Goblin Kingdom 43

ตอนที่ 43

[เผ่าพันธุ์] ก็อบลิน

[เลเวล] 62

[คลาส] ดยุค , หัวหน้ากลุ่ม

[ทักษะ] <<สั่งการ>> <<ปฏิปักษ์>> <<คำรามอย่างรุนแรง>> <<ความชำนาญการใช้ดาบ B->> <<ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด>> <<การจ้องมองจากปีศาจ>> <<จิตวิญญาณของราชัน>> <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา>> <<ดวงตามรกตของงู>> <<การเต้นรำแห่งความตาย>> <<ดวงตาของงูสีชาด>> <<การจัดการเวทมนตร์>> <<นักรบคลั่ง>> <<Third Impact>>

[การคุ้มครองจากพระเจ้า] เทพธิดาแห่งนรก อัลทีเซีย

[แอตทริบิวต์] ความมืด, ความตาย

[สัตว์เลี้ยง] โคโบลชั้นสูง (เลเวล 1) กัสต้า (เลเวล 1) ซินเธีย (เลเวล 1)

[สถานะผิดปกติ] <<เสน่ห์ของนักบุญ >>

◇◆◇

[ก็อบลิน] กิก้า

ก็อบลินที่อาศัยอยู่ผู้นำคนก่อนพ่ายแพ้ให้กับออร์ค แต่ปัจจุบันเขาเป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของผม เขาเป็นผู้ใช้หอก

[ก็อบลิน] กิกูว

อดีตผู้นำหมู่บ้าน เขาถูกกดดันเพื่อสละตำแหน่งให้กับผม เขาใช้ดาบยาวและค่อนข้างฉลาดถ้าเทียบกับก็อบลินแรร์ทั่วไป

[ก็อบลิน] กิกิ

เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกสัตว์ เขาเลื่อนคลาสในหลังจากการล่ากวางเอเรล เป็นความสามารถที่ค่อนข้างหายากและเขาชอบที่จะใช้ขวาน

[ก็อบลิน] กิโก

ก็อบลินที่มีบาดแผลมากมายทั่วร่าง อาหารส่วนใหญ่มักถูกขโมยโดยเกรย์วูฟ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะติดตามผม เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในหมู่พวกก็อบลินแรร์

[ก็อบลิน] กิซาร์

ดรูอิด (ก็อบลินแรร์) ผู้ใช้เวทย์ลม ที่เพิ่งเข้ากลุ่มมา

[ก็อบลิน] กิจิ

ก็อบลินแรร์ที่เลื่อนคลาส (ตอนที่ 37) จากการออกล่ากับกลุ่มของกิก้า

◇◆◇

สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมคือทิวทัศน์ที่คุ้นเคย

“ที่รัก เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?”

นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้หญิงคนนั้น คงไม่มีคนอื่นอีกแล้วที่จะเรียกผมแบบนี้

“ถ้าตอนนี้คงแย่สุด ๆ ”

ผมต้องใช้น้ำเสียงที่ไม่เหมาะสมเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้

“แต่เจ้าดูหล่อเหลาขึ้นมากไม่ใช่หรือ?”

เธอเยาะเย้ยใส่ผม?

เทพธิดาแห่งนรกหรี่ตาของเธอ

“แล้วทุกอย่างไปได้ด้วยดี?”

เธอหมายถึงอะไร?

“ข้าหมายถึงการพิชิตและปกครองของเจ้า?”

เธอคงหมายถึงความก้าวหน้า? ดูจากรอยยิ้มนั่นก็รู้

นอกจากเสน่ห์อันเย้ายวนของเทพธิดา เธอยังปล่อยเสน่ห์อันไร้เดียงสาที่ขัดแย้ง ในการตอบสนองผมเปิดใช้ทักษะ <<กบฏ>>

“ใช่ มันกำลังเป็นไปด้วยดี”

เมื่อมองไปยังเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์เช่นเดียวกับผิวของเธอ ผมมองเห็นงูคอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ และแม้จะมีรูปปั้นปีศาจที่เรียงรายอยู่เหมือนเดิม ถ้าที่นี่คือนรกจริง ๆ แล้วละก็… ต้องบอกเลยว่ามันเข้าออกง่ายกว่าที่คิด

เทพธิดาผู้ประทับบนบัลลังก์เปล่งออร่าอันสง่างามที่เหมาะสมกับชื่อผู้ปกครองแห่งนรก

เธอพึงพอใจกับคำตอบของผมหรือไม่?

ดวงตาสีทองทั้งสองข้างที่หรี่ลงเป็นเหมือนดวงตาของงู ขณะที่ผิวสีขาวนวลของเธอยังเป็นเหมือนปกติ ด้วยความงามที่เกินกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบราวกับประติมากรรมที่ถูกแกะสลักมาอย่างประณีต เธอกอดอกเข้าหากันโดยวางคางไว้และจ้องมองมาที่ผม

“อืม ~ ถ้าอย่างนั้น ข้าเดาว่ามันไม่ใช่ความคิดที่จะออมมือให้กับเจ้าอีกต่อไป”

ออมมือ?

“คุณกำลังพูดถึงอะไร?”

ราวกับว่าเธอกำลังพึงพอใจกับตัวเอง ใบหน้าของเทพธิดาก็บิดเบี้ยวไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่เพลิดเพลินกับของเล่นชิ้นใหม่

“ข้ากำลังพูดถึงการคุ้มครองจากพระเจ้าที่ลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้?”

แสดงว่าเธอกำลังพูดถึงเทพธิดาแห่งการรักษา (ซีโนเบีย)

“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่อารมณ์ของเจ้าจะดูไม่ดีสักเท่าไหร่นะ?”

ผมจงใจยั่วยุเธอ หากเธอยังคงรักษารูปลักษณ์ภายนอกในฐานะเทพธิดาผู้เย้ายวน ผมจะตกอยู่ในห้วงเสน่ห์ของเธอ

การพูดคุยจะง่ายกว่าเมื่อเธอโกรธ

“เป็นเด็กที่ฉลาดจริง ๆ จงใจที่จะยั่วยุข้าเพื่อให้เสน่ห์ที่ได้รับจะอ่อนแอลง แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ตกหลุมพรางนั้นอีกต่อไป”

เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ ตรงกันข้ามท่าทางที่มีความสุขนั่น มันไม่ต่างอะไรกับการผูกมัดผมด้วยโซ่

“เจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่?”

ผมเริ่มหายใจหนักขึ้นแต่ ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามยังต่อต้านเพื่อควบคุมตัวเอง

“มันไม่มีอะไรเป็นพิเศษ… ณ ตอนนี้” เธอหัวเราะเบา ๆ “แค่มันก็ผ่านไปสักพักแล้วที่ข้าได้คุยกับเจ้า”

อย่ามาโกหก!

“โอ้ที่รัก บางทีข้าก็พูดความจริงเหมือนกัน”

เธอมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เปรียบเสมือนมารดาที่กำลังเฝ้ามองบุตรของเธอ

“นอกจากนี้ดูเหมือนเจ้าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี”

ตึกตัก

ทันใดนั้นงูที่แขนขวาของผมก็เต้นเป็นจังหวะ เพื่อตอบสนองเสียงเรียกจากเจ้านายของมัน

“แม้แต่พิชแบล็ค (เวริด) ก็ชอบเจ้าเช่นกัน ดูเหมือนข้าจะคิดถูกที่ให้เจ้ายืมเขาไป”

พิชแบล็ค …นั่นคือชื่อของงูที่อยู่บนแขนขวา?

“ใช่ งูสุดน่ารักที่ข้าให้กำเนิด เจ้าสามารถเรียกเขาว่าพี่ชายก็ได้”

อย่ามาล้อเล่นน่ะ ผมจำไม่ได้ว่าคุณเป็นแม่ของผม

“ฮ่าฮ่าฮ่า …คงจะดีมากถ้ามันเป็นอย่างนั้น”

ระหว่างที่เราพูดคุย ผมไม่รู้สึกถึงแรงกดดันเหมือนกับตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุด ทำไม?

เธอคงไม่ได้แค่มาคุยเล่นกับผมหรอกนะ

“เมื่อลองคิดดูแล้ว ข้ายังไม่ได้ยินเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงต่อสู้ เพราะลูกสาวของซีโนเบียที่เป็นสาเหตุให้เจ้าหยิบดาบขึ้นมารึเปล่า?”

“อย่าทำให้ข้าต้องหัวเราะ ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่เหรอ เหตุผลเดียวที่ข้าต่อสู้คือการพิชิตและครอบครอง!”

“…ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงไม่เสียดาย หากจะสูญเสียผู้หญิงคนนั้นไป? เจ้าจะไม่มีน้ำตา ไม่มีความเศร้าใช่มั้ย?”

การจ้องมองของเธอทะลุเข้าไปในจิตใจของผม

“…แน่นอน”

ป – เป็นไปได้ไหม? ผมจัดการปัญหาไปแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือพวกออร์คได้บุกเข้าไปทำลายหมู่บ้านชแล้ว?

ผมพยายามทำตัวแข็งกร้าว แต่มันก็หลอกเธอไม่ได้

“ฮ่าฮ่าฮ่า ใจเย็น ๆ ลูกสาวของซีโนเบีย ณ ตอนนี้ยังปลอดภัยดี”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นเข้าหู ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจ

แต่คิดว่าผมจะเชื่อคำพูดของเทพธิดาแห่งนรกโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร!

ยิ่งผมฟังคำพูดของเธอมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ผมหลงทาง

ความจริงนั้นฉุดรั้งผมไว้ มันทำให้ผมทั้งโกรธและตกใจ

“ขึ้นอยู่กับเจ้า ว่าจะเชื่อหรือไม่ แต่…อันตรายกำลังใกล้เข้ามา”

เทพธิดาพูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก

“เทพีแห่งโชคชะตา (ลิเออร์ยูน่า) ได้พบใครบางคนที่ถูกใจแล้ว เจ้ารู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?”

ลิเออร์ยูน่า บุตรสาวคนที่สามผู้พลิกแพลงโชคชะตาและชี้นำวีรบุรุษให้ต่อสู้กับกองmyrแห่งนรก

“ท่านหมายถึงฮีโร่เกิดขึ้นแล้ว”

เทพธิดายิ้ม

“ข้าชอบคนหัวไว ถูกต้อง มันเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของเจ้า”

หากมีผู้นำสัตว์ประหลาดยึดครองโลกที่ถูกเรียกว่าราชาปีศาจ ฝั่งตรงข้ามที่ยืนอยู่คือฮีโร่

ถ้าผมกลายเป็นราชาผู้ปกครองแล้ว ฮีโร่ที่มีพลังล้นเหลือจะปรากฏขึ้นขวางทางอย่างไม่ต้องสงสัย

“ณ ตอนนี้ฮีโร่คนนั้นยังเป็นเพียงเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้เรื่องราว แต่มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น ก่อนที่เขาจะกลายเป็นฮีโร่ที่แท้จริง”

“และผู้ที่ยืนเคียงข้างฮีโร่ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักบุญ”

คำพูดที่หลุดเข้าไปในช่องว่างความคิดของผม เธอดึงความกังวลจากส่วนลึกที่สุดของผมออกด้วยคำพูดเพียงคำเดียว

“และนักบุญนั่น …คือเรเชีย?” ผมถาม

“เจ้าจะเสียเธอไป” เธอยืนยัน

ผมไม่สามารถพูดอะไรกลับไปได้ จิตใจของผมว่างเปล่า โดยมีคำปฏิเสธผุดขึ้นมาในใจอย่างต่อเนื่อง

“ข้าจะให้เจ้ายืมกำลัง เจ้าต้องการมันหรือไม่?” อัลทีเซียเสนอ

“อะไรนะ? “

เทพธิดายิ้มด้วยรอยยิ้มของมารดาที่รักเพื่อโอบกอดทุกสิ่งอย่างอ่อนโยน

“ในอดีตข้าก็รู้สึกหนักใจกับสิ่งที่เรียกว่าฮีโร่ นอกจากนี้การได้เห็นลูกชายที่น่ารักเติบโตคือหน้าที่ของมารดาไม่ใช่เหรอ?”

ถ้าเป็นปกติ ผมคงจะตอบรับมันอย่างแน่นอน

ผมต้องการพลังเหนือสิ่งอื่นใด

การต่อสู้กับราชาออร์คทำให้ผมเข้าใจว่าก็อบลินอ่อนแอแค่ไหน

แต่ …เศษเสี้ยวของเจตจำนงที่เหลืออยู่ในตัวผม (กบฏ)

ถ้าผมตอบรับ …สิ่งที่เกิดขึ้น

“ข้าขอปฏิเสธ”

หมอกขมุกขมัวในหัวผมโล่งขึ้น

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิดเลย ทำไมเจ้าถึงปฏิเสธ?”

“ข้าจะต่อสู้ตามเจตจํานงของตัวเอง” ผมพูด “ข้าเป็นคนส่งพวกเขาไปตายในสงครามเพราะเห็นแก่ตัวของข้า การทำเช่นนั้น …หากวันใดที่ความพ่ายแพ้มาถึง มันเป็นความรับผิดชอบของข้าอย่างแท้จริง”

เทพีแห่งนรกมองมาที่ผมอย่างเงียบ ๆ …โดยผมไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

“ข้ากำลังต่อสู้กับตัวเอง การยึดติดกับท่านคือการยอมรับความพ่ายแพ้”

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้ยึดติดกับเทพเจ้า

“…โอ๊ะ?”

เทพธิดายิ้มอย่างแผ่วเบาและผมยิ้มตอบอย่างกล้าหาญเป็นการตอบแทน

“ท่านกำลังพนันกับข้า ดังนั้นเพียงแค่ดูอย่างเงียบ ๆ ซะ! ข้าจะไม่มีวันแพ้!!”

เมื่อผมพูดคำเหล่านั้น ใบหน้าของเทพธิดากลายเป็นว่างเปล่า จากนั้นเธอก็ระเบิดหัวเราะออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

เธอกุมท้องขณะที่หัวเราะดัง ๆ ต่อหน้าผม

แต่ผมไม่เห็นว่ามีอะไรน่าตลกขนาดนั้น

“น่าสนใจ …ตามที่คาดไว้ เจ้าน่าสนใจจริง ๆ ” เทพธิดายิ้มขณะที่เช็ดน้ำตาของตัวเอง

เมื่อเธอหัวเราะไปสักพัก เธอก็ปรบมือ

ทันใดนั้นเองที่ประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังผม

“ถ้าเจ้าผ่านประตูนี้ไป เจ้าจะกลับไปยังร่างของตัวเอง”

ผมหันหลังให้กับเทพธิดาหัวเราะ

“…เฮ้…” เธอพูด “ก่อนจะจากไป เจ้าไม่มีอะไรจะพูดกับมารดาของเจ้าหน่อยเหรอ?”

หลังของผมยังหันเข้าหาเธอขณะตอบ

“ถ้าเป็น…เทพีแห่งความกล้า ท่านจะกล่าวว่าอะไร”

แม้เพียงเล็กน้อย แต่ผมได้ยินเสียงที่สั่นของเธอ

“…จงแสดงความกล้าหาญของเจ้า” เธอกล่าว

ผมพยักหน้าและเดินผ่านประตู

เสียงที่ผมได้ยิน …แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่มันกำลังสั่น

◇◇◆

“ท่านสบายดีหรือเปล่า!? “

เมื่อผมลืมตา สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงของกิซาร์ซึ่งตื่นตระหนกอย่างผิดปกติ

“เกิดอะไรขึ้น? ” ผมถาม “ความเยือกเย็นของเจ้าหายไปไหนกัน?”

เมื่อกิซาร์เห็นผมตอบดังนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพยักหน้า

“ให้ตายเถอะ ท่านประมาทเกินไป …แต่ขอบคุณท่านมากที่ทำให้การบาดเจ็บล้มตายลดลง”

ผมอยากถามว่าเขาเป็นคนแบบนี้มาตลอดหรือไม่ แต่มันคงฉลาดกว่าที่จะไม่ทำเช่นนั้น

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกออร์ค?” ผมถามขณะยกตัวขึ้น

“พวกมันถอนตัวไปทันทีที่ท่านเอาชนะราชาออร์ค แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะกิกิที่ล่อกวางหอกมาได้สำเร็จก็ตาม”

เมื่อคืนผมสั่งให้กิกิพาก็อบลิน 15 ตัวไปเพื่อล่อฝูงกวางให้เข้ามาปะทะกับออร์ค

มันน่าจะเป็นครั้งแรกที่กิกิใช้ฝูงมอนสเตอร์ด้วย

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถทำงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

“เราสูญเสียอะไรบ้าง?” ผมถาม.

“หลุมที่เราขุดไว้รอบ ๆ หมู่บ้านส่วนใหญ่ใช้การไม่ได้แล้ว รั้วรอบ ๆ ถูกทำลาย สำหรับพวกก็อบลินมีทั้งหมด 20 ตัวที่ตายไปในสงคราม แต่เมื่อพิจารณาจากเราที่สามารถขับไล่ออร์คไปได้แล้ว มันก็ค่อนข้างเล็กน้อย”

ขณะที่กิซาร์รายงานสถานการณ์เสร็จสิ้น ผมจึงพยักหน้า

ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมากก็จริง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก

” ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะดูแลส่วนที่เหลือเอง ส่วนเจ้าไปพักก่อนเถอะ”

“นอกจากนี้ …เรื่องของกิก้า –––”

ผมพยายามยืนขึ้นเมื่อกิซาร์เริ่มพูดอีกครั้ง แต่ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกถึงบางอย่างที่ปะทุจากภายใน

“เฮ้!”

“ไม่เป็นไร”

งูพิชแบล็คที่พันรอบแขนขวาผมกำลังสั่น

สิ่งที่ผมได้ยินคือเสียงทุ้มของผู้ชาย

จงแสดงความกล้าหาญของเจ้า ––––นี่คือเสียงของเขา?

เสียงนั้นผ่านมาและจากไป ในหัวผมเหลือเพียงคำพูดเหล่านั้น

◆◇◇◆◆◇◇◆

เมื่อคุณเลเวลเกิน 100 [คลาส] ของคุณจะเปลี่ยนไป

[คลาส] ของคุณจะเปลี่ยนจากดยุคกลายเป็นลอร์ด

[ทักษะ] <<ความชำนาญการใช้ดาบ B->> พัฒนาขึ้นกลายเป็น <<ความชำนาญการใช้ดาบ B+>>

[ทักษะ] <<สั่งการ>> (Horde Commander) พัฒนาขึ้นกลายเป็น <<Ruler of the Horde>>

[ทักษะ] <<ผู้ควบคุมแห่งปัญญา II>> ได้รับแล้ว

[ทักษะ] <<การจัดการเวทมนตร์>> พัฒนาขึ้น

◆◇◇◆◆◇◇◆

อ่านนิยายล่วงหน้าได้ที่เพจ Koel-Translate นิยายแปล

https://www.facebook.com/pg/Koel-Translate-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5-111530443746222/posts/

Options

not work with dark mode
Reset