ตอนที่ 172 สังเวยวิญญาณ
“คําสาปโลหิตสังหาร!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้มู่อี้ก็รู้สึกหวั่นวิตกขึ้นมาในใจ หายนะครั้งใหญ่กําลังเกิดขึ้นกับเขาแล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้นคราบเลือดสีแดงฉานก็ระเบิดขึ้นในสายตาของเขา ครั้งนี้ไม่ต้องใช้พลังแห่งจิตใจเขาก็ สามาถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
คราบเลือดที่ระเบิดขึ้นมานี้เต็มไปด้วยพลังอันชั่วร้ายเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก ในที่สุดมู่อี้ก็เข้าใจแล้วว่าทําไมประมุขของศาลาแปดทิศปล่อยให้คนของโดนสังหารไปโดยไม่ออกมาช่วยเหลือเลย
เพราะยิ่งพวกเขาถูกมู่อี้สังหารไปมากเท่าไหร่ความเกลียดชังในใจของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น พลังของคําสาปโลหิตสังหารที่อีกฝ่ายใช้นั้นขึ้นอยู่กับความเกลียดชังในโลหิตของผู้ที่ถูกสังเวย
ชีวิตของชายชุดดําเหล่านั้นไม่ได้มีค่าในสายตาของประมุขแห่งศาลาแปดทิศเลย แต่ในครั้งนี้แม้ว่าเขาสามารถสังหารมู่อี้ได้ศาลาแปดทิศก็ถือว่าพ่ายแพ้อยู่ดี
ความจริงแล้วมู่อี้ก็รู้ดีว่าครั้งนี้ตนเองประมาทเกินไป เขาคิดว่าศาลาแปดทิศไม่อาจเป็นภัยคุกคามต่อตนเองได้เลย เพราะปรมาจารย์ของศาลาแปดทิศเหล่านั้นฝีมือยังถือว่าน้อยกว่าชิวเยวี่ยถงด้วย การเอาชนะเขาได้คงเป็นแค่ฝันไปเท่านั้น
แต่มู่อี้ก็ไม่คิดเลยว่าประมุขแห่งศาลาแปดทิศนั้นจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งจิตใจด้วยเช่นกัน และดูจากพลังแห่งจิตใจที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมา ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าเขาอยู่นิดหน่อย พลังของประมุขแห่งศาลาแปดทิศนั้นน่าจะอยู่ประมาณก้าวที่ 3 ของระดับความยากขั้นที่ 2
เมื่อรวมกับการเตรียมพิธีคําสาปที่ต้องใช้ชีวิตของมนุษย์นับร้อยศพ มู่อี้ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขากําลังก้าวเข้าสู่หายนะแล้ว
แต่แม้ว่ามู่อี้จะกําลังตกอยู่ในอันตรายแต่เขาก็ยังดูสงบนิ่ง
“ย่าห์!”
ยันต์สายฟ้าทั้ง 3 แผ่นของมู่อี้พุ่งออกไปจากมือเขาทันที นี่คือจํานวนจํากัดที่เขาสามารถใช้ออกไปได้ในครั้งเดียว เพราะพลังแห่งจิตใจที่เขาต้องใช้ในการส่งยันต์สายฟ้าออกไปนั้นแตกต่างจากยันต์ปราบปีศาจอย่างสิ้นเชิง. .
“ตุ้ม!”
