[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน
[เลเวล] 8
[คลาส] ลอร์ด , หัวหน้ากลุ่ม
[ทักษะ] <<Ruler of the Horde>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B – >> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>> <<สัญชาตญาณ>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา II>>
[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย
[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย
[สัตว์ใต้บังคับบัญชา] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 20) ซินเธีย (เลเวล 20) บุย (Lv36)
◇◆◇
[ก็อบลิน] กิก้า
ก็อบลินที่อาศัยอยู่ผู้นำคนก่อนพ่ายแพ้ให้กับออร์ค แต่ปัจจุบันเขาเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของผม เขาเป็นผู้ใช้หอก
[ก็อบลิน] กิกูว
อดีตผู้นำหมู่บ้าน เขาถูกกดดันเพื่อสละตำแหน่งให้กับผม เขาใช้ดาบยาวและค่อนข้างฉลาดถ้าเทียบกับก็อบลินแรร์ทั่วไป
[ก็อบลิน] กิกิ
เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกสัตว์ เขาเลื่อนคลาสในหลังจากการล่ากวางเอเรล เป็นความสามารถที่ค่อนข้างหายากและเขาชอบที่จะใช้ขวาน
[ก็อบลิน] กิโก
ก็อบลินที่มีบาดแผลมากมายทั่วร่าง อาหารส่วนใหญ่มักถูกขโมยโดยเกรย์วูฟ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะติดตามผม เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในหมู่พวกก็อบลินแรร์
[ก็อบลิน] กิซาร์
ดรูอิด (ก็อบลินแรร์) ผู้ใช้เวทย์ลม ที่เพิ่งเข้ากลุ่มมา
[ก็อบลิน] กิจิ
ก็อบลินแรร์ที่เลื่อนคลาส (ตอนที่ 37) จากการออกล่ากับกลุ่มของกิก้า
[ก็อบลิน] กิโด
ดรูอิดผู้ใช้เวทย์ลม
[ก็อบลิน] กิจี
ก็อบลินแรร์จากกลุ่มของกิกูว เขามีทักษะ <<ดวงตาที่เปิดกว้าง>> ซึ่งทำให้เขาสามารถเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้
[ก็อบลิน] กิด้า
ก็ก็อบลินแรร์จากกลุ่มของกิก้า เขามีทักษะที่โดดเด่นอย่าง <<ความรู้เกี่ยวกับหอก>> และ <<ดื้อรั้นอย่างไม่มีเหตุผล>>
[ก็อบลิน] กิซู
ก็อบลินแรร์ผู้ถูกเทพเจ้าผู้บ้าคลั่ง (ซู โอรุ) คุ้มครอง มีทักษะ<< Mad Dog >>
◇◆◇
“เราต้องโจมตี มันไม่ควรจะมีทางเลือกอื่นด้วยซ้ำ”
ชนเผ่ากันระระดับสูงทุกคนมองหน้ากัน เมื่อได้ยินคำพูดของผม
หลังจากความสำเร็จครั้งก่อน เราตัดสินใจที่จะหารือเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติต่อไป
ตอนนี้เรากำลังพูดคุยในหมู่บ้าน เพื่อให้ทุกคนได้ยิน
นี่เป็นคำแนะนำของนาร์ซา
เธอบอกว่าวิธีนี้ดีกว่า มันจะทำให้ทุกคนรู้เรื่องได้ง่ายขึ้น
การประชุมครั้งนี้มีสองประเด็นหลัก หนึ่งจะทำยังไงกับนักโทษและสองคือหาสิ่งที่ต้องทำต่อไป หากย้อนกลับไปที่หมู่บ้าน เราคงมีเพียงคำถามเดียวว่า จะทำให้แผนของผมประสบความสำเร็จได้อย่างไร อย่างในกรณีที่ผมกำลังพูดในตอนนี้
“… แต่แล้วเราจะทำยังไงกับนักโทษ? เผ่ากันระไม่สามารถหาอาหารได้มากขนาดนั้น”
ตัวแทนการพูดคุยคือผมและนาร์ซา
ไม่ว่าเธอกระตือรือร้นที่จะทำมันจริง ๆ เป็นเพราะเธอแค่พูดเพื่อให้การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่นหรือเธอแค่เป็นปฏิปักษ์ต่อผม
ผมไม่ทราบเรื่องนั้น
แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ นาร์ซาได้รับการสนับสนุนจากก็อบลินอาวุโสในเผ่า ขณะที่ฝั่งผมมีกิลมิและก็อบลินที่อายุน้อยกว่า
“หรือเราควรจะฆ่านักโทษทั้งหมดทิ้งไป?” กิซาร์กล่าวด้วยรอยยิ้มอันซุกซน
ดูเหมือนว่าเขาต้องการศึกษาทัศนคติปัจจุบันที่มีต่อชนเผ่าทั้งสี่ เขาแสดงความคิดเห็นที่รุนแรง เพื่อให้คำพูดของผมง่ายขึ้น
“นั่นเป็นเรื่องไร้สาระ” นาร์ซาปฏิเสธอย่างห้วน ๆ
กิซาร์จ้องมองเธออย่างเย็นชา แต่นาร์ซาก็ปฏิเสธมันอย่างง่ายดาย
“ถ้าอย่างนั้นให้ข้าถาม เจ้ามีแผนที่จะจัดการกับนักโทษเหล่านี้อย่างไร?” กิซาร์ถาม
“เราจะเจรจา อาจเป็นเผ่าพาราดัวหรือเผ่าเกิร์ดการ์ก็ได้ เราจะคุยกับพวกเขาเพื่อสันติภาพ”
ทันทีที่กิซาร์ได้ยินคำว่า “สันติภาพ” เขาก็ตะคอก
“สันติภาพ? เจ้าลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา? พวกมันโจมตีหมู่บ้านเจ้าโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า! ถ้าไม่ใช่เพราะเรา พวกเจ้าคงถูกขับไล่ไปนานแล้ว!”
