เมื่อหนิงฝานปรากฏตัวเหนือท้องนภาเมืองเต่าทมิฬ ทั้งเมืองเงียบสงัด
ลมทะเลพัดโชยกลิ่นเกลือเคล้ากับกลิ่นโลหิต ทั่วร่างหนิงฝานแผ่กลิ่นอายสังหารที่รุนแรง
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในเมืองไม่กล้าเอ่ยคำ
แรงกดดันที่มองไม่เห็น ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญแอบกลืนน้ำลาย
ซัวหมิง! คนผู้นี้สังหาร 3 จ้าวหอคอยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดได้เพียงลำพัง!
คนผู้นี้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่แข็งแกร่งที่สุด!
“แยกย้ายกันได้แล้ว…” หนิงฝานกล่าวเบาๆ แต่เสียงกลับสะท้อนก้อง
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดพร้อมใจป้องมือ และแยกย้ายกันไป
เมืองเต่าทมิฬที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน กลายเป็นเมืองที่เงียบสงัด ถนนที่เคยพลุกพล่านไร้ซึ่งผู้คน
หนิงฝานหลับตา สัมผัสกับความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก ยามนี้ ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดในทะเลส่วนนอก ก็ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องเขา
นี่คือชื่อเสียงและกิตติศัพท์ ที่ปม้เป็นนายน้อยของขุมกำลังใหญ่ก็ยังไม่มี
ในทะเลส่วนนอกแห่งนี้ ปูมหลังที่มาล้วนไร้ค่า ความแข็งแกร่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้เอาชีวิตรอด!
หนิงฝานเหยียบย่างนภา ร่อนลงหาศพนางสวรรค์
นางที่เดิมทีนิ่งสงบ แต่เมื่อเห็นหนิงฝาน แววตาที่สงบนิ่งสั่นไหว สองมือซีดขาวเหยียดยื่น สัมผัสใบหน้าหนิงฝานอย่างอ่อนโยน
“แสง… บาดเจ็บ…”
“ไม่เป็นไร… บาดแผลเล็กน้อย ไปเถอะ… ข้าช่วยวิหารสาบสูญจัดการปัญหาแล้ว หากลู่ชิงไม่ขอบคุณค่า คงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร”
หนิงฝานยิ้มให้นางพลางกุมมือน้อยๆเดินไปตามถนนที่ว่างเปล่า
ณ หอคอยโอสถโอสถใต้…
ผู้อาวุโสโม่สีหน้าแปรเปลี่ยนซับซ้อน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็นั่งไม่ติดที่
นักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 27 คน… นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 5 คน… พวกมันล้วนสงบคำ บรรยากาศดูอึมครึม
หลังจากเหรียญที่แสดงถึงการมีชีวิตของจ้าวหอคอยทั้ง 3 แตก ข่าวการตายของพวกมันก็แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นที่พูดคุยของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน
ผู้คนรู้ว่าลู่ชิงเจตนาไม่สอดมือ เพื่อยืมมีดสังหารคน
หรือจะกล่าวอีกนัย การตายของจ้าวหอคอยทั้ง 3 เป็นประโยชน์ต่อวิหารสาบสูญ
แม้สิ่งที่ซัวหมิงทำจะเป็นประโยชน์ต่อวิหารสาบสูญ แต่ควรแล้วหรือที่จะตอบแทนซัวหมิง?
เพราะสิ่งที่ซัวหมิงทำคือการสังหารคนของวิหารสาบสูญ หากวิหารยังมอบรางวัลให้ซัวหมิง ชื่อเสียงของวิหารก็จะมัวหมอง
นำปีศาจที่สังหารนักปรุงโอสถของตน เพื่อมาเป็นนักปรุงโอสถของตน… ชื่อเสียงเช่นนี้ย่อมไม่รื่นหู
แต่ถึงแม้ไม่อาจตบรางวัลหรือยกย่อง ก็ไม่อาจลงโทษได้เช่นกัน… ซัวหมิงสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดไป 3 คน จึงได้ชื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่แข็งแกร่งที่สุด บางที… ซัวหมิงอาจแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น
ไม่จำเป็นต้องลงโทษ ไม่จำเป็นต้องยั่วยุ… คนผู้นี้ไม่สมควรเป็นศัตรูด้วย
นอกจากนี้ ลำพังกำลังของวิหารสาบสูญในทะเลส่วนนอกก็ไม่อาจกำราบซัวหมิงได้ หากเผลอยั่วยุ อาจส่งผลร้ายกับพวกมันแทน
ดังนั้น ผู้ใดที่พบซัวหมิงจึงไม่กล้าเอ่ยคำ เพราะหากเกิดผิดหูเข้า อาจนำภัยพิบัติมาสู่มัน…
ลู่ชิงวางถ้วยน้ำชา แม้สีหน้าจะดูสงบ แต่นิ้วมือที่กระดิกเคาะโต๊ะกลับแสดงถึงความร้อนใจ มันไม่คิดจะจับตัวซัวหมิง แต่กำลังคิดว่าจะตอบแทนอีกฝ่ายอย่างไร
มันจดจำภาพที่ซัวหมิงจุดเพลิงชีพจรพิภพ 2 ชนิดขึ้นพร้อมกันได้แม่น
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก พูดคุยเรื่องการต่อสู้ระหว่างซัวหมิงและจ้าวหอคอยทั้งสาม แต่บางคนกลับสนใจเรื่องที่ซัวหมิงยอมเผยไพ่ในมืออย่างเพลิงชีพจรพิภพ
