โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “อย่าถอดเสื้อผ้าชั้นนอกของนาง…เราต้องไว้หน้าเซินปู้ด้วย ผู้หญิงน่ะน่ากลัวมากนะเวลาพวกนางโมโหร้าย”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เวลานี้เจ้ากลับใจอ่อนขึ้นมางั้นสิ? ตอนที่เซินปู้ต้องการแต่งงานกับเจ้า ทำไมเจ้าถึงปฏิเสธนางแถมยังเลือกมาเป็นผู้บัญชาการกองพันที่นี่ล่ะ…” เหล่านายกองยืนอ้าปากค้างฟังการโต้เถียงของพวกเขาก่อนจะจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยความตกใจ ผู้บัญชาการกองพันคนใหม่นี้ช่างดูผิดปกติอย่างแท้จริง!
โจวเหว่ยชิงมองเธออย่างโกรธๆ และพูดว่า “เอาล่ะ พอได้แล้ว ปลุกนางซะ”
ทันใดนั้นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ตระหนักได้ว่าการกระทำของตนเองแปลกประหลาดไปเล็กน้อย…ราวกับว่าเธอ กำลัง…อิจฉา หญิงสาวเตะปลุกเซินอี้อย่างรวดเร็วก่อนจะกลับมายืนข้างๆ โจวเหว่ยชิงอีกครั้ง
ร่างกายของเซินอี้สั่นสะเทือนเล็กน้อย หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ มือเคลื่อนไปยังลำคอที่รู้สึกปวดเมื่อยโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเซินอี้ก็รู้สึกได้ถึงไอหนาวเย็นจากอากาศภายนอก และหัวใจของเธอก็เกร็งแน่นอย่างหวาดกลัว ดวงตาเบิกกว้างทันทีที่เห็นโจวเหว่ยชิงและคนอื่นๆ ในกองพันไร้พ่ายจ้องมองมาที่ตนเอง
“อ๊ายยยย!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังแหวกอากาศ และเซินอี้ก็ยกมือขึ้นกันบริเวณส่วนหน้าเพื่อปิดบังหน้าอกที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักของตนเอง
โจวเหว่ยชิงเหลือบมองเธอและกล่าวอย่างยิ้มๆ “อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่สนใจสิ่งนั้นของเจ้าหรอก รายเรียบเหมือนไม้กระดานซะขนาดนั้น” หลังจากกล่าวจบ เด็กหนุ่มก็รู้สึกเจ็บที่บั้นเอวอย่างรุนแรงเนื่องจากซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เพิ่งจะหยิกเขาอย่างโหดเหี้ยมเพราะคำพูดที่ไร้ยางอายนั้น
ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงกระตุกขึ้นมาเล็กน้อยจากความเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมตัวเองก็ตาม
จากมุมของทหารกองพันไร้พ่าย พวกเขามองไม่เห็นการกระทำของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ แต่เซินอี้ซึ่งอยู่บนพื้นสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย
เมื่อได้เห็นว่าชุดเกราะของตนเองไปในมือของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ รวมถึงการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่งบอกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมของพวกเขา เซินอี้จึงมองย้อนกลับไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยแววตาแปลกประหลาดนอกเหนือจากตื่นตระหนก
“ไม่น่าล่ะ! เจ้าถึงปฏิเสธการแต่งงานกับข้า…ไม่แปลกใจเลย…เจ้าชอบเขาจริงๆ สินะ?!” ขณะที่กล่าวเช่นนั้น สายตาของเซินอี้ก็จับจ้องไปที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าคนๆ นี้กำราบตนลงได้อย่างง่ายดายขนาดไหน…ระดับพลังปราณของเขา อย่างน้อยก็ต้องแข็งแกร่งพอๆ กับอ้วนน้อยโจวหรืออาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำ ทว่ากลับเต็มใจที่จะเป็นแค่ผู้ติดตามของเด็กนั่น…เช่นนี้จะมีเหตุผลอื่นอยู่อีกหรือ? เซินอี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอ้วนน้อยโจวจะชอบผู้ชาย!
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ตัวแข็งทื่อ เนื่องจากความรู้สึกแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจ เธอจึงก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว อนิจจา ในสายตาของผู้อื่น นั่นกลับกลายเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย!
