ตอนที่ 1325 ทรายดูด (1)
ในป่ากร่อนกระดูกนั้น น้ำค้างแข็งสีขาวปกคลุมต้นไม้ทุกต้น ใบไม้ทุกใบ และเถาวัลย์ทุกเส้น ไม่ว่าจะมองจากที่ไกลๆ หรือยืนอยู่ท่ามกลางพวกมัน ก็จะรู้สึกว่ามันดูงดงามน่าหลงใหลมาก แต่สำหรับคนที่เข้าใจต้นกำเนิดของต้นกร่อนกระดูกจริงๆ พวกเขาจะไม่คิดเช่นนั้นแน่
ในป่ากร่อนกระดูกมีกองกระดูกให้เห็นที่โคนต้นไม้หลายต้น เนื้อเน่าเปื่อยสลายไปนานแล้ว เสื้อผ้าก็ไม่มีเหลือแล้ว เหลือเพียงกระดูกที่ไม่ครบสมบูรณ์
พิษของต้นกร่อนกระดูกนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง และในกองกระดูกที่เห็นนั้นสามารถพูดได้เลยว่าไม่มีอันไหนที่ครบสมบูรณ์ อาจจะหลงเหลืออยู่บ้างหลังโดนกัดกร่อนละลายไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นกระดูกแตกๆหักๆที่มีคราบสีดำเปื้อนอยู่หลายแห่ง
ที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์ซ่อนอันตรายไว้ในทุกๆพื้นที่ ยิ่งรู้เกี่ยวกับสถานที่นี้มากเท่าไร ก็ยิ่งตกใจกับทุกอย่างในนั้นมากขึ้นเท่านั้น
สถานที่ทุกแห่งดูเหมือนจะวางแผนและเตรียมการกันมาอย่างละเอียดรอบคอบ และเป้าหมายของมันก็คือส่งคนที่มารบกวนการพักผ่อนชั่วนิรันดร์ของจักรพรรดิแห่งความมืดไปสู่ขุมนรก
หากไม่มีแผนที่ การจะค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี
กองกระดูกที่เกลื่อนพื้นพวกนั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีที่สุด
ป่ากร่อนกระดูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก ใหญ่กว่าธารน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยแท่งน้ำแข็งหลายเท่า พวกของจวินอู๋เสียจำเป็นต้องหลบต้นกร่อนกระดูกกันไปตลอดทาง ทำให้การเดินทางของพวกเขาล่าช้าไปมาก พวกเขาใช้เวลาถึง 5 วันเต็มในการเดินผ่านป่า มีหยุดพักช่วงสั้นๆบ้าง แต่ไม่สามารถนั่งลงได้เลย
ต้นกร่อนกระดูกล้วนมีพิษทุกต้น พูดได้ว่าทั้งป่าเต็มไปด้วยพิษร้ายแรงถึงตาย การแตะต้องสิ่งใดในป่าเป็นเวลานานอาจทำให้พวกเขาเจอกับผลที่คาดไม่ถึงได้ ดังนั้น แม้ว่าจะมีอิงซู่อยู่ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงนั่งลงอยู่ดี
อุณหภูมิที่หนาวจัดจนถึงกระดูก ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ได้ทำให้สภาพจิตใจของทุกคนแย่ลงเรื่อยๆ แต่ตามเครื่องหมายบนแผนที่ พวกเขาเพิ่งจะเดินทางไปได้แค่ 1 ใน 3 เท่านั้น
ด้านล่างของผาสุดสวรรค์นั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่ทุกคนคาดคิด
ในวันที่ 6 อุณหภูมิรอบตัวพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ความเย็นจัดที่มากพอจะทำให้เลือดของพวกเขาแข็งตัวก็ดูเหมือนจะเริ่มอุ่นขึ้น อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้พวกผู้เยาว์ที่ถูกทรมานมานานโล่งอกขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าลดความระวังตัวลง
ในที่สุดก็ถึงวันที่ 7 พวกเขามองเห็นชายป่าแล้วและดีใจกันมาก
แต่ภาพที่เห็นหลังจากนั้นก็ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาค่อยๆหายไป
ทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากป่ากร่อนกระดูก อุณหภูมิรอบตัวก็พุ่งสูงขึ้นหลายสิบองศาทันที!
เมื่อกี้ยังหนาวจัดจนเสียดกระดูกอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับร้อนจัดเหมือนอยู่กลางฤดูร้อน
ที่ชายป่าของป่ากร่อนกระดูกนั้นเป็นเหมือนอีกโลกนึง ผืนทรายสีทองที่กว้างใหญ่ไพศาล สายลมที่พัดผ่านความแห้งแล้ง ทรายละเอียดที่ปลิวปะทะใบหน้าทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บแปลบๆเหมือนโดนมีดเล่มจิ๋วแทง
ครู่ก่อนก็หนาวจนสั่นไปหมด แต่พอก้าวออกมาแค่ก้าวเดียวเท่านั้น พวกเฉียวฉู่ที่อยู่ในเสื้อผ้าหนาๆก็เหงื่อไหลชุ่มโชกเหมือนฝนตก!
ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
“นี่มัน……เรื่องบ้า……อะไรเนี่ย……” เฉียวฉู่มองผืนทรายสีทองตรงหน้า ความร้อนระอุทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากซีดขาวเป็นแดงก่ำทันที
เสื้อผ้าที่พวกเขาใช้รักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย ตอนนี้กลายเป็นเตาอบไปแล้ว ทั้งร่างเหมือนอยู่ในหม้ออบไอน้ำ ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบาย
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันและสุดขั้วแบบนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง ปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้นี้ขัดต่อกฎธรรมชาติมาก มันเหลือเชื่อมากเกินไป!