ลู่ชิงเดาว่า บางทีซัวหมิงผู้ครอบครองเพลิงชีพจรพิภพ อาจสนใจเพลิงคราม…
“แย่แน่…”
ต้องเป็นปัญหาแน่นอน…
หากเปลี่ยนจากซัวหมิงเป็นจ้าวหอคอยเหนือ ลู่ชิงคงมอบโอสถผันแปรที่ 5 ให้จำนวนหนึ่ง อีกฝ่ายคง
พอใจ
แต่ซัวหมิงนั้นไม่เหมือนกัน เขาสังหารจ้าวหอคอยทั้ง 3 ได้เพียงลำพัง ซ้ำยังใช้เวลาไม่นาน ต่อให้เป็นลู่ชิงเองก็ยังทำแบบนั้นไม่ได้
ซัวหมิงผู้นั้นมีพลังล้ำลึก… หากอีกฝ่ายต้องการเพลิงครามจริง ลู่ชิงก็ไม่กล้าปฏิเสธ
ดูเหมือนการยืมมีดสังหารคน จะกลายเป็นดาบสองคมไปเสียแล้ว
จ้าวหอคอยตายไป 3 ซ้ำยังอาจต้องเสียเพลิงคราม
“แย่แน่ๆ…”
ลู่ชิงหันมองเป่ยเซี่ยวเหมินที่กำลังกินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อยพลางยิ้มเจื่อน
“นายหญิงน้อย ท่านช่วยข้าคิดหน่อยว่าจะตอบแทนซัวหมิงยังไง…”
ลู่ชิงพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก
หากไม่สนใจพลังของซัวหมิง ลำพังแค่อีกฝ่ายเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ที่สามารถปรุงโอสถที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ มันก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไง
จำนวนของนักปรุงผันแปรที่ 5 มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะไปเข้าร่วมกับวิหารพิรุณ และนักปรุงโอสถเหล่านั้น ล้วนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ดังนั้น สำหรับวิหารสาบสูญของมัน นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 คงมีแค่ซัวหมิงคนเดียว!
“ถ้ามีปัญหามากก็ฆ่าทิ้งซะก็สิ้นเรื่อง… ข้าเองก็ไม่ค่อยพอใจมันอยู่แล้ว!”
*พรู๊ด!!*
ลู่ชิงสำลักน้ำชา
สมแล้วที่เป็นยนายหญิงน้อยของมัน ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ไม่เคยรับผลที่จะตามมา
อีกอย่าง ต่อให้มันลงมือ ก็ใช่ว่าจะสังหารซัวหมิงได้ง่ายๆ หรือต่อให้สังหารได้ มันก็คงกลายเป็นศัตรูกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจำนวนมาก…
เพียงได้ชื่อว่าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ก็ไม่ใช่ผู้ที่จะยั่วยุแล้ว!
ในอดีต… มีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางคนหนึ่ง ล่วงเกินสตรีนางหนึ่ง แต่มันคาดไม่ถึงว่าสตรีนางนั้นจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5… ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจึงโกรธแค้น และลั่นวาจาว่าจะแก้นแค้นให้นาง
นางปรุงโอสถ ‘โอสถแบ่งแยกและหลอมรวม’ เพื่อชักชวนเหล่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
นางปรุงโอสถ ‘ปราณต้นกำเนิด’ เพื่อชักชวนผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น
นางปรุงโอสถ ‘วิญญาณกระจ่าง’ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ได้ครอบครองเจตจำนงค์เทพมากขึ้น
เมื่อตระเตรียมพร้อมสรรพ นางนำผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดกว่าร้อยคน ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น 11 คน และขั้นกลาง 3 คน เข้าล้อมนิกายแห่งหนึ่ง จากนั้นเปิดฉากสังหารจนราบ…
ลู่ชิงไม่รู้ที่มาของหนิงฝาน แต่การที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ แสดงว่าไม่ธรรมดา หากอีกฝ่ายเอ่ยปาก ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแทบทั้งหมดย่อมยอมช่วย
ทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่ลู่ชิงคิด…
แต่เป่ยเซี่ยวเหมินไม่เหมือนกัน นางทำตัวเย่อยหยิ่ง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณหรือ หรือผู้เชี่ยวชาญดัดแปลง นางก็ไม่สนใจ
“นายหญิงน้อยอย่าลืม… ว่าด้วยสถานะของท่านแล้ว จะยั่วยุซัวหมิงไม่ได้…” ลู่ชิงทำมือเป็นท่าทางบางอย่าง ก่อนที่เป่ยเซี่ยวเหมินจะหน้าแดง
หนิงฝานเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5… มารดาของเป่ยเซี่ยวเหมินก็กล่าวว่า อย่าได้ยั่วยุนักปรุงโอสถ
“งั้นข้าไม่ขอยุ่ง… เจ้าอยากทำอะไรก็เชิญ! แต่ข้าไม่ให้เพลิงคราม!”