ทหารกองพันไร้พ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิงต่างก้าวถอยหลัง มองไปที่เด็กหนุ่มด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
เมื่อหันหน้าไปมองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และกลับไปที่เซินอี้ โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “บิดาจะรักชอบใครก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า รวบรวมคนแล้วออกไปซะ กลับไปบอกเซินปู้ว่าข้าไม่ได้สนใจอุปกรณ์ของทหารม้าหนักมากนัก หากอยากได้คืนก็ให้นางนำเงินทองมาแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ธนู ม้า และโล่เป็นของพวกเราแล้ว ข้าจะขายชุดเกราะหนักและเกราะม้าคืนให้เจ้า 200 เหรียญทองต่อชุด คราวหน้าก็นำเงินมาแลกพวกมันคืนแล้วกัน”
เซินอี้ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง มองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยความโกรธขณะที่เธอเอ่ยว่า “รอก่อนเถอะ พี่สาวข้าไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่” หลังจากพูดจบ หญิงสาวก็หันหลังจากโดยไม่จำเป็นต้องให้โจวเหว่ยชิงเปิดปากอีก ส่วนด้านเว่ยเฟิงก็ออกคำสั่งให้กองพันไร้พ่ายตั้งแถว
เมื่อเซินอี้เห็นกองทหารม้าทั้งหมดหนักของตนตกอยู่ในสภาพสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียว เธอก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น ในฐานะหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ใช้ชีวิตออกห่างจากเรื่องอย่างว่า เมื่อเห็นผู้ชายทั้งฝูงอยู่ในสภาพเกือบเปลือยทั้งตัว เธอจะทนได้อย่างไร เซินอี้จึงรีบร้อนวิ่งนำไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับไปมองอีก
เมื่อมองเหล่าทหารจากไปด้วยสภาพอันน่าอเนจอนาถ โจวเหว่ยชิงก็ออกคำสั่งให้กองพันไร้พ่ายกลับไปที่ค่าย เช่นกัน
หมีดำเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกองพัน ท่านชอบผู้ชายจริงๆ หรือ?”
โจวเหว่ยชิงเหลือบมองเขาแล้วแลบเลียริมฝีปาก “ถูกต้อง บิดาผู้นี้รักชอบผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายที่แข็งแกร่งและบึกบึนเช่นเจ้า คืนนี้เจ้ามาที่กระโจมของข้าสิ ดีหรือไม่?”
“ห๊ะ? ม่ายยยยยย!” หมีดำตะโกนออกมาและวิ่งหนีไป
โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างเย็นชา หันกลับไปหากองพันไร้พ่ายคนอื่นๆและตะโกนสั่ง “สั่งสอนหมีดำให้ถึงขั้นจำทางกลับบ้านไม่ได้ หากทำเช่นนั้นเสร็จแล้ว ข้าจะหาเนื้อให้พวกเจ้ากินในวันพรุ่งนี้”
เมื่อได้ยินว่าจะมีเนื้อให้กิน เหล่าทหารโจรก็กลายร่างเป็นฝูงหมาป่าแสนอำมหิต ดวงตาของพวกเขาสว่างขึ้นทันทีขณะพุ่งตัวไปข้างหน้า ไม่นานเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหมีดำก็ดังขึ้น ถึงอย่างไรผู้กล้าก็ไม่สามารถต้านทานฝูงสุนัขจิ้งจอกได้เพียงลำพังอยู่แล้ว…
“ถ้าเจ้ากล้าชอบผู้ชาย มารดาผู้นี้แหละที่จะเจี๋ยนไอ้นั่นของเจ้าทิ้ง!” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ดังขึ้นอีกครั้ง
เว่ยเฟิงและคนอื่นๆ ที่เฝ้าดูหมีดำถูกทำร้ายด้วยสีหน้าขบขันหันมามองหญิงสาวด้วยสีหน้าประหลาดใจในทันที
“พวกเจ้าจะมองหาอะไรกัน? ข้าเป็นผู้หญิง แล้วยังไงล่ะ?” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ตะโกนด้วยความโกรธและเดือดดาล หญิงสาวทนไม่ได้ที่โจวเหว่ยชิงจะต้องถูกเหล่าลูกน้องมองว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ ดังนั้นเธอจึงจึงยอมรับโดยไม่คิดว่าตนเองเป็นผู้หญิง จากนั้นก็กลับมาใช้น้ำเสียงตามเพศเดิมอีกครั้ง
เว่ยเฟิงจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงพลางอ้าปากค้าง ในที่สุดก็มีเสียงออกมา “ผู้บัญชาการกองพัน ท่านพาภรรยาของท่านมาเข้าร่วมกองทัพด้วยจริงหรือ?!”
โจวเหว่ยชิงไอแห้งๆ ครั้งหนึ่งอย่างกระดากอาย แต่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กลับโพล่งขึ้นมาก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยตอบ “อ้วนน้อย คิดดูสิ กองพันไร้พ่ายของพวกเราดูเหมือนจะขาดครูฝึกที่ดี! เพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาให้ฝีมือเร็วที่สุด เจ้าให้ข้าเป็นครูฝึกของพวกเขาเถอะ ตกลงไหม?”