เสียงนั้นดังไปยังก็อบลินรอบ ๆ
“แน่นอนว่าข้าไม่มีทางลืม! แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป จะมีผู้คนที่ทุกข์ทรมานมากขึ้นเรื่อย ๆ!”
คำพูดของนาร์ซาไม่ผิด
เป้าหมายสุดท้ายของผมคือพิชิตป้อมปราการแห่งนรกและสร้างอาณาจักรก็อบลิน แน่นอนว่าการมีผู้เสียชีวิตน้อยย่อมดีกว่า ถ้าผมจะสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่ง ผมก็ต้องการก็อบลินที่มีประโยชน์ทุกตัว
ในขณะที่ผมคิดกับตัวเองเงียบ ๆ การประชุมก็ดำเนินต่อ
อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายหยุดนิ่งและเวลาก็ผ่านไปโดยไม่ได้อะไรทำ
“ท่านผู้อาวุโสแห่งกันระ โปรดฟังข้าด้วย”
กิลมิพูด
เขาก้มศีรษะลงคล้ายกับอาชญากรที่ได้รับบาปอันใหญ่หลวง ราวกับว่าเขารู้สึกล้มเหลวในบางเรื่องและท้อแท้ต่อบางสิ่ง
“ถ้าหัวหน้าแห่งทิศตะวันออกก้าวออกจากตำแหน่งในตอนนี้ เรายังจะสามารถยืนหยัดกับเผ่าเกิร์ดการ์ได้หรือไม่?”
ใบหน้าของผู้อาวุโสเผ่ากันระทุกคนเริ่มตึงเครียด เมื่อได้ยินคำพูดของเขา
“ตอนนี้พวกเราอ่อนแอ เราไม่สามารถปกป้องหมู่บ้านนี้ได้โดยลำพัง”
คำพูดที่ตรงไปตรงมานั้นสร้างเปลวเพลิงที่เคยดับไป
“ข้าได้รับการคัดเลือกจากมาสเตอร์กิแลน ข้าเป็นหนี้หมู่บ้านแห่งนี้ซึ่งไม่มีวันจ่ายคืนได้หมด นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าไม่สามารถทนต่อความคิดที่เหี่ยวเฉาของหมู่บ้านนี้ได้”
คำพูดของเขาค่อย ๆ รุนแรงขึ้นและมันดุร้ายจนถึงจุดที่ดูเหมือนว่าจะสามารถมองเห็นเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ภายในอกของรา กิลมิ
“…กิลมิ” นาร์ซาพึมพำ
เขาหลับตาแน่นราวกับว่าต้องอดทนกับความเจ็บปวด ชั่วอึดใจเดียวกิลมิก็มองไปที่เธอ
เขาพูดต่อ
“แม้แต่ลอร์ดกิแลนผู้ยิ่งใหญ่ กาดิเอต้านักธนูคนแรก…แม้แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะเผ่าเกิร์ดการ์ได้ก็ตาม”
กาดิเอต้านักธนูคนแรก? รึว่ามันคือชื่อฉายาบางประเภท?
“แต่ถ้าพวกเราแพ้ เราจะถูกขับออกจากหมู่บ้าน และจากนั้นเราก็จะตาย!”
แม้แต่ผู้อาวุโสเผ่ากันระที่ต่อต้านก็อดไม่ได้ที่จะเงียบ
“แล้วเราจะทำยังไงต่อ? เราควรทำอย่างไรเพื่อสืบทอดเจตจำนงของมาสเตอร์กิแลน!? “
สู้! มีเสียงก็อบลินคนหนึ่งตอบกลับ
ฝนที่ตกลงมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผ่านไป…เสียงนั้นค่อย ๆ ดังไปทั่วหมู่บ้าน
ราวกับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ขึ้น…จนในที่สุดเผ่ากันระทั้งหมดก็ถูกกลืนเข้าไปในนั้น
◇◆◆
“ข้าต้องมอบหน้าที่นี้ให้เจ้าจริง ๆ ”
หลังจากการประชุมหยุดลงชั่วคราว หัวหน้ากลุ่มดรูอิด กิซาร์ก็เรียกกิลมิ
กิลมิไม่เคยชอบก็อบลินตัวนี้ที่มีรอยยิ้มและรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์
“…มันดีพอแล้วใช่มั้ย?” กิลมิถาม
แต่แล้วนี่เป็นอีกครั้ง ที่เขาไม่สามารถต่อต้านได้ ท้ายที่สุดแล้วไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เพื่อหัวหน้าของเขา
“ใช่ ขอโทษด้วยหากสิ่งนี้ฟังดูหยาบคาย แต่ลอร์ดนาร์ซายังอ่อนแอเกินไปที่จะเป็นผู้นำ หากเจ้าต้องการสนับสนุนลอร์ดนาร์ซาอย่างแท้จริง เจ้าควรซื้อเวลาให้ก่อนที่เธอจะเติบโต”
“นั่นเป็นเรื่องจริง แต่…”
“ไม่ต้องกังวล นั่นคือสิทธิพิเศษที่มอบให้กับผู้มีความสามารถ แต่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นหากเจ้าไม่สามารถตัดสินใจได้ทันเวลา หากเจ้าทำได้นี่จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดใช่มั้ย?”
กิลมิได้แต่ละสายตาลง ขณะที่เขาพยายามค้นหาคำที่จะพูด
แต่ก่อนที่จะทำอะไร กิซาร์ก็พูดต่อ
“และนอกจากนี้เจ้าได้ทำขั้นตอนแรกไปแล้ว วิธีการที่ดีที่สุดสำหรับหมู่บ้านคือการต่อสู้และเอาชนะ”
” ข้าทราบดี ถ้าเราแพ้หมู่บ้านจะถูกทำลายและลอร์ดนาร์ซาจะ …”
ด้วยความพึงพอใจในคำตอบของกิลมิ กิซาร์จึงพยักหน้าและจากไป
กิลมิที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เขาทำได้เพียงแค่เอามือกระแทกกับต้นไม้และจมอยู่กับความเครียด
เขานึกถึงคำพูดของกิซาร์ก่อนจะเริ่มการประชุม
“เจ้าควรจะควบคุมเผ่ากันระ หากไม่ทำเช่นนั้น ราชาจะทอดทิ้งหมู่บ้านแห่งนี้ไป”
แน่นอนว่าหัวหน้าทางตะวันออกรู้เรื่องธนูดาวตกแล้ว แต่มันจะมีความหมายอะไร หากชนเผ่าไม่เคลื่อนไหวตามความต้องการของเขา?
กิลมิเข้าใจมันดี นั่นเป็นสาเหตุที่คำพูดของกิซาร์ทำให้เขาหวาดกลัว
ก็อบลินของหมู่บ้านตะวันออกแข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้กิลมิจึงทั้งชื่นชมและหวาดกลัว หากพวกเขาจากไป เผ่ากันระจะตกอยู่ในเงื้อมมือของเผ่าเกิร์ดการ์และเผ่าพาราดัวอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเผ่าพาราดัว ด้วยความคล่องที่สามารถวิ่งไปรอบ ๆ อย่างง่ายดาย
หากพวกเขาต่อสู้โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากก็อบลินทิศตะวันออก คราวนี้พวกเขาอาจจะถูกทำลายล้าง หากพวกเขาต้องการช่วยเผ่ากันระซึ่งถูกต้อนไปจนมุมแล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต่อสู้
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจเขา
หัวหน้าทางตะวันออกมีเป้าหมายอะไร?
เขาไม่แสดงความปรารถนา เมื่อกิลมิเอ่ยถึงเจ้าหญิงเอลฟ์ แล้วทำไมเขาต้องการที่จะช่วยเหลือเผ่ากันระ?
เป้าหมายคืออะไรกันแน่?