เสียงจากสวรรค์คํารามขึ้นมาทันทีและจากนั้นสายฟ้าทั้ง 3 เส้นก็ผ่าลงมาจากก้อนเมฆอย่างพร้อมเพียงกัน ในตอนนี้สายตาของทุกๆคนต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
รถม้าสีดําที่อยู่บนเนินดินนั้นก็มีคนคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาทันที
เดิมที่สายฟ้านั้นก็มีพลังทําลายล้างมหาศาลอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเมฆดําที่ลอยอยู่ในศีรษะเลย มันเป็นลักษณะอากาศที่ดีที่สุดและสามารถทําให้พลังของสายฟ้านั้นเพิ่มขึ้นได้อย่างมหาศาล เมื่อมู่อี้ร้องตะโกนออกไปนั้น สายฟ้าทั้ง 3 เส้นก็ผ่าลงมาจากก้อนเมฆดําอย่างพร้อมเพียงกัน
แม้แต่มู่อี้ก็ต้องปิดตาของเขาลงเมื่อสายฟ้าทั้ง 3 เส้นผ่าลงมา สายฟ้าที่กระจายไปตามพื้นดินนั้นก็ทําให้เท้า ของเขารู้สึกชาขึ้มาทันที
คราบเลือดสีแดงฉานที่ปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็ดูจางลงไปอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าพลังของสายฟ้าจะสามารถขจัดความชั่วร้ายออกไปได้ แต่ความชั่วร้ายที่เกิดจากโลหิตของมนุษย์นับร้อยคนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สายฟ้าทั้ง 3 เส้นจะสามารถกําจัดออกไปได้ทั้งหมด
ทันทีที่สายฟ้าหายไปนั้นมู่อี้ก็นําตะเกียงทองแดงของเขาออกมา และส่งพลังแห่งจิตใจเข้าไปโดยเร็วที่สุด ตะเกียงทองแดงสว่างขึ้นมาราวกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อม
คราบเลือดสีแดงฉานปะทะกับแสงไฟจากตะเกียงทองแดงทําให้เกิดเสียงที่เหมือนกับอะไรบางอย่างกําลัง เสียดสีกันและแสงของตะเกียงทองแดงก็เริ่มดูไม่เสถียรขึ้นมาทันทีบางครั้งมันก็กระพริบหายไปครู่หนึ่ง
เมื่อมู่อี้เห็นเช่นนี้ก็รีบเพิ่มพลังแห่งจิตใจของตนเองเข้าไปทันที จากนั้นแสงของตะเกียงทองแดงก็สว่างขึ้นมาอีกเล็กน้อย
แสงของตะเกียงทองแดงที่เคยดูไม่เสถียรและแผ่วเบาพร้อมจะดับไปทุกเมื่อแต่เมื่อเพิ่มพลังจิตใจเข้าไปนั้น พลังของแสงไฟจากตะเกียงทองแดงก็เพิ่มขึ้นมาทันที และความสว่างของคราบเลือดสีแดงฉานนั้นก็หายไปมากกว่าครึ่ง
ประมุขของศาลาแปดทิศที่ยืนอยู่ข้างๆรถม้าจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่พอใจ แต่สายตาของเขาก็แสดงความโลภออกมาอย่างเห็นได้ชัด มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของตนเอง และจากนั้นพลังแห่งจิตใจของเขาก็เพิ่มขึ้นมาทันที!
“ข้าขอสังเวยวิญญาณทุกๆดวงเพื่อเป็นพลังให้แก่คําสาป!”
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะอยู่ห่างไกลกันแต่มู่อี้ก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่เกิดขึ้น
จากนั้นเขาก็เห็นดวงวิญญาณจํานวนมากลอยออกมาจากศพที่อยู่บนพื้น ดวงวิญญาณเหล่านี้ลอยขึ้นมาในอากาศและค่อยๆสลายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนพลังงานที่ดูแปลกประหลาด
เมื่อประมุขของศาลาแปดทิศชี้นิ้วมาที่มู่อี้กลุ่มก้อนพลังงานเหล่านั้นก็ระเบิดออกมาทันที
“ตุ้ม!”
เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นมานั้นแสงไฟจากตะเกียงทองแดงก็ถูกทําลายไปทันที และมู่อี้ก็กระเด็นกลับไปด้วยเช่นกัน แต่กลุ่มก้อนพลังงานนั้นยังไม่หายไปมันแค่ลดจํานวนลงไปเท่านั้นและส่วนที่เหลือก็กําลังพุ่งตรงเข้ามาหาเขา
ในตอนนี้มู่อี้รู้สึกได้ถึงอันตรายที่กําลังเข้ามาใกล้
เพราะแรงกระแทกก่อนหน้านี้ทําให้พลังแห่งจิตใจของเขาไม่เสถียรไปครู่หนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายลมหายใจ เพื่อทําให้กลับมาสงบนิ่งเหมือนดังเดิมได้
คําว่าหลายลมหายใจนั้นก็ถือเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ามันยาวนานยิ่งนัก เพราะชีวิตกับความตายของเขาอยู่ใกล้กันเพียงแค่เอื้อมมือ
เมื่อลู่อี้กําลังจะเพลี่ยงพล้ํานั้น ต้นไผ่แห่งชีวิตในมือของเขาก็ส่องประกายออกมาทันทีจากนั้นเนี่ยนหนิวเอ้อร์ก็ปรากฏตัวออกมาขวางกั้นกลุ่มก้อนพลังงานที่พุ่งเข้ามา
“ไม่!”
ดวงตาของมู่อีเบิกกว้างขึ้นและตะโกนออกมาทันที
เขาเป็นห่วงเนี่ยนหนิวเอ้อร์ยิ่งกว่าชีวิตของตนเองเสียอีกและเขาเองก็รู้ว่ากลุ่มก้อนพลังตรงหน้าของเขานั้น ทรงพลังอย่างยิ่งซึ่งสามารถทําลายแสงของตะเกียงทองแดงได้เลยทันที แม้ว่าเนี่ยนหนิวเอ้ร์จะสามารถยกระ ดับไปเป็นวิญญาณชั่วร้ายแต่ก็ไม่มีทางหยุดกลุ่มก้อนพลังงานที่พุ่งเข้ามาได้แน่นอน
แต่ดูเหมือนว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะไม่สนใจคําพูดของเขาเลย และในขณะที่มู่อี้ตะโกนออกไปนั้น นางพุ่งเข้าไปปะทะกับกลุ่มก้อนพลังงานนั้นทันที
ครั้งนี้แม้ว่าจะไม่มีเสียงที่สั่นสะเทือนโลกาดังขึ้นมาแต่การปะทะกันครั้งนี้ก็ทําให้มู่อี้รู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก มู่ลี้ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับเนี่ยนหนิวเอ้อร์ตลอดเวลาและในใจของเขาก็รู้สึกหวั่นวิตกอย่างยิ่ง
“ตู้ม!”
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่มู่ลี้คิดเอาไว้ ด้วยพลังของเนี่ยนหนิวเอ้อร์กลุ่มก้อนพลังงานนั้นถูกทําลายไปทันทีและร่างกายของนางก็กระเด็นออกมาอย่างรุนแรง
หลังจากได้เห็นว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่เป็นอะไรจิตใจของมู่อี้ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจลงมืออีกครั้ง ทันทีที่เขาสะบัดต้นไผ่แห่งชีวิตในมือนั้นก็ดูดร่างกายของเนี่ยนหนิวเอ้อร์กลับเข้าไปอีกครั้งทันที..
ในขณะเดียวกันนั้นประมุขของศาลาแปดทิศที่อยู่ในรถม้าสีดํากําลังตัวสั่นและกระอักเลือดออกมา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เคยเจอใครที่เผชิญหน้ากับแผนการสังหารที่เขาวางเอาไว้อย่างรอบคอบ แล้วรอดชีวิตได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นสายฟ้าที่ปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน แสงไฟจากตะเกียงทองแดง หรือแม้แต่ต้นไผ่แห่งชีวิตที่ลอยออกมาขวางกั้นด้วยตัวเอง ต่างก็อยู่นอกเหนือแผนการที่เขาได้วางเอาไว้และนั่นคือสาเหตุที่ทําให้เขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
แม้ว่าพลังแห่งคําสาปที่เขาใช้ก่อนหน้านี้จะทรงพลังอย่างยิ่ง แต่เขาก็ต้องใช้เวลาเพื่อเตรียมการอย่างยาวนาน แต่ในตอนนี้เมื่อลงมือแล้วกลับไม่ได้ชัยชนะกลับมา ลูกน้องทั้ง 100 คนของตนเองก็เสียชีวิตไปอย่างสูญเปล่า ถ้าหากเขาอยากจะฆ่ามู่ลี่ก็เหลือเพียงต้องใช้พลังของตนเองเท่านั้น
ขณะนี้เมื่อลู่อี้รู้สึกได้ว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่เป็นอะไรเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่เนี่ยนหนิวเอ้อร์ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนที่เขาคิดเอาไว้ นางแค่ต้องการเวลาพักฟื้นเพียงไม่นานเท่านั้น
จากนั้นมู่อี้ก็จ้องมองไปที่รถม้าสีดําที่จอดอยู่บนเนินดิน สายตาของเขาแสดงความโกรธแค้นออกมา
แต่ก่อนที่มู่อี้จะเคลื่อนไหวนั้น ประมุขของศาลาแปดทิศก็ปรากฏตัวออกมาและรีบหนีไปทันที
มู่อี้รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ไล่ตามขึ้นไปบนนั้น การระเบิดพลังของตนเองทั้งหมดเพื่อใช้ป้องกัน ก่อนหน้านี้ทําให้พลังจิตใจของเขาสูญเสียไปมาก แม้ว่าตอนนี้จะยังอยู่ในระหว่างการต่อสู้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายวางกับดักอื่นๆเอาไว้อีกหรือไม่
จิตใจของมู่อี้กลับมาสงบนิ่งอีกครั้งแล้วจากนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้าหนิวทันที เขาพบว่ามันหมดสติไปแล้ว ร่างกายของมันตอนนี้แดงก่ํา กล้ามเนื่อขยายใหญ่ขึ้น และเส้นเลือดก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ลมหายใจของมันก็เร็วผิดปกติ
เหตุผลที่ทําไมต้าหนิวถึงเป็นเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะคําสาปโลหิตที่เข้าไปในร่างกายของมัน แม้ว่ามู่ลี้จะเตือนมันแล้วแต่คําสาปโลหิตนั้นก็ระเบิดออกมารวดเร็วเกินไป จนตาหนวหนีออกมาไม่ทันและมันเองกไม่มีตะ เกียงทองแดงคอยปกป้องทําให้ต้องทนรับคําสาปที่เข้าไปในร่างกายเท่านั้น
มู่อี้ไม่ได้คิดอะไรอีกต่อไปและส่งยันต์สะกดวิญญาณ 2 แผ่นออกไปทันที เขามีเพียงยันต์สะกดวิญญาณเท่านั้นที่สามารถรักษาความผิดปกติในร่างกายได้
เมื่อได้รับยันต์สะกดวิญญาณทั้ง 2 แผ่ร่างกายขนาดมหึมาของตาหนิวก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวทันที จา กนั้นร่างกายสีแดงของมันก็มีสีจางลงไปอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นว่ายันต์สะกดวิญญาณได้ผลมู่อี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที สิ่งที่เขารู้สึกกลัวก่อนหน้านี้ก็คือยันต์สะกดวิญญาณอาจจะใช้ไม่ได้ผลและประมุขของศาลาแปดทิศที่หนีไปได้ในตอนนี้
เมื่อเห็นว่ายันต์สะกดวิญญาณได้ผลเขาก็รีบใช้ยันต์สะกดวิญญาณให้กับตาหนิวอีกหลายแผ่นจากนั้นร่างกายของมันก็กลับมาเป็นปกติ และลมหายใจก็ช้าลงจนกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
ผู้คนที่เฝ้ามองจากระยะไกลๆต่างก็มีสีหน้าที่ดูตกตะลึง แต่สิ่งที่พวกเขาได้เห็นก็ทําให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
พลังของมู่อี้นั้นมากเกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ แต่ประมุขของศาลาแปดทิศก็ทําให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงขึ้นมาด้วยเช่นกัน ไม่มีใครคิดเลยว่าประมุขของศาลาแปดทิศผู้ลึกลับคนนั้นจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งจิตใจ เมื่อไหร่กันที่ผู้บ่มเพาะพลังแห่งจิตใจมีอยู่มากมายขนาดนี้? ในวันนี้พวกเขาก็ได้เห็นถึงสองคนแล้วไม่ใช่เหรือ?
ความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะพลังแห่งจิตใจทั้งสองคนทีพวกเขาได้เห็นในวันนี้ต่างก็ตราตรึงอยู่ในใจ หลัง จากการต่อสู้ในวันนี้จบลงคงไม่มีใครกล้าดูถูกและเข้ามาหาเรื่องมู่อี้อีกต่อไปเว้นแต่ว่าพวกเขาจะเป็นยอดฝีมือจริงๆ
ดังนั้นเมื่อสายตาของมู่จ้องมองมาที่พวกเขา ทุกๆคนต่างก็รีบหลบสายตาทันที
มู่อี้จ้องมองไปที่ทุกๆคนที่เฝ้ามองจากระยะไกลๆและไม่ได้คิดจะทําอะไรคนเหล่านั้น แม้ว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในวันนี้จะกระจายออกไปเขาก็ไม่คิดอะไรมากนัก สิ่งเดียวที่เขารู้สึกผิดหวังนั่นก็คือการที่เขาไม่อาจสังหารประมุขของศาลาแปดทิศได้ในตอนนี้ แต่ด้วยพลังที่เขาแสดงออกไปในวันนี้คงไม่มีใครใยุทธภพที่กล้าดูแคลน เขาอีกต่อไป
อย่างน้อยที่สุดทุกๆคนก็ต้องคิดถึงการล่มสลายของศาลาแปดทิศในวันนี้
ต้าหนิวหมดสติไปไม่นานนัก ครึ่งชั่วโมงต่อมามันก็ลุกขึ้นมาจากพื้นทันทีราวกับว่าไม่เคยมีอาการผิดปกติใดๆ
เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้งมู่อี้ก็ส่งพลังจิตใจของเขาเข้าไปในต้นไผ่แห่งชีวิตเพื่อตรวจสอบอาการของเนี่ยนหนิวเอ้อร์ แม้ว่าเนี่ยนหนิวเอ้อร์จะไม่ได้เป็นอะไรมากนักแต่ทุกๆครั้งมู่อี้นึกถึงกลุ่มก้อนพลังที่แปลกประหลาดนั้น เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่อี้ได้เผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อาจวางใจได้เลย
“การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมันน้อยเกินไปแล้ว” มู่อื้อดคิดขึนมาในใจไม่ได้ แม้ว่าเขาจะมีสมบัติมากมายในมือ ของเขาแต่ถ้าหากนับจริงๆแล้ว แต่เมื่อเขายกระดับขึ้นมามีเพียงพลังของยันต์เท่านั้นที่เพิ่มขึ้นตามระดับพลังของเขา
แม้ว่าเขาจะพกยันต์สายฟ้าได้จํากัดจํานวน แต่เขาก็สามารถพกยันต์ปราบปีศาจและยันต์สะกดวิญญาณได้ไม่จํากัดจํานวน
นอกจากยันต์เหล่านี้แล้วมู่อี้ก็เหลือเพียงเคล็ดวิชาการต่อสู้ระยะประชิดของเขาเท่านั้น แม้ว่ามันจะพอใช้ต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆได้แต่เมื่อเขาต้องปะทะกับผู้บ่มเพาะพลังแห่งจิตใจคนอื่นๆ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระยะประชิดก็ถือว่าไร้ประโยชน์ไปเลย
น่าเสียดายที่ท่านปู่ทิ้งสมบัติและเคล็ดวิชาต่างๆเอาไว้ให้เขาเพียงแค่นี้เท่านั้น
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่มู่อี้ก็นึกถึงตะเกียงทองแดงขึ้นมาทันที เขาจําได้ว่าในตอนที่เขายกระดับขึ้นมาสู่ระดับความยากขั้นที่ 2 ได้สําเร็จนั้นดูเหมือนว่าท่านปู่จะทิ้งคําพูดเอาไว้ในตะเกียงทองแดงนี้ บางทีในอนาคตถ้าหากเขาสามารถยกระดับขึ้นไปได้อีก เขาอาจจะได้พบกับความลับอื่นๆ ใช่หรือไม่?
มู่อี้ทําได้เพียงต้องหาวิธีเพิ่มพลังของตนเองให้เร็วที่สุดเท่านั้น