ขณะที่กล่าวเช่นนั้น ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ยกมือขึ้นถอดหน้ากากออกและเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของตนเอง
เหล่าโจรทหารกองพันไร้พ่ายถูกเตะโด่งมาที่นี่เป็นเวลานาน และนอกจากใช้ ‘แม่นางทั้ง 5’ และ ‘ทักษะสลับมือซ้ายขวาขั้นสุดยอด’ เพื่อจัดการกับความต้องการที่คุกกรุ่นแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก ด้วยเหตุนี้ นับประสาอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่ง แม้แต่แม่หมูก็ยังกลายเป็นภาพอันน่าตรึงตาตรึงใจในสายตาของทุกคน
เมื่อความงามอันน่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา เว่ยเฟิงและคนอื่นๆ จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองตาถลน บางคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ถึงกับน้ำลายไหลด้วยความเคลิบเคลิ้ม
“ข้าสวยไหม?” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดเสียงหวานราวขนมเคลือบน้ำตาล
โจวเหว่ยชิงกุมหน้าผากของเขา คร่ำครวญในใจก่อนจะรีบเดินหนีไป เมื่อปีศาจน้อยแห่งวังสวรรค์ไพศาลแสดงท่าทีเช่นนี้ ย่อมไม่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นแน่ เขาควรรีบเผ่นหนีให้เร็วที่สุด ทว่าก่อนที่จะทำเช่นนั้น เขาก็จงใจลากเว่ยเฟิงออกไปด้วยเช่นกัน
“ผู้บัญชาการกองพัน ท่านลากข้ามาทำไม?” เว่ยเฟิงกล่าวอย่างไม่พอใจ ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อย่างกระหายอยากขณะที่ถูกบังคับลากออกไป
“ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็ควรมากับข้าตอนนี้จะดีกว่า” โจวเหว่ยชิงพูดเบาๆ บังคับลากเขาออกไป
เว่ยเฟิงโกรธอยู่ในใจพลางคิดกับตัวเองว่า แม้นั่นจะเป็นผู้หญิงของเจ้า แต่แค่ให้ข้าดูก็ยังไม่ได้เชียวหรือ!
อย่างไรก็ตาม ไม่นานความโกรธนั้นก็หายวับไป หลังจากถูกลากออกไปประมาณ 20 เมตร ทันใดนั้นเขาก็เห็นหมาป่าเขียวและคนอื่นๆ กำลังกระโจนเข้าหาซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เป็นกลุ่มราวกับถูกกระตุ้น
คราวนี้เว่ยเฟิงตกตะลึงและหวาดกลัวในจิตใจ เขาเคยสัมผัสและเห็นความแข็งแกร่งของโจวเหว่ยชิงมาแล้ว หากผู้หญิงของเขาถูกทำร้ายเช่นนั้น เด็กหนุ่มจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงกลับเพิกเฉยต่อท่าทีประหลาดใจของเว่ยเฟิง เขาไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองข้างหลังและลากชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังกระโจมของตัวเองต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ถูกเตะกระเด็นกลับไปทีละคนเหมือนลูกปืนใหญ่
เสียงร้องประสานแห่งความเจ็บปวดดังขึ้นเป็นจังหวะและดังมากขึ้นเรื่อยๆ เว่ยเฟิงมองเห็นเพียงแค่ภาพเลือนลางของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ แทบจะไม่สามารถมองเห็นตัวเธอขณะที่กระโดดไปมารอบๆ ได้ ราวกับว่าหญิงสาวกำลังเล่นสนุกกับกลุ่มโจรกระจอกเหล่านี้ ใครก็ตามที่เข้ามาในระยะ 3 หลาจากตัวเธอล้วนต้องถูกส่งกลับไปอย่างโหดเหี้ยม
จากนั้นภาพตรงหน้าก็กลายเป็นฉากดำมืดเมื่อโจวเหว่ยชิงลากเขาเข้ากระโจมได้สำเร็จ
“ผู้บัญชาการกองพัน…นั่น…” เว่ยเฟิงพูดอย่างงุนงง เขายังคงอยู่ในสภาพตกตะลึง
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ตอนนี้เจ้ารู้แล้วใช่ไหม…หากยั่วยุปีศาจน้อย ชีวิตเจ้าก็จะไม่จบลงด้วยดีแน่ เจ้าคิดว่าความแข็งแกร่งของข้าผิดปกติหรือไม่? นี่ไม่เหมือนกับจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 4 ชุดธรรมดาๆใช่ไหม?” เว่ยเฟิงพยักหน้า เพราะท้ายที่สุดมันก็คือความจริง
โจวเหว่ยชิงกล่าวต่อ “เฟยเอ๋อร์นั้นผิดปกติกว่าข้าเสียอีก…นอกจากนี้ ระดับพลังปราณของนางอยู่ที่มณี 6 ชุด แค่นี้เจ้าก็คิดต่อเองได้แล้วกระมัง”
เว่ยเฟิงพลันสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ถึงตอนนี้เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? “ผู้บัญชาการกองพัน ขอบคุณที่ช่วยข้า!”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าหมาป่าเขียวและคนอื่นๆ จะไม่สามารถเข้าร่วมปฏิบัติการในคืนนี้ได้แล้ว เว่ยเฟิง เจ้ามีแผนที่ของกองทัพภาคเหนือหรือไม่? ยิ่งมีรายละเอียดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
หัวใจของเว่ยเฟิงเต้นผิดจังหวะ “ผู้บัญชาการกองพัน ทำไมท่านถึงต้องการแผนที่? ท่านกำลังพยายามจะแก้แค้นกรมทหารที่ 16 หรือ?”
โจวเหว่ยชิงแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “แก้แค้น? จะมีประโยชน์อะไร? ข้าไม่ได้บอกก่อนหน้านี้หรือว่ากองพันไร้พ่ายของเราจะไม่ทำอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเอง? เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดว่าจะหาเนื้อให้บรรดาพี่น้องกินในวันพรุ่งนี้หรือ? ถ้าเราไม่ออกไปเสาะหา พวกเขาจะได้กินหรือ?”
ดวงตาของเว่ยเฟิงหรี่ลง “ผู้บัญชาการกองพัน…ท่าน…คงจะไม่ปล้นคลังเสบียงใช่หรือไม่?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างโกรธเคือง “ปล้น? ปล้นอะไร? เรากำลังจะออกไปเก็บรวบรวมเสบียงต่างหาก เดิมทีข้าจะทำเช่นนั้นในอีก 3 วันถัดไป แต่เนื่องจากเซินปู้ให้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่พวกเรามาแล้ว เราจึงจะลงมือในคืนนี้เสียเลย ข้าออกไปรวบรวมเสบียงและให้พี่น้องของเราได้รับประทานอาหารดีๆ กันเสียก่อน”
ไม่กลัวตายเลยจริงๆ นั่นคือประโยคที่เว่ยเฟิงใช้ประเมินโจวเหว่ยชิง
เมื่อเห็นดวงตาที่ลังเลของเขา โจวเหว่ยชิงก็ตบไหล่เว่ยเฟิงและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราจะไม่เป็นอะไร เร็วเข้า เอาแผนที่มาให้ข้าดูก่อน”
เว่ยเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปอย่างรวดเร็วและทิ้งโจวเหว่ยชิงไว้ในกระโจมคนเดียว เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดจากภายนอกยังคงดังอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ทำให้โจวเหว่ยชิงนึกถึงความทรงจำเลวร้ายและรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูกสันหลัง โชคดีที่ในเวลานี้คนกรีดร้องออกมาไม่ใช่เขา…
ในขณะนั้น กระโจมก็เปิดออกและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็เดินเข้ามา “น่าเบื่อชะมัด อ่อนแออะไรเช่นนี้ พวกเขาทนหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ตีแค่ไม่กี่ครั้งก็ลุกขึ้นมาไม่ได้แล้ว…อ้วนน้อย ตอนนี้ข้ากำลังสนุกเลย ออกไปสู้กันข้างนอกเถอะ”
โจวเหว่ยชิงจ้องมองเธอด้วยความตะลึง เนื่องจากต้องออกแรงเป็นจำนวนมาก ใบหน้าที่งดงามของเธอจึงมีสีชมพูแดงระเรื่อ ดูสง่างามและมีสุขภาพดี แม้ว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะสวมเครื่องแบบทหารธรรมดา แต่ความงามที่เปล่งประกายของเธอก็ยังน่าทึ่งเกินไป
“ เอ่อ…เฟยเอ๋อร์ คืนนี้เรามีปฏิบัติการใหญ่ มันจะต้องสนุกมากแน่ เจ้าอยากไปด้วยไหม?”
เด็กหนุ่มไม่กล้าแสดงอาการใดๆ ออกมา เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว แน่นอนอยู่แล้วว่าโจวเหว่ยชิงไม่ต้องการจะลงเอยในสถานะเดียวกับกลุ่มคนด้านนอก
ตามที่คาดไว้ ความสนใจของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ถูกจุดประกายขึ้นอย่างรวดเร็ว “ปฏิบัติการใหญ่? ทำอะไรหรือ? แน่นอนๆๆ ข้าอยากไป!”