ในขณะที่เขาครุ่นคิด มีเสียงเรียกดึงเขากลับสู่ความเป็นจริง
“กิลมิ”
มันเป็นเจ้านายของเขาเอง
“นาร์ซา…ข้าหมายถึงหัวหน้า”
เมื่อเห็นกิลมิคุกเข่าข้างหนึ่ง นาร์ซาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะด้วยความรู้สึกที่เหงาเล็กน้อย
“เรียกข้าตามปกติ”
“…ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่”
“เพราะข้าคิดว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่”
“ข้า? “
“ใช่”
เขาเงยศีรษะขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว
“ที่ผ่านมาเราเล่นกันที่นี่บ่อยมาก” เธอกล่าว
“…ใช่” เขาตอบ
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเธอได้รับธนูและแข่งขันกับกิลมิ นั่นเป็นความทรงจำอันอบอุ่น
“ตอนที่ท่านพ่อรับเจ้ามาครั้งแรก ข้าคิดว่าข้าจะมีน้องชาย”
“คำพูดของท่านไม่สมควรใช้กับผู้ต่ำต้อยเช่นข้า”
“วันนี้เจ้ายอดเยี่ยมมาก ข้ารู้สึกเหมือนกำลังมองไปยังท่านพ่อที่ล่วงลับไปแล้ว”
“…ข้าไม่สามารถเทียบกับมาสเตอร์กิแลนได้ แค่ความคิดที่จะเปรียบเทียบก็ทำให้ข้าหวาดกลัวแล้ว”
“นี่ …กิลมิ”
ขณะที่พิงต้นไม้ยักษ์ เธอถือธนูดาวตกไว้ในมือ
“หมู่บ้านนี้คุ้มค่ากับการปกป้องของเจ้ามั้ย?”
คำพูดเหล่านั้นเสียดแทงที่อกของเธอและเขา กิลมิรู้สึกชื่นชมพ่อของนาร์ซามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาจากไป คนที่รับช่วงต่อคือนาร์ซาซึ่งถูกเลี้ยงดูมาเหมือนกับพี่น้องของเขา
แต่เธออ่อนแอกว่ากิลมิ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ธนูหรือแม้กระทั่งความเป็นผู้นำ
“มันคุ้มค่า ไม่ว่าข้าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม” กิลมิตอบขณะที่เขามองตรงไปยังดวงตาของเธอ
นาร์ซาสบตากับเขา มันทำให้เธอทั้งโล่งอกและเศร้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นข้าควรให้สิ่งนี้กับเจ้า” เธอกล่าว
มันเป็นข้อพิสูจน์ถึงการเป็นหัวหน้า ธนูดาวตก ยูเน่
“หมู่บ้านเผ่ากันระจะไม่มีวันเหี่ยวเฉาใช่ไหม?” เธอพูด
“อย่าพูดอะไรอีกต่อไป ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าอ่อนแอ ไม่เหมือนเจ้าหรือหัวหน้าทางตะวันออกคนนั้น…ข้าไม่ใช่คนเข้มแข็ง แม้จะย้อนกลับไปในการประชุม…ข้าทำได้แค่เป็นเสียงให้กับผู้อาวุโส”
เมื่อเสียงที่คับแคบของเธอดังออกมาด้วยความเจ็บปวด กิลมิก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกอย่างช่วยไม่ได้
“ข้ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้” เขากล่าว
” ไม่ว่ายังไงก็ตาม? ” เธอถาม
“ท่านคือหัวหน้ามาสเตอร์นาร์ซา ท่านไม่สามารถให้สิ่งนี้กับคนอื่นได้”
นาร์ซาต้องการเกษียณตำแหน่งเพราะความยากลำบาก แต่ถ้าเธอต้องสูญเสียตำแหน่ง “หัวหน้า” ไป เธอจะไม่มีที่ให้กลับมาอีก
ถ้าเป็นเช่นนั้น…กิลมิจะสู้ต่อไปเพื่อจุดประสงค์อะไร?
“แต่ถ้าเป็นไปได้ ถ้าข้าสามารถขอได้สิ่งหนึ่ง ข้าก็อยากจะรับตำแหน่งกาดิเอต้านักธนูคนแรก”
“ถ้าเจ้าต้องการ ข้าก็จะให้มันหลังจากที่เจ้ามีความแข็งแกร่งมากพอ”
ขณะที่นาร์ซามองขึ้นไปที่ต้นไม้ยักษ์ เธอจึงพูดกับกิลมิ
“นี่ กิลมิ ข้าดีพอที่จะเป็นหัวหน้าของเจ้ารึเปล่า?”
“…ท่านคือความภาคภูมิใจของข้า ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าท่านอีกแล้ว”
“อืม”
และคืนนั้นก็สิ้นสุดลง
ในวันรุ่งขึ้นก็อบลินเผ่ากันระก็เข้าโจมตีหมู่บ้านเผ่าเกิร์ดการ์
◆◇◇◆◆◇◇◆
ตอนพิเศษวันสงกรานต์ ช่วงนี้ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพด้วยนะครับ
อ่านนิยายล่วงหน้าได้ในกลุ่ม ที่เพจ Koel-Translate นิยายแปล (ตอนนี้มี 300 กว่าตอนแล้วนะครับ)
https://www.facebook.com/pg/Koel-Translate-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5-111530443746222/posts/