ดูเหมือนจะบิดเบี้ยวกลางอากาศอย่างน่าแปลกประหลาดและหลบการโจมตีได้อีกครั้งอย่างหวุดหวิด
ขาขวาของหญิงสาวบิดและเหวี่ยงออกไปในท่าทีมนุษย์ไม่สามารถทำได้ ปลายเท้าตกกระทบบนค้อนสงครามของเซินจี้ ใช้มันเป็นจุดหมุนพลิกตัว 180 องศาเพื่อหลบการโจมตีครั้งสุดท้ายก่อนจะพุ่งกลับลงไปยังด้านบนของกำแพงได้สำเร็จ แม้เมื่อสักครู่จะมีศัตรูรุมถึง 5 คนก็ตาม
หากจะบอกว่าโจวเหว่ยชิงใช้ประโยชน์จากผลของทักษะที่น่าตื่นตะลึงและสถานะปีศาจกลายร่างของเขา ในไม่กี่วินาทีที่ผ่านมาซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็พึ่งพาทักษะการต่อสู้ระยะประชิดที่น่าสะพรึงกลัวของเธอ
มณียุทธ์ประเภทความยืดหยุ่นและการประสานงาน...มณียุทธ์แปรสภาพคู่ นั่นทำให้เธอมีร่างกายและสรีระที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ ในขณะที่หญิงสาวร่อนลงบนกำแพง ปลายเท้าก็กระแทกลงบนพื้นก่อนที่ร่างกายจะกระพริบกลายเป็นภาพติดตา หลังจากรับมือกับการโจมตีที่พุ่งเข้ามาใส่ทั้งหมดได้แล้วก็ถึงคราวที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะจู่โจมกลับบ้าง หญิงสาวระเบิดพลังทักษะธาตุลมเพื่อเพิ่มความเร็ว ร่างของเธอพลันบินเข้าหาเซินจี้ราวกับหมอกควันสีเขียว
ในอีกด้านหนึ่ง โจวเหว่ยชิงก็พุ่งเข้าจู่โจมจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดที่เหลือเพียงคนเดียวเช่นกัน แม้ว่าฝ่ายนั้นจะเผชิญหน้ากับโจวเว่ยชิงเพียงลำพัง แต่เขาก็ยังคงสงบนิ่งและไม่มีท่าทีท้อถอย นี่คือยอดฝีมือของกองทัพอย่างแน่นอน พวกเขาไม่เพียงแต่มีประสบการณ์ในการต่อสู้เท่านั้น แต่คนเหล่านี้ยังจะไม่ยอมล่าถอยง่ายๆ
โจวเหว่ยชิงรู้ว่าเขามีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่เซินปู้และอีกสองคนจะฟื้นกลับมา เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บเลย ด้วยเหตุนั้น เด็กหนุ่มจึงต้องทำบางสิ่งให้สำเร็จภายในไม่กี่วินาที
นอกจากการใช้ทักษะพายุสลาตันกับตัวเองแล้ว โจวเหว่ยชิงก็ปล่อยทักษะคำสาปลงทัณฑ์ออกมาด้วย ทักษะประเภทคำสาปนั้นแทบจะไม่สามารถหลบหลีกได้เลย และสัญลักษณ์สีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดผู้นั้นทันที ด้วยพลังของเกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยาง มันจึงลดทั้งประสิทธิภาพในการโจมตีและป้องกันของฝ่ายตรงข้ามลงอย่างมาก
หากสามารถลงมือฆ่าได้จริงๆ โจวเหว่ยชิงก็คงจะจัดการกับศัตรูคนนี้ได้อย่างง่ายดายด้วยกรงเล็บของเขา แต่เพราะได้สัญญากับซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แล้วว่าจะไม่ฆ่าพวกเขา เด็กหนุ่มจึงทำเพียงส่งหมัดขวาเข้าหาศัตรู ในขณะเดียวกันมือซ้ายก็รวบรวมแสงสีน้ำเงินม่วงก่อนจะซัดออกไป
ศัตรูระดับปรมะขั้นสูงสุดไม่ใช่เด็กใหม่ มณียุทธ์ของเขาก็เป็นประเภทความแข็งแกร่งและมณีธาตุประเภทน้ำ ฝ่ายนั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มือซ้ายของเขาพุ่งออกไปที่กำปั้นขวาของโจวเหว่ยชิงในขณะที่มือขวาสร้างโล่น้ำแข็งออกมารับกลุ่มแสงสีน้ำเงินม่วง จากมุมมองของเขา แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะมีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า 2 ชิ้น แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเป็นเพียงแค่จ้าวมณีระดับ 4 ชุด และเขาก็มั่นใจว่าความแข็งแกร่งของตัวเองจะสามารถทำให้เขาเอาชนะโจวเหว่ยชิงได้ ที่มือของชายหนุ่มก็สวมถุงมือศาสตรามณียุทธ์เช่นกัน และมันก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้ด้วย หากสามารถป้องกันการโจมตีของโจวเหว่ยชิงได้สักระยะหนึ่ง สหายของเขาก็จะกลับมาช่วยได้ทันเวลาแน่นอน
ทักษะโล่น้ำแข็งสามารถปิดกั้นมือซ้ายของโจวเหว่ยชิงได้ตามที่เขาวางแผนไว้ แต่…น่าเสียดาย มันกลับไม่สามารถปิดกั้นแสงสีม่วงน้ำเงิน ซึ่งทะลุผ่านโล่น้ำแข็งได้และโจมตีใส่เขาทันที
สายฟ้าแห่งหายนะ ให้ผลเป็นอัมพาต
ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนอง จ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดก็รู้สึกว่าร่างกายของตนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พละกำลังของเขากำลังหลั่งไหลออกมาจากร่างกาย ในเวลาเดียวกัน หมัดขวาของโจวเหว่ยชิงก็อ้าออกกว้าง แม้ว่าจะใช้ทักษะพายุสลาตัน แต่ร่างกายของเขากลับหยุดชะงักในทันที หมัดขวาที่ดูเหมือนทรงพลังนั้นกลับกลายเป็นอ้าออกอย่างนุ่มนวลและจับเข้าที่มือซ้ายของเขาแทน
นี่คือเกราะมือยักษ์วิญญาณหยาง ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดในตำนาน ‘ชังพสุธาไร้ที่ยก’ นอกจากนั้น โจวเหว่ยชิงยังอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง ความแข็งแกร่งของจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดจะเทียบกับเขาได้อย่างไร!
ถ้าก่อนหน้านี้ โจวเหว่ยชิงปล่อยหมัดออกไปจนสุด ทักษะคำสาปลงทัณฑ์และทักษะสายฟ้าแห่งหายนะมีผลต่อศัตรูทันที เขาก็มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสามารถทำให้คู่ต่อสู้กระเด็นออกไปและแขนขวาพิการตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เป้าหมายของโจวเหว่ยชิง สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการตอนนี้คือการเติมเต็มพลังของเขา
แรงดึงดูดที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นจากมือขวาของโจวเหว่ยชิงทันที และจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดก็รู้สึกได้ว่าพลังปราณสวรรค์ของเขากำลังหลั่งไหลออกมาจากร่างกายผ่านมือซ้ายของเขาผ่านไปยังร่างของโจวเหว่ยชิงอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ปัญหาใหญ่ที่สุดของโจวเหว่ยชิงตอนนี้คือเขาไม่มีพลังปราณสวรรค์เพียงพอ หลังจากใช้เกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยาง สถานะปีศาจกลายร่าง และทักษะอันทรงพลังมากมายอย่างต่อเนื่อง เขาก็ได้ใช้พลังปราณสวรรค์สำรองไปแล้วเกือบ 6 ใน 10 ส่วน ถึงอย่างไรโจวเหว่ยชิงก็ยังคงเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 4 ชุดที่เผชิญหน้าอยู่กับกลุ่มจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุด ด้วยข้อจำกัดที่ไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ เขาจึงตั้งใจเหลือชายหนุ่มนี้ไว้คนเดียวในระหว่างการจู่โจมระรอกแรก โดยมีจุดประสงค์เพื่อเติมเต็มพลังปราณของเขาผ่านทักษะกลืนกิน นี่คือรูปแบบการต่อสู้ของโจวเหว่ยชิง เมื่อรวมกับการฟื้นฟูอย่างบ้าคลั่งของวิชาเทพอมตะ มันก็ทำให้เขาสามารถต่อสู้ในสนามรบได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน
“เจ้า!” ศัตรูระดับปรมะขั้นสูงสุดกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ อนิจจา ในไม่ช้าเสียงของเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อโจวเหว่ยชิงใช้ทักษะโซ่ตรวนวายุเพิ่มเข้าไปอีก
โดยปกติทักษะกลืนกินก็ค่อนข้างทำงานเร็วอยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้โจวเหว่ยชิงก็กำลังใช้เกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยางเสริมพลังให้ตนเองอยู่ด้วย ดังนั้นความเร็วในการกลืนกินจึงไม่เพียงแต่เร็วมากขึ้นเท่านั้น ประทั่งทักษะโซ่ตรวนวายุก็แข็งแกร่งขึ้นและหยุดความหวังที่ฝ่ายตรงข้ามจะขัดขืนได้ทันที เมื่อเวลาผ่านไป พลังปราณสวรรค์ก็ถูกระบายออกไปมากขึ้น ความหวังของจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดก็ยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
เพียงพริบตาเดียว โจวเหว่ยชิงก็หายตัวไปแล้ว เขาคว้าแขนขวาของศัตรูขณะที่โผล่ไปข้างหลังอีกฝ่าย นั่นเป็นเพราะเซินปู้และศัตรูอีก 2 คนที่เขาผลักลงไปก่อนหน้านี้ได้กระโดดกลับขึ้นมาแล้ว และพวกเขาก็กำลังรวบรวมพลังเพื่อปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงอานุภาพของตนอีกครั้ง
“โจวเหว่ยชิง เจ้าอยากตายรึไง!” เมื่อเห็นว่าโจวเหว่ยชิงกำลังจับตัวหนึ่งในพรรคพวกของตนเอาไว้ เซินปู้ก็ไม่สนใจจะคิดหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว จิตใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ เธอเรียกปีกศาสตรามณียุทธ์ที่เคยใช้ออกมา ศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 6 ชิ้นพลันปรากฏขึ้นรอบตัวเซินปู้ทันที ในเวลาเดียวกัน ลูกไฟสีเขียวทองขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของหญิงสาวด้วย
“ระวัง!” ในขณะนั้น คำเตือนของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ดังขึ้น
แม้จะได้ยินเสียงของอีกฝ่าย แต่โจวเหว่ยชิงก็ไม่แม้แต่จะสนใจหันไปมอง เขาเชื่อมั่นในตัวซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อย่างแท้จริง และในช่วงเวลานั้นโจวเหว่ยชิงก็ได้ปลดปล่อยเกราะป้องกันเทพเจ้าที่เหลือออกมา
อนิจจา คราวนี้โจวเหว่ยชิงคำนวณผิดพลาด เด็กหนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างรัดอยู่รอบเอวของเขา และเมื่อมองลงไปก็ต้องตกใจเมื่อเห็นโซ่สีเหลืองเจาะทะลุผ่านเกราะป้องกันเทพเจ้าของเขาเข้ามาพันรอบเอวเอาไว้
นั่นคืออะไรกันแน่?!
…………………………………………………………..