เมื่อกล่าวจบ นางแค่นเสียงและเดินจากไป…
แต่ในจังหวะนั้นเอง หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีปรากฏกาย
สตรีคือศพนางสวรรค์ ส่วนบุรุษคือหนิงฝาน!
“ดูเหมือนนายหญิงน้อยเป่ยจะไม่พอใจข้า… แต่ข้ามั่นใจว่าไม่เคยยั่วยุท่านมาก่อน หรือจะเป็นยามนั้น… ยามที่ข้าร่วมรักกับสตรีของข้า แล้วท่านก็แอบมองอยู่ห้องข้างๆ ข้าว่าข้าสมควรเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่า… ท่านจะตำหนิข้าไม่ได้”
“ฮึ่ม! ใครแอบดูเจ้า! อีกอย่าง เจ้าจะเสียหายได้ยังไง ก็ของเจ้ามัน…”
เป่ยเซี่ยวเหมินแอบดูหนิงฝาน อีกอย่าง ยามนี้นางยังไร้ซึ่งเจตนาสังหารใดๆ เพียงด่าทอเท่านั้น
ทุกคนในวิหารสาบสูญจะรู้จักนิสัยของนางดี ปกติแล้วนางไม่เป็นแบบนี้
หรือว่านางจะชอบซัวหมิง?
ต้องใช่แน่ เพราะผู้เดียวที่ยังต่อปากต่อคำกับนางได้ มีเพียงซัวหมิงเท่านั้น
เรื่องนี้ไม่ธรรมดาแล้ว!
นายหญิงน้อยที่ 4 แห่งวิหารสาบสูญบนแดนสวรรค์ ผู้ซึ่งทำให้เซียนมากมายต้องหวาดหวั่น กลับตกหลุมรักผู้เชี่ยวชาญบนโลกอย่างซัวหมิง?
แต่ถึงไม่ตกหลุมรัก การแอบดูซัวหมิงร่วมรักก็กระทบกับความไร้เดียงสาของนาง!
นายหญิงน้อย 4 แห่งวิหารสาบสูญ ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนมหาสมุทรเหนือ หากสูญสิ้นความไร้เดียงสา ลู่ชิงต้องหัวหลุดจากบ่า!
“นายหญิงน้อย ท่านจะกล่าวแบบนั้นไม่ได้…”
“ข้าจะพูดแล้วเจ้ามีปัญหาอะไร? ข้าเห็นมันร่วมรัก เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่า แต่มันก็ไร้ยางอายไม่ยอมหยุด!”
หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีร่วมรัก เหตุใดต้องอาย?
แม้ลู่ชิงจะกล่าวเตือนว่านางไม่ควรพูด แต่นางก็ไม่หยุด
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ลู่ชิงคาดไม่ถึง มันจึงไม่รู้จะรับมือยังไง
หากแลกกับการที่ซัวหมิงจะหยุดโต้เถียงกับนาง และปกปิดเรื่องที่นางสูญเสียความไร้เดียงสาไป ต่อให้ต้องยกตำแหน่งจ้าวหอคอยและเพลิงครามให้ ลู่ชิงก็ยอม
ศพนางสวรรค์สงสัย นางไม่เข้าใจวส่าเหตุใดคนเหล่านี้ต้องทำท่าทางร้อนรน
แต่หนิงฝานกลับยิ้มเล็กน้อยอย่างมีนัย
“ข้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับนายหญิงน้อยเพียงลำพัง เชิญพวกท่านกลับไปก่อน ไม่งั้นพวกท่านอาจได้ยินเรื่องที่ไม่อยากได้ยิน”
“พวกเจ้าไปได้แล้ว!” ลู่ชิงถอนหายใจ ในเมื่อซัวหมิงยอมหยุดโต้เถียงกับนาง พวกมันก็ยอมจากไป
“เจ้าอย่าลืมหล่ะว่าต้องมาให้ข้าประทับตราวิญญาณ…” หนิงฝานชี้ไปยังยู่หลงพลางยิ้มเล็กน้อย
ยู่หลงแตกตื่น มันหวาดกลัวจตัวสั่นแต่ก็ต้องพยักหน้า
“ในเมื่อท่านหมิงกล่าว เหตุใดข้าจะกล้าขัด การได้เป็นทาสของท่านนับเป็นเกียรติของข้าแล้ว”
คาดไม่ถึงว่ายู่หลงที่เย่อหยิ่ง จะแสดงท่าทางอ่อนน้อม
ซัวหมิงผู้นี้แข็งแกร่ง ลู่ชิงและเป่ยเซี่ยวเหมินไม่ขัดที่ยู่หลงจะกลายเป็นทาส…