ตอนที่ 1934 มหกรรมตบหน้า (26)
เลือดสดๆถูกพ่นออกมาจากปากของเย่กู แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีอันหนักหน่วงจากคนหลายสิบคนได้ แต่เขายังคงปกป้องจวินอู๋เสียต่อไปด้วยทุกสิ่งที่เขามี ไม่ยอมให้คนพวกนั้นทำร้ายจวินอู๋เสียได้อีก
ดวงตาของจวินอู๋เสียยังคงพร่ามัว แต่นางสัมผัสถึงเย่กูได้ หยดอุ่นๆที่หยดลงบนไหล่ของนางมีกลิ่นคาวเลือด
“ไม่ต้องห่วงข้า” จวินอู๋เสียกระซิบ เย่กูแข็งแกร่งมาก ถ้าไม่ใช่เพราะต้องปกป้องนาง แค่ความแข็งแกร่งของเขาคนเดียวก็สามารถส่งคนทั้งกลุ่มไปลงนรกได้
“นายท่านเจว๋สั่งพวกเราเอาไว้ว่าห้ามปล่อยให้คุณหนูได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ คุณหนูถึงบาดเจ็บขนาดนี้ ถ้าข้ายังปกป้องคุณหนูไม่ได้อีก ชีวิตข้าก็ไม่มีประโยชน์แล้วขอรับ” เย่กูกัดฟัน ปล่อยพลังวิญญาณปีศาจของเขาออกมาเต็มที่เพื่อคลุมร่างของจวินอู๋เสียและตัวเขาเอง เขาไม่กล้าปล่อยมือเนื่องจากศัตรูมีมากเกินไป ถ้าเขาไม่สามารถฆ่าทุกคนได้ในทันที จวินอู๋เสียก็จะต้องโดนโจมตีอย่างรุนแรงอีกแน่นอน!
จวินอู๋เสียพยายามหายใจให้คงที่ นางรู้ว่าสถานการณ์ที่พวกนางเผชิญอยู่ไม่สามารถเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกู่อิ่งพร้อมด้วยกองกำลังที่เหนือชั้นกว่าสิบสองวิหาร ทำให้นางไม่ทันระวังตัว เย่กูต้องปกป้องนางจึงไม่สามารถแสดงพลังของเขาได้ ได้แต่เอาตัวเองรับการโจมตีเท่านั้น หากถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่หยุดเช่นนี้ แม้แต่เทพเจ้าก็คงทนได้ไม่นาน
จวินอู๋เสียไม่ได้จมอยู่กับการสมเพชตัวเอง แต่ฉวยโอกาสช่วงที่เย่กูปกป้องนางควานหาขวดยาในกระเป๋ามิติ นางมองเห็นไม่ชัดแล้ว ได้แต่อาศัยการดมกลิ่นก่อนที่จะเทยาลงบนมือของตน
“อ้าปาก” จวินอู๋เสียกล่าวท่ามกลางการโจมตีที่กระหน่ำลงมารอบตัว
เย่กูอ้าปากทันทีโดยไม่มีการลังเล จวินอู๋เสียยัดยาใส่ปากเย่กู และเขาก็กลืนมันลงไปทันที ความรู้สึกอุ่นๆแผ่ซ่านไปทั่วร่าง บาดแผลที่ดูย่ำแย่จากการโจมตีไม่หยุดบนร่างเขาถูกรักษาอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่ก่อนที่บาดแผลเหล่านั้นจะปิดสนิท การโจมตีใหม่ก็ฉีกเปิดบาดแผลเดิมที่กำลังรักษาตัวให้ลึกขึ้น
แต่เมื่อมียาช่วยอยู่เช่นนี้ เย่กูก็รู้สึกดีขึ้นมาก
จวินอู๋เสียเองก็กลืนยาลงไปทั้งกำเช่นกัน นั่งมุดหัวอยู่แบบนี้ต่อไปก็มีแต่จะนำพวกเขาไปสู่ความตายเท่านั้น แต่พลังอันแข็งแกร่งพวกนั้นอยู่เหนือการคำนวณของจวินอู๋เสียอย่างสิ้นเชิง นางจึงทำได้แค่พยายามประเมินอย่างรวดเร็วว่ามีวิธีใดบ้างที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้
เมื่อมียาของจวินอู๋เสียช่วย อาการบาดเจ็บของเย่กูก็ผันผวนไปมา แต่ชีวิตเขาก็ไม่ได้ตกอยู่ในความเสี่ยงแล้ว เขาทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อป้องกันการโจมตี เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลของเขา
ตั้งแต่เป็นผู้บัญชาการกองทัพราตรีมา เย่กูไม่เคยอยู่ในสภาพน่าสังเวชอย่างวันนี้เลย
“รอจนนายท่านเจว๋มาที่นี่ก่อนเถอะ พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าจะมีใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” เย่กูกัดฟันแน่น รสชาติของเลือดกระจายอยู่ในปาก แต่แขนที่โอบรอบตัวจวินอู๋เสียไม่ยอมคลายเลยแม้แต่น้อย
พวกเฉียวฉู่แทบเป็นบ้าด้วยความร้อนใจ ท่าทางใจเย็นสงบนิ่งที่ผู้เยาว์พวกนี้มักแสดงออกมาอยู่ตลอดก็หายไปแล้ว พวกเขาไม่หวังอะไรมากไปกว่าจะพุ่งไปอยู่ข้างๆจวินอู๋เสีย แต่พวกประมุขของสิบสองวิหารก็พยายามรั้งพวกเขาเอาไว้อย่างสุดชีวิต
สัตว์อสูรสีดำอยากพุ่งทะลวงวงล้อมที่ล้อมรอบจวินอู๋เสียและไปอยู่ข้างกายเจ้านายของมัน แต่ภูติประจำตัวของพวกชายชุดดำที่เรียกออกมาก็ล้อมเอาไว้เป็นวงล้อมด้านนอกอีกวง แม้แต่เย่ฉา บัวเมา และอิงซู่ที่จัดการคู่ต่อสู้ของตนได้แล้วและรีบพุ่งเข้ามาก็พบว่าทางถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้แม้แต่ก้าวเดียว
“จวินอู๋เสีย ข้ายอมรับว่าเจ้าฉลาดเหนือใคร ข้าตกหลุมพรางพ่ายแพ้เจ้าถึงสองครั้ง ข้ายอมรับ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่เหนือกว่า ความฉลาดของเจ้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้” กู่อิ่งหรี่ตา เขาเลียริมฝีปากขณะจ้องมองเนื้อที่หลังของเย่กูซึ่งอยู่ในสภาพเละเทะดูไม่ได้ ความกระหายเลือดในแววตาของเขาแทบระงับไม่อยู่แล้ว
ตอนที่ 1935 มหกรรมตบหน้า (27)
ตอนที่กู่อิ่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เขาสังเกตเห็นแล้วว่าเย่กูมีพลังแข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่ม พลังของเย่กูอาจเหนือกว่าพลังวิญญาณขั้นสีทองด้วยซ้ำ ถ้าปล่อยให้เย่กูมือว่างขึ้นมาล่ะก็ ถึงเขาจะมีชายชุดดำทั้งกลุ่ม แต่ก็คงยากที่พวกเขาจะหนีรอดไปได้แบบมีชีวิต
ดังนั้น กู่อิ่งจึงสั่งให้ทุกคนระดมโจมตีไปที่จวินอู๋เสียตั้งแต่ต้น เพื่อบังคับให้เย่กูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปกป้องนาง กักขังพลังของเย่กูเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถโจมตีได้อย่างอิสระ
จวินอู๋เสียไม่ส่งเสียงเลยสักนิด เย่กูปกป้องนางด้วยชีวิตของเขา นางจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว และกินยาเข้าไปอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูตัวเองให้อยู่สภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าหน้ากากภูติไม้จะทรงพลัง แต่การที่หน้ากากูติไม้จะดึงพลังออกมาได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณของผู้ใช้ที่ทำสัญญา พลังวิญญาณของนางในตอนนี้ไม่พอที่จะให้หน้ากากภูติไม้ดึงพลังออกมาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เช่นนั้นนางจะไม่ตกอยู่ในสภาพที่ถูกกดดันอย่างหนักเช่นนี้
สนามรบยุ่งเหยิงวุ่นวายมาก ภูติประจำตัวหลายสิบยืนขวางทางเย่ฉาและคนอื่นๆ พวกเขาฆ่าอย่างต่อเนื่อง พยายามที่จะเข้าไปใกล้
ท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตสัมผัสได้ว่าจวินอู๋เสียอยู่ในอันตราย พวกมันคำรามพร้อมก้าวเข้ามา แต่ก็ถูกกลุ่มภูติประจำตัวขวางเอาไว้ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย ได้แต่ดูเย่กูและจวินอู๋เสียถูกล้อมและรุมโจมตี ในใจของทุกคนตอนนั้นปรารถนาจะฉีกกู่อิ่งให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เจ้าพูดถูก ต่อหน้าพลังอำนาจที่เหนือกว่า อย่างอื่นก็ไม่มีความหมาย” ทันใดนั้น เสียงอันไพเราะทุ้มต่ำก็ดังขึ้น
กู่อิ่งเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ร่างสูงโปร่งสง่างามยืนอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางองอาจผ่าเผย
ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งตัว ผมยาวสีเข้มของเขาพลิ้วไหวตามสายลม ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งกวาดมองไปทั่วสนามรบแล้วหยุดลงที่ร่างของเย่กูและจวินอู๋เสีย เมื่อเห็นร่างของจวินอู๋เสียเต็มไปเลือด ดวงตาสีดำสนิทของเขาก็กลายเป็นสีม่วงน่ากลัวทันที……
ทันใดนั้น หมอกสีดำหนาทึบก็หมุนวนบนท้องฟ้า มันค่อยๆปกคลุมท้องฟ้าเหนือสถานที่จัดประชุมทั้งหมด บดบังแสงอันเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ นำความมืดมิดมาสู่สายตาของทุกคน
“ทำไมเจ้าไม่ลองชิมรสชาติของมันบ้างล่ะ?” จวินอู๋เหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย รอยยิ้มปีศาจของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว ดวงตาที่หรี่ลงของเขาดูยิ้มแย้ม แต่กลับทำให้ทุกคนที่มองตะลึงตัวแข็งเป็นท่อนไม้
ดวงตาสีม่วง
จักรพรรดิแห่งความมืด……
เป็นไปได้ยังไง!
ดวงตาของกู่อิ่งเบิกกว้างจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า มองดูชายที่มีคลื่นพลังอันแข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากร่าง เพียงแค่ชายคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้น เขาก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยออกแล้ว ดวงตาสีม่วงคู่นั้นได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของชายคนนั้นอย่างเงียบๆ
จักรพรรดิแห่งความมืดผู้ปกครองราชอาณาจักรแห่งความมืดที่ล่วงลับไปนับพันปีได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในวันนี้แล้วจริงๆ!
ร่างของจวินอู๋เหยากลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าใส่สนามรบที่อลหม่านวุ่นวาย เขาโบกมืออย่างสบายๆหนึ่งที คนที่รุมเย่กูและจวินอู๋เสียอยู่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆผ่านคอพวกเขาไป พริบตาต่อมาเขาก็กำมือ เลือดเส้นบางๆปรากฏขึ้นรอบคอของคนพวกนั้น แล้วหัวของคนหลายสิบคนก็หล่นลงบนพื้นอย่างไร้เสียง ร่างไร้หัวยังคงยืนอยู่ขณะที่เลือดพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศหลายเมตร!
เสาเลือดพุ่งจากศพขึ้นไปถึงหมอกสีดำที่หมุนวนอยู่ในอากาศ ดูเหมือนมันกำลังถูกหมอกสีดำดูดกลืนเข้าไป
“นายท่านเจว๋!” เย่กูมองจวินอู๋เหยาอย่างดีใจ
“ส่งมา” จวินอู๋เหยาพูดพลางหรี่ตา
เย่กูปล่อยแขนทันที และส่งจวินอู๋เสียที่เขาปกป้องเอาไว้ให้กับจวินอู๋เหยา
“ท่านมาแล้ว?” จวินอู๋เสียเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองจวินอู๋เหยา
ตอนที่ 1936 มหกรรมตบหน้า (28)
จวินอู๋เหยากอดจวินอู๋เสียเอาไว้ในอ้อมแขน เขามองเข้าไปในดวงตาว่างเปล่าของนางที่สูญเสียจุดโฟกัส ดวงตาคู่นั้นถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดง นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเบิกตาให้กว้าง ดวงตาที่สูญเสียประกายสดใสทำให้จวินอู๋เหยาปวดใจอย่างยิ่ง
เด็กน้อยของเขาเคยต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้เมื่อไรกัน?
จวินอู๋เหยาตอบด้วยเสียงนุ่มนวลว่า
“อืม ข้ามาแล้ว ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีม่วงคู่นั้นก็ลุกโชนไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
การปรากฏตัวของจวินอู๋เหยาทำให้ทุกคนที่นั่นพากันตกตะลึงจนตัวแข็งค้าง ดวงตาสีม่วงกวาดมองไปทั่วฝูงชน ฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัวกำลังจะมา หมอกสีดำหนาทึบที่รวมตัวกันบนท้องฟ้าก็หนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ แสงอาทิตย์ถูกบดบังจนหมดสิ้น มีเพียงเงาแห่งความตายอันมืดมิดที่ปกคลุมผืนแผ่นดิน
ดวงตาที่เหมือนปีศาจคู่นั้นมีเพียงผู้เดียวที่ครอบครอง จักรพรรดิแห่งความมืดผู้ปกครองอาณาจักรกลาง และพลังวิญญาณสีดำที่ถูกผู้คนลืมไปนานแล้วก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
จวินอู๋เหยากอดจวินอู๋เสียไว้ เขายิ้มหยันที่มุมปากขณะมองผู้คนที่ตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว
“งานศพเลือด” ริมฝีปากที่มีรอยยิ้มบางเปิดออกเล็กน้อย คำที่เปล่งออกมาจากปากนั้นราวกับน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที
“คุณชาย! หนี! เร็ว!!” ชายชุดดำคนหนึ่งตะโกนด้วยความหวาดกลัว
กู่อิ่งสะดุ้งด้วยความตกใจ และพบว่าตนไม่สามารถขยับได้ ร่างกายทุกส่วนรวมถึงนิ้วของเขาไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่นิ้วเดียว หมอกสีดำค่อยๆตกลงมาจากท้องฟ้า ทุกคนถูกหมอกสีดำปกคลุม ร่างกายของพวกเขารู้สึกเหมือนถูกพันธนาการด้วยพลังที่ทรงพลังซึ่งมองไม่เห็น พวกเขากลัวจนแทบสิ้นสติ แต่ก็ไม่สามารถขยับได้เลย
หมอกสีดำหมุนวนอยู่บนพื้นปกคลุมร่างของทุกคน เสียงคร่ำครวญดังระงมไปทั่ว หมอกสีดำบดบังการมองเห็นของทุกคน ราวกับว่าพวกเขาตกลงสู่หลุมลึกที่ไร้ก้น ไม่ได้ยินเสียงและมองไม่เห็นอะไรเลย สัมผัสได้แค่อุณหภูมิที่ลดลงและเพิ่มขึ้น ทำให้พวกเขาหนาวเยือกไปถึงหัวใจ พวกเขารู้สึกราวกับว่าถูกโยนลงไปในน้ำเดือด แต่แล้วน้ำที่เย็นเฉียบจนถึงกระดูกก็สาดลงบนหัวของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกของไฟและน้ำแข็งที่ผสมผสานกันทำให้ผิวหนังและเนื้อของพวกเขาไม่สามารถทนต่อการทรมานอันเจ็บปวดนี้ได้
ผิวหนังแตกและฉีก เลือดสดๆไหลออกมา หมอกสีดำหนาดูดซับเลือดสดๆนั้นโดยไม่ให้หยดลงพื้นเลยแม้แต่หยดเดียว
กู่อิ่งติดอยู่ในความมืด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกถึงพลังอำนาจที่เหนือกว่าอย่างเด็ดขาดถึงขนาดนี้ ต่อหน้าจวินอู๋เหยา เขาไม่มีโอกาสต่อต้านเลยด้วยซ้ำ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าคำพูดของจวินอู๋เหยาหมายถึงอะไร
[นี่คือพลังอำนาจที่เหนือกว่าอย่างแท้จริง!]
[อำนาจที่สามารถทำลายทุกอย่างได้]
“ฮ่าๆๆ! จักรพรรดิแห่งความมืด……นี่คือพลังของจักรพรรดิแห่งความมืด……” เสียงหัวเราะของกู่อิ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ในเสียงหัวเราะนั้นไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย และไม่มีความตื่นตระหนกเมื่อถูกจุมพิตด้วยความตาย มีแต่เสียงหัวเราะที่ใกล้จะวิกลจริตจนทำให้ผู้คนขนลุก
จวินอู๋เหยากอดจวินอู๋เสียแน่นขึ้น
จวินอู๋เสียมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่เห็น รู้แต่เพียงว่าเหมือนกับยามค่ำคืนมาเยือน ทุกหนทุกแห่งมืดมิดไปหมด มีเพียงอ้อมแขนที่กอดนางเอาไว้แน่นนี้เท่านั้นที่ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยและสบายใจ
เมื่อหมอกสีดำสลายไป แสงอาทิตย์ค่อยๆสาดส่องไปทั่วพื้นดิน บนพื้นตรงหน้าเขาไม่เหลือใครเลยสักคน ชายชุดดำหลายสิบคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีแม้แต่เลือดสักหยดเดียว
หมอกสีดำที่ค่อยๆจางหายไปกลายเป็นผลึกหยดเลือดที่ส่องประกายอยู่ต่อหน้าจวินอู๋เหยา
ลูกปัดสีเขียวหยกขนาดเท่าหัวแม่มือกลิ้งอยู่บนพื้นทำให้เกิดเสียงกระทบเบาๆ จวินอู๋เหยาหรี่ตา แต่ลูกปัดสีเขียวหยกอันนั้นก็สลายกลายเป็นฝุ่นด้วยสายลมกระโชก
ตอนที่ 1934 มหกรรมตบหน้า (26)
เลือดสดๆถูกพ่นออกมาจากปากของเย่กู แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีอันหนักหน่วงจากคนหลายสิบคนได้ แต่เขายังคงปกป้องจวินอู๋เสียต่อไปด้วยทุกสิ่งที่เขามี ไม่ยอมให้คนพวกนั้นทำร้ายจวินอู๋เสียได้อีก
ดวงตาของจวินอู๋เสียยังคงพร่ามัว แต่นางสัมผัสถึงเย่กูได้ หยดอุ่นๆที่หยดลงบนไหล่ของนางมีกลิ่นคาวเลือด
“ไม่ต้องห่วงข้า” จวินอู๋เสียกระซิบ เย่กูแข็งแกร่งมาก ถ้าไม่ใช่เพราะต้องปกป้องนาง แค่ความแข็งแกร่งของเขาคนเดียวก็สามารถส่งคนทั้งกลุ่มไปลงนรกได้
“นายท่านเจว๋สั่งพวกเราเอาไว้ว่าห้ามปล่อยให้คุณหนูได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ คุณหนูถึงบาดเจ็บขนาดนี้ ถ้าข้ายังปกป้องคุณหนูไม่ได้อีก ชีวิตข้าก็ไม่มีประโยชน์แล้วขอรับ” เย่กูกัดฟัน ปล่อยพลังวิญญาณปีศาจของเขาออกมาเต็มที่เพื่อคลุมร่างของจวินอู๋เสียและตัวเขาเอง เขาไม่กล้าปล่อยมือเนื่องจากศัตรูมีมากเกินไป ถ้าเขาไม่สามารถฆ่าทุกคนได้ในทันที จวินอู๋เสียก็จะต้องโดนโจมตีอย่างรุนแรงอีกแน่นอน!
จวินอู๋เสียพยายามหายใจให้คงที่ นางรู้ว่าสถานการณ์ที่พวกนางเผชิญอยู่ไม่สามารถเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกู่อิ่งพร้อมด้วยกองกำลังที่เหนือชั้นกว่าสิบสองวิหาร ทำให้นางไม่ทันระวังตัว เย่กูต้องปกป้องนางจึงไม่สามารถแสดงพลังของเขาได้ ได้แต่เอาตัวเองรับการโจมตีเท่านั้น หากถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่หยุดเช่นนี้ แม้แต่เทพเจ้าก็คงทนได้ไม่นาน
จวินอู๋เสียไม่ได้จมอยู่กับการสมเพชตัวเอง แต่ฉวยโอกาสช่วงที่เย่กูปกป้องนางควานหาขวดยาในกระเป๋ามิติ นางมองเห็นไม่ชัดแล้ว ได้แต่อาศัยการดมกลิ่นก่อนที่จะเทยาลงบนมือของตน
“อ้าปาก” จวินอู๋เสียกล่าวท่ามกลางการโจมตีที่กระหน่ำลงมารอบตัว
เย่กูอ้าปากทันทีโดยไม่มีการลังเล จวินอู๋เสียยัดยาใส่ปากเย่กู และเขาก็กลืนมันลงไปทันที ความรู้สึกอุ่นๆแผ่ซ่านไปทั่วร่าง บาดแผลที่ดูย่ำแย่จากการโจมตีไม่หยุดบนร่างเขาถูกรักษาอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่ก่อนที่บาดแผลเหล่านั้นจะปิดสนิท การโจมตีใหม่ก็ฉีกเปิดบาดแผลเดิมที่กำลังรักษาตัวให้ลึกขึ้น
แต่เมื่อมียาช่วยอยู่เช่นนี้ เย่กูก็รู้สึกดีขึ้นมาก
จวินอู๋เสียเองก็กลืนยาลงไปทั้งกำเช่นกัน นั่งมุดหัวอยู่แบบนี้ต่อไปก็มีแต่จะนำพวกเขาไปสู่ความตายเท่านั้น แต่พลังอันแข็งแกร่งพวกนั้นอยู่เหนือการคำนวณของจวินอู๋เสียอย่างสิ้นเชิง นางจึงทำได้แค่พยายามประเมินอย่างรวดเร็วว่ามีวิธีใดบ้างที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้
เมื่อมียาของจวินอู๋เสียช่วย อาการบาดเจ็บของเย่กูก็ผันผวนไปมา แต่ชีวิตเขาก็ไม่ได้ตกอยู่ในความเสี่ยงแล้ว เขาทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อป้องกันการโจมตี เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลของเขา
ตั้งแต่เป็นผู้บัญชาการกองทัพราตรีมา เย่กูไม่เคยอยู่ในสภาพน่าสังเวชอย่างวันนี้เลย
“รอจนนายท่านเจว๋มาที่นี่ก่อนเถอะ พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าจะมีใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” เย่กูกัดฟันแน่น รสชาติของเลือดกระจายอยู่ในปาก แต่แขนที่โอบรอบตัวจวินอู๋เสียไม่ยอมคลายเลยแม้แต่น้อย
พวกเฉียวฉู่แทบเป็นบ้าด้วยความร้อนใจ ท่าทางใจเย็นสงบนิ่งที่ผู้เยาว์พวกนี้มักแสดงออกมาอยู่ตลอดก็หายไปแล้ว พวกเขาไม่หวังอะไรมากไปกว่าจะพุ่งไปอยู่ข้างๆจวินอู๋เสีย แต่พวกประมุขของสิบสองวิหารก็พยายามรั้งพวกเขาเอาไว้อย่างสุดชีวิต
สัตว์อสูรสีดำอยากพุ่งทะลวงวงล้อมที่ล้อมรอบจวินอู๋เสียและไปอยู่ข้างกายเจ้านายของมัน แต่ภูติประจำตัวของพวกชายชุดดำที่เรียกออกมาก็ล้อมเอาไว้เป็นวงล้อมด้านนอกอีกวง แม้แต่เย่ฉา บัวเมา และอิงซู่ที่จัดการคู่ต่อสู้ของตนได้แล้วและรีบพุ่งเข้ามาก็พบว่าทางถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้แม้แต่ก้าวเดียว
“จวินอู๋เสีย ข้ายอมรับว่าเจ้าฉลาดเหนือใคร ข้าตกหลุมพรางพ่ายแพ้เจ้าถึงสองครั้ง ข้ายอมรับ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่เหนือกว่า ความฉลาดของเจ้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้” กู่อิ่งหรี่ตา เขาเลียริมฝีปากขณะจ้องมองเนื้อที่หลังของเย่กูซึ่งอยู่ในสภาพเละเทะดูไม่ได้ ความกระหายเลือดในแววตาของเขาแทบระงับไม่อยู่แล้ว
ตอนที่ 1935 มหกรรมตบหน้า (27)
ตอนที่กู่อิ่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เขาสังเกตเห็นแล้วว่าเย่กูมีพลังแข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่ม พลังของเย่กูอาจเหนือกว่าพลังวิญญาณขั้นสีทองด้วยซ้ำ ถ้าปล่อยให้เย่กูมือว่างขึ้นมาล่ะก็ ถึงเขาจะมีชายชุดดำทั้งกลุ่ม แต่ก็คงยากที่พวกเขาจะหนีรอดไปได้แบบมีชีวิต
ดังนั้น กู่อิ่งจึงสั่งให้ทุกคนระดมโจมตีไปที่จวินอู๋เสียตั้งแต่ต้น เพื่อบังคับให้เย่กูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปกป้องนาง กักขังพลังของเย่กูเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถโจมตีได้อย่างอิสระ
จวินอู๋เสียไม่ส่งเสียงเลยสักนิด เย่กูปกป้องนางด้วยชีวิตของเขา นางจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว และกินยาเข้าไปอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูตัวเองให้อยู่สภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าหน้ากากภูติไม้จะทรงพลัง แต่การที่หน้ากากูติไม้จะดึงพลังออกมาได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณของผู้ใช้ที่ทำสัญญา พลังวิญญาณของนางในตอนนี้ไม่พอที่จะให้หน้ากากภูติไม้ดึงพลังออกมาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เช่นนั้นนางจะไม่ตกอยู่ในสภาพที่ถูกกดดันอย่างหนักเช่นนี้
สนามรบยุ่งเหยิงวุ่นวายมาก ภูติประจำตัวหลายสิบยืนขวางทางเย่ฉาและคนอื่นๆ พวกเขาฆ่าอย่างต่อเนื่อง พยายามที่จะเข้าไปใกล้
ท่านแบะแบะและกระต่ายโลหิตสัมผัสได้ว่าจวินอู๋เสียอยู่ในอันตราย พวกมันคำรามพร้อมก้าวเข้ามา แต่ก็ถูกกลุ่มภูติประจำตัวขวางเอาไว้ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย ได้แต่ดูเย่กูและจวินอู๋เสียถูกล้อมและรุมโจมตี ในใจของทุกคนตอนนั้นปรารถนาจะฉีกกู่อิ่งให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เจ้าพูดถูก ต่อหน้าพลังอำนาจที่เหนือกว่า อย่างอื่นก็ไม่มีความหมาย” ทันใดนั้น เสียงอันไพเราะทุ้มต่ำก็ดังขึ้น
กู่อิ่งเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ร่างสูงโปร่งสง่างามยืนอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางองอาจผ่าเผย
ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งตัว ผมยาวสีเข้มของเขาพลิ้วไหวตามสายลม ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งกวาดมองไปทั่วสนามรบแล้วหยุดลงที่ร่างของเย่กูและจวินอู๋เสีย เมื่อเห็นร่างของจวินอู๋เสียเต็มไปเลือด ดวงตาสีดำสนิทของเขาก็กลายเป็นสีม่วงน่ากลัวทันที……
ทันใดนั้น หมอกสีดำหนาทึบก็หมุนวนบนท้องฟ้า มันค่อยๆปกคลุมท้องฟ้าเหนือสถานที่จัดประชุมทั้งหมด บดบังแสงอันเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ นำความมืดมิดมาสู่สายตาของทุกคน
“ทำไมเจ้าไม่ลองชิมรสชาติของมันบ้างล่ะ?” จวินอู๋เหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย รอยยิ้มปีศาจของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว ดวงตาที่หรี่ลงของเขาดูยิ้มแย้ม แต่กลับทำให้ทุกคนที่มองตะลึงตัวแข็งเป็นท่อนไม้
ดวงตาสีม่วง
จักรพรรดิแห่งความมืด……
เป็นไปได้ยังไง!
ดวงตาของกู่อิ่งเบิกกว้างจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า มองดูชายที่มีคลื่นพลังอันแข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากร่าง เพียงแค่ชายคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้น เขาก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยออกแล้ว ดวงตาสีม่วงคู่นั้นได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของชายคนนั้นอย่างเงียบๆ
จักรