ตอนที่ 1443 มาหาที่ตายอีกแล้ว (3)
เจ้าเมืองสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของผู้ลี้ภัยได้อย่างรวดเร็ว เขาแอบด่าอยู่ในใจ แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนเดิม
“เป็นอะไรไป? ไม่สะดวกใจที่จะพูดงั้นหรือ? พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้าแค่อยากขอบคุณวีรบุรุษท่านนั้นด้วยตัวเอง พวกเจ้าทุกคนคือคนที่ข้าอนุญาตให้เข้ามาในเมืองนี้ ข้าย่อมไม่ให้ใครมาข่มเหงรังแกพวกเจ้าได้อยู่แล้ว ตอนนี้พวกเจ้าก็ถือเป็นพลเมืองของเมืองชิงเฟิงของข้าเช่นกัน ในเมื่อคนคนนั้นสามารถปกป้องพวกเจ้าได้ ก็เท่ากับว่าเขาช่วยคลายความกังวลให้ข้าเหมือนกัน ดังนั้นข้าไม่ทำอะไรเขาหรอก” เจ้าเมืองพูดได้กินใจมาก ผู้ลี้ภัยที่ลังเลอยู่ก็เริ่มอ่อนลง
ผู้ลี้ภัยหลายคนซุบซิบกันในพวกตัวเองอยู่พักใหญ่ คำพูดของเจ้าเมืองฟังดูมีเหตุผลมาก เรื่องที่พวกเขาสามารถเข้ามาในเมืองเพื่อหลบภัยได้นั้น ก็เป็นเพราะความเมตตากรุณาของเจ้าเมืองที่เต็มใจช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่ไม่มีอะไรเลยอย่างพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเป็นคนเลวได้
“เรื่องนั้น……ท่านเจ้าเมือง……ผู้มีพระคุณคนนั้นได้ฆ่าคนตาย……แต่……แต่เขาก็เป็นผู้มีพระคุณของพวกเราทุกคน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ก็คงไม่มีใครได้อยู่ในที่แบบนี้ ท่าน……ท่านจะไม่……เอาผิดเขา……เรื่องฆ่าคนตายใช่ไหม?” ผู้ลี้ภัยคนหนึ่งรวบรวมความกล้าถามขึ้น
เจ้าเมืองหัวเราะอย่างเย็นชาอยู่ในใจ เพราะรู้ว่าสามารถเปิดปากคนพวกนี้ได้แล้ว รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น และน้ำเสียงที่พูดก็เป็นมิตรอย่างที่สุด “ข้าจะทำอย่างนั้นได้ยังไง!? เขาลงโทษความชั่วส่งเสริมความดี เป็นสิ่งที่น่ายกย่องอย่างมาก ข้าจะทำให้เขาลำบากใจได้ยังไง? ข้าอยากขอบคุณเขาจนรอไม่ไหวแล้ว!”
ตามที่คาดไว้ เมื่อเจ้าเมืองพูดเช่นนั้น ผู้ลี้ภัยที่กังวลอยู่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที และหันไปมองหน้ากัน แล้วในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเปิดเผยความจริงให้เจ้าเมืองรู้
ในขณะที่เจ้าเมืองแอบยิ้มอยู่ในใจที่สามารถง้างปากผู้ลี้ภัยได้ ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจูงลูกอยู่ก็มองอย่างเย็นชาไปที่เจ้าเมืองซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ลี้ภัย ใบหน้าของนางยังคงมีบาดแผลอยู่ นางก็คือแม่ที่จวินอู๋เสียช่วยเอาไว้คนนั้น
ในขณะนั้น ใบหน้าของนางก็แสดงความวิตกกังวลออกมา นางมองไปรอบๆ แล้วจับมือลูกของนางแน่น จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่หอพักที่แยกจากหอพักอื่นๆ!
เย่เจี๋ยนั่งอยู่ในห้องโถงที่ชั้นหนึ่ง นางทิ้งตัวลงนอนที่โต๊ะด้วยความเบื่อ และหยอกล้อหนูนรกที่กำลังแทะถั่วลิสง ทันใดนั้นนางก็เห็นผู้หญิงวิ่งเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลน เย่เจี๋ยลุกขึ้นยืนขวางหน้าแม่ลูกคู่นั้นทันที
“ที่นี่ไม่อนุญาตให้เข้า!” เย่เจี๋ยขมวดคิ้ว
ผู้หญิงคนนั้นมองเด็กหญิงที่สวมหน้ากากครึ่งหน้าด้วยความประหลาดใจ แต่นางก็ไม่มีเวลาที่จะระบุตัวตนของเด็กหญิงคนนั้น นางรู้ดีว่าหอพักที่ผู้มีพระคุณพักอยู่นั้น ตามปกติไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้า และผู้ลี้ภัยต่างก็รักษาระยะห่างจากที่นี่เสมอเพื่อไม่ให้รบกวน แต่……
“แม่นางน้อยท่านนี้ ข้ามีเรื่องด่วนที่จะต้องเข้าพบคุณชายจวิน!” ผู้หญิงพูดด้วยสีหน้าร้อนรนอย่างมาก
แต่เย่เจี๋ยกลับตอบว่า “คุณชายจวินสั่งไว้ ถ้าเขาไม่อนุญาต ก็ห้ามใครไปรบกวน” เย่เจี๋ยก็หัวแข็งไม่ใช่เล่นเลย สำหรับคนที่สามารถอยู่ในสุสานที่ปิดผนึกเอาไว้เป็นพันปีเพื่อปกป้องการหลับใหลของเจ้านายนั้น การทำตามคำสั่งจนถึงที่สุดจึงเป็นเรื่องที่คาดหวังได้
ผู้หญิงคนนั้นไม่สามารถโน้มน้าวเย่เจี๋ยได้ ไม่ว่านางจะพูดยังไงก็ไม่สามารถผ่านเย่เจี๋ยไปได้เลย ทำให้นางยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น นางก็ทรุดตัวลงคุกเข่าเสียงดังตรงหน้าเย่เจี๋ย ทำให้เด็กหญิงที่ไร้เดียงสาตกใจมากจนยืนตะลึงค้างอยู่กับที่
“แม่นางน้อย ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ ถ้าท่านไม่ยอมให้ข้าเข้าไปก็ไม่เป็นไร แต่ท่านต้องนำข่าวนี้ไปบอกกับคุณชายจวินนะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างกังวล