แม้ว่ากรงเล็บของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะไม่ได้ทะลุผ่านชุดเกราะศาสตรามณียุทธ์ของเขา แต่พลังบางส่วนที่ได้รับจากการโจมตีก็ยังคงส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขา ทำให้บริเวณหน้าอกรู้สึกเย็นเยียบไปในพริบตา เซินจี้อดไม่ได้ที่จะรู้หนาวเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง หากเขาตอบสนองไม่เร็วนัก กรงเล็บนั้นก็เพียงพอจะเฉือนหน้าอกของเขาออกไปแล้ว เส้นขนทุกส่วนของเขาเครียดขึงและจิตวิญญาณก็ถูกขึงจนตึงไปด้วย
แม้แต่เซินจี้ก็ยังต้องตกใจในระหว่างการต่อสู้ เช่นนั้นผู้ชมจะไม่รับรู้ได้อย่างไร?
เมื่อเซินปู้ได้ยินว่าเซินจี้จะต่อสู้ เธอก็ตื่นเต้นมาก ก่อนหน้านี้ แม้ว่าตนเองจะแพ้ให้โจวเหว่ยชิง แต่ในสายตาของเธอ นั่นเป็นเพราะอุบัติเหตุและความผิดพลาดเนื่องจากความประมาทเท่านั้น ในแง่ของความแข็งแกร่งที่แท้จริง โจวเหว่ยชิงไม่อาจจะนับคู่ต่อสู้ของเธอได้เลย นับประสาอะไรกับศิษย์พี่อาวุโสที่อยู่ในระดับมณี 8 ชุดแล้ว แม้ว่าเขาจะมีผู้ติดตามเพิ่มเข้ามาด้วย แต่ทั้งคู่จะสามารถทำอะไรได้?
อนิจจา ใครจะคิดได้ว่าในระหว่างการปะทะกันครั้งแรก เซินจี้ก็เกือบจะพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ โดยที่การป้องกันของเขาเกือบถูกทะลวงสำเร็จโดยผู้ติดตามตัวน้อยที่ดูเหมือนไม่มีความสำคัญมากนัก นอกจากนี้ ผู้ติดตามคนนั้นยังมีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าและอื่นๆ อีกมากมาย เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นไปได้ยังไง! ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้าล้วนขัดกับสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับโจวเหว่ยชิงทั้งสิ้น
สำหรับกองพันไร้พ่าย ความรู้สึกของพวกเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก ดวงตาของทุกคนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 8 ชุด นั่นเป็นหนึ่งในยอดฝีมืออันดับต้นๆ ในสายตาของพวกเขา ใครจะรู้ว่าครูฝึกที่มีรูปร่างผอมบางของพวกเขาจะมีพลังเช่นนี้อยู่ในตัว เกือบจะชนะด้วยกรงเล็บเพียงข้างเดียวอย่างรวดเร็วแล้วแท้ๆ
ทหารกองพันนักเลงไม่เคยมีความประทับใจที่ดีต่อแม่ทัพระดับสูงของกองทัพภาคเหนืออยู่แล้ว และเมื่อเห็นซ่าง กวนเฟยเอ๋อร์ประสบความสำเร็จเช่นนั้น หลังจากอ้าปากค้างไม่นาน พวกเขาก็ส่งเสียงโห่ร้องขึ้นมาทันที
“เฉียดไปนิดเดียวเท่านั้น!” เซินจี้อุทานในใจ เสียงโห่ร้องจากภายนอกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขา แต่ตอนนี้ต้องนับว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เป็นศัตรูตัวฉกาจอย่างแท้จริง
หญิงสาวไม่ได้ติดตามไปโจมตีต่อ เพียงแค่เป่าลมใส่กรงเล็บอันแหลมคมของตนเองเบาๆ ก่อนจะหันไปหาโจวเหว่ยชิงและพูดว่า “ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า เขาไม่มีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าแม้แต่ชิ้นเดียว ข้าสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง”
ในขณะนั้น ธนูราชันย์ของโจวเหว่ยชิงก็ถูกง้างขึ้นไปสุดสายแล้ว ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็ผ่อนกำลังและปล่อยให้หญิงสาวจัดการ ความมั่นใจนั้นมาจากความแข็งแกร่ง และเมื่อเห็นความทระนงในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ ในใจ แม้ว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะดูเหมือนกัน แต่ในสายตาของเขา ทั้งคู่แตกต่างกันเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง
จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดปะทะ 8 ชุด ดูเหมือนจะเป็นอัตราต่อรองที่เห็นผลชัดเจน อย่างไรก็ตาม ซ่างกวนเฟย เอ๋อร์ก็มีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า 4 ชิ้น และเธอก็ยังมีมณียุทธ์แปรสภาพคู่ด้วย ในแง่ของพลัง หญิงสาวมีความมั่นใจที่จะเอาชนะเซินจี้แน่นอน
“เจ้าเป็นใคร?” เซินจี้ไม่ได้ลงมือต่อ สายตาของเขาจดจ่อไปที่กรงเล็บรอบแขนของฝ่ายตรงข้าม คิ้วพลันขมวดเป็นปมแน่น
เขาไม่สนใจคำดูถูกของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์โดยสิ้นเชิง เพียงแต่กรุ่นคิดถึงตัวตนของเธออยู่ในใจ หากเป็นศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าเพียงชิ้นเดียว บางทีเขาอาจจะไม่ใส่ใจเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือทักษะการต่อสู้ที่แท้จริงที่ ‘เขา’ แสดงออกมาในตอนนี้นั้นน่ากลัวเกินไป การกระทำของเขาอาจดูเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่ในความจริง ทุกๆวินาทีที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ลงมือกลับมุ่งเน้นไปที่จุดอ่อนของเขาอย่างเต็มที่ ก่อนจะทำสำเร็จในรูปแบบที่ลื่นไหลมาก ราวกับว่านี่เป็นเรื่องง่ายดายและมีเวลามากพอให้คิดก่อนที่จะลงมือหาจุดอ่อนของเขา ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดเช่นนี้ จ้าวมณีสวรรค์ธรรมดาๆ จะมีได้อย่างไร?
“ข้าเป็นแค่ทหารผู้น้อยธรรมดาๆ ผู้ติดตามของผู้บัญชาการกองพันอ้วนน้อยโจว” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวอย่างเฉยเมย
ดวงตาของเซินจี้หรี่แคบลง “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นสายลับจากอาณาจักรวั่นโซ่ว บางทีอาจมีพลังที่จะเอาชนะข้าได้ด้วยตัวคนเดียว แต่เพื่อประโยชน์ของกองทัพภาคเหนือของเรา ข้าต้องขอโทษด้วย การเดิมพันสิ้นสุดลงแล้ว วันนี้ข้าคงต้องจับเจ้าทั้งสองคน” ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น เขาก็โบกมือให้กับกลุ่มของตน และทั้ง 8 คนรวมถึงเซินปู้ก็พุ่งมาข้างหน้า ปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์ออกมาทันที
พวกเขาเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุดทั้งหมด นอกจากเซินจี้ที่มีมณี 8 ชุดแล้ว พลังโดยรวมของพวกเขาก็เหนือกว่ากลุ่มศัตรูชุดดำที่ซุ่มโจมตีโจวเหว่ยชิงในเมืองเฟยหลี่เวลานั้นมาก
“ผู้บัญชาการกองพัน” เว่ยเฟิงนำกลุ่มผู้บัญชาการกองร้อยมาด้านหน้า และทหารคนอื่นๆ ของกองพันไร้พ่ายก็ยืนขึ้น
โจวเหว่ยชิงโบกมือและพูดว่า “หยุดอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ข้าและครูฝึกของเจ้าจัดการ”
แม้ว่าจะมีจ้าวมณียุทธ์และจ้าวมณีธาตุจำนวนมากในหมู่ทหารกองพันไร้พ่าย แต่การเผชิญหน้ากับจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุดก็แทบจะเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้สำหรับพวกเขา ขณะยืนประจันกับศัตรูทั้ง 9 เบื้องหน้า โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ตื่นตระหนก ถึงอย่างไรนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกล้อมด้วยจำนวนคนที่มากกว่า นอกจากนี้ เขายังมีซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ที่ทรงพลังอยู่ข้างกายอีกด้วย
ทั้งเขาและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ต่างก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีความสามารถเฉพาะตัว แม้ว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้มาจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์ของมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่คนเดียว บางทีอาจจะยอดเยี่ยมกว่าด้วยซ้ำ หากเผชิญหน้ากับจ้าวมณีสวรรค์ธรรมดา เขาย่อมไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ความกังวลของโจวเหว่ยชิงคือนี่จะส่งผลต่อแผนการของเขาอย่างไรมากกว่า
หลังจากลังเลชั่วครู่ เว่ยเฟิงก็โบกมือและคนกลุ่มนั้นก็ถอยออกไปอย่างช้าๆ ในความเป็นจริง พวกเขาก็อยากเห็นเช่นกันว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิงจะทำอย่างไร
จิตสังหารเยือกเย็นปรากฏขึ้นในดวงตาของโจวเหว่ยชิง และในพริบตาเดียว เด็กหนุ่มก็ไปปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แล้ว
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หันหน้าไปมองเขา และเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าแม้สีหน้าของเขาจะดูไม่ทุกข์ร้อน แต่แสงเยียบเย็นในดวงตาของโจวเหว่ยชิงก็ทำให้เธอแทบจำอีกฝ่ายไม่ได้
“เฟยเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่มีแผนอื่นที่ดีกว่านี้ก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน” โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างเฉยเมย
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พลันรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นระรัว ในชั่วพริบตานั้น ราวกับว่าตัวเองได้ไปอยู่ในเขตแดนมิติสะท้อนอีกครั้ง โจวเหว่ยชิงที่กล้าเผชิญหน้ากับมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวกลับมาอีกครั้งแล้ว ผู้ที่ต่อสู้และเอาชนะทั้งตัวเธอและจ้านหลิงเทียนด้วยความช่วยเหลือจากทักษะอันน่าเหลือเชื่อ ทักษะที่สามารถแสดงภาพทักษะสวรรค์และชะลอการต่อสู้จนกรทั่งมังกรตัวผู้กลับมา
โจวเหว่ยชิงในสภาพเช่นนี้น่ากลัวมาก หญิงสาวสามารถจดจำพลัง ความแน่วแน่ และรังสีสังหารที่เขาแสดงออกมาเมื่อถูกซุ่มโจมตีในเมืองเฟยหลี่ได้อย่างชัดเจน ตอนนั้นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง พร้อมให้ความช่วยเหลือเขาเมื่อถึงคราวจำเป็น ในแง่ความความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิด โจวเหว่ยชิงไม่สามารถเทียบเธอได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าพวกเขาทุ่มพลังทั้งหมดต่อสู้กัน แม้แต่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เองก็ไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะโจวเหว่ยชิง เด็กหนุ่มผู้นี้มีทักษะที่ทรงพลังมากเกินไป และเขาก็สามารถผสานพวกมันเข้าด้วยกันในรูปแบบต่างๆ มากมาย นอกจากนั้นยังมีสถานะปีศาจกลายร่างใช้เพิ่มพลังกายอีกด้วย
“ห้ามฆ่าใคร” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงกดต่ำ เธอสามารถบอกได้ว่าโจวเหว่ยชิงพร้อมที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมดเพื่อปิดปาก แม้ว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 8 ชุดจะทรงพลังมาก แต่ต่อหน้าทักษะผนึกมังกรเงียบที่น่าสะพรึงกลัว ความแข็งแกร่งของเขาจะทรงพลังมากแค่ไหนกันล่ะ? ทว่าคนเหล่านี้เป็นชนชั้นสูงของกองทัพอาณาจักรจ้งเทียน และเธอก็ไม่ต้องการให้โจวเหว่ยชิงฆ่าพวกเขา
โจวเหว่ยชิงมองไปที่หญิงสาวข้างกาย ดวงตาของเขาอ่อนลง เนื่องจากซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ห้ามไม่ให้เขาฆ่าใคร นั่นหมายความว่าเธอมีวิธีที่จะจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาแล้ว
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้มอันน่าสยดสยอง “มาใช้พวกเขาฝึกฝนฝีมือตัวเองกันดีกว่า นั่นไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ? ให้ถือว่ามันเป็นประสบการณ์การต่อสู้ที่มีค่า…นานแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อสู้อย่างสุดกำลัง…ก็เจ้าน่ะชอบปฏิเสธข้าอยู่เรื่อย…” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ใช้พลังปราณสวรรค์ของตัวเองเพื่อส่งเสียงให้โจวเหว่ยชิงฟังเพียงแค่ในหู ดังนั้นความคิดของอ้วนน้อยที่รักของเราจึงเริ่มล่องลอยออกไปไกล...
“พันธะจินกัง กรงนรก” เซินจี้ตะโกนออกมาเสียงดังในขณะที่เขากระโจนขึ้นอย่างกะทันหัน แขนของชายหนุ่มปูดโปนออกมา และทุกคนก็สามารถมองเห็นมณีธาตุดิน 2 ดวงรอบข้อมือของเขาสว่างวาบขึ้น ทันใดนั้น เซินจี้ก็ร่อนตัวลงบนพื้นเหมือนวานรยักษ์ มือของเขาทุบลงบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม
เกิดการระเบิดครั้งใหญ่และแสงสีทองก็ส่องเป็นประกายออกมา อย่างไรก็ตาม มันได้รับการพิสูจน์อย่างรวดเร็วว่าไม่ใช่การโจมตี แต่กลับเป็นการสร้างกำแพงล้อมรอบโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เอาไว้
ในขณะนี้อ้วนน้อยโจวที่รักของเรายังคงมึนงงเล็กน้อยเพราะน้ำเสียงหวานล้ำปานน้ำผึ้งของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและตื่นขึ้นมากจากภวังค์อย่างรวดเร็ว เมื่อมองไปยังซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เขาก็เอ่ยถามว่า “แผนของเจ้าคืออะไร?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “นั่นขึ้นอยู่กับเจ้า”
“ตราบเท่าที่ข้าไม่ฆ่าใครใช่ไหม?” โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้าง
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แค่นเสียงและพูดว่า “อย่าทำร้ายใครสาหัสด้วย อาณาจักรยังคงต้องพึ่งพาพวกเขา”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและเอ่ยว่า “เฟยเอ๋อร์ เจ้าใช้คำว่า ‘ขึ้นอยู่กับเจ้า'[1] ได้ดีเลยทีเดียว”
“เจ้าอยากตายสินะ?”
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนคำพูดกันอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขากลับไม่รีบร้อนลงมือ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์มีแผนสำรองของตัวเอง และหญิงสาวก็มั่นใจมาก ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ เธอก็ไม่กลัว โจวเหว่ยชิงเองก็มั่นใจในตัวหญิงสาวเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็เป็นถึงเจ้าหญิงองค์รองของวังสวรรค์ไพศาล ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นปีศาจน้อยที่สร้างความวุ่นวายให้กับคนทั้งวังมาแล้ว เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เบื้องหน้าพวกเขาจะนับเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอได้อย่างไร?
ในขณะนั้น แสงสีทองที่เซินจี้ปลดปล่อยออกมาก็มีผลในที่สุด สิ่งที่มาพร้อมกับคลื่นกระแทกคือกำแพงหินทั้ง 4 ด้านที่ก่อตัวขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ละแห่งสูงประมาณ 5 เมตรล้อมรอบทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เอาไว้
กำแพงหินทั้ง 4 ปิดล้อมพื้นที่หลายสิบตารางเมตร และเมื่อพวกมันก่อตัวขึ้น อากาศทั้งหมดก็เต็มไปด้วยพลังปราณธาตุดินที่หนาแน่น ราวกับมีพลังกดดันพวกเขาจากรอบด้าน ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่กำแพงเหล่านั้นก่อตั้งขึ้นมา ดวงไฟที่พุ่งตัดกันหลายดวงก็สอดประสานรอบๆ อากาศเหนือกำแพง โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนีออกไปจากทางด้านบน ในช่วงเวลาต่อมาก็มี 9 ร่างปรากฏขึ้นที่ด้านบนของกำแพงด้วย
นั่นคืออะไรน่ะ? โจวเหว่ยชิงสะดุ้งในใจลึกๆ นั่นหมายถึงการล้อมจับและฆ่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กับตัวเขาอย่างชัดเจน! แน่นอน บางทีฝ่ายตรงข้ามอาจไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า แต่เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาหนีไปต่างหาก ดังนั้นเพื่อคงรูปทักษะดังกล่าว เซินจี้จึงต้องใช้พลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาล
ณ จุดนี้ พวกเขาไม่สามารถรั้งรอได้อีกต่อไป คู่ต่อสู้ทั้ง 9 ของพวกเขาได้ขึ้นไปบนกำแพงแล้ว และหากพวกเขาได้รับคำสั่งให้โจมตี ทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็จะไม่สามารถปิดกั้นพลังของพวกเขาทั้งหมดได้ง่ายๆ
ขาขวาของเขาออกแรงอย่างกะทันหัน โจวเหว่ยชิงพุ่งขึ้นไปเหมือนลูกศรที่ถูกดีดออกมาจากคันธนู
“ลงไป!” เซินปู้ตะโกนออกมาเสียงดัง มือของเธอก่อตัวเป็นวงกลมขณะที่ลูกไฟขนาดต่างๆ หลายสิบลูกพุ่งเข้าหาเขา หญิงสาวเกลียดสหายที่ทำให้เธอเสียหน้าหลายครั้งคนนี้อย่างแท้จริงและเริ่มเปิดฉากโจมตีเขาทันที
……………………………………………………
[1] ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดว่า 靠(kao) ก่อนหน้านี้ซึ่งหมายความว่า ‘ขึ้นอยู่กับ’ แต่ยังสามารถใช้เป็นคำอุทาน/คำสบถได้อีกด้วย แต่นี่ไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของเธอแน่นอน โจวเหว่ยชิงเพียงแค่เล่นคำเท่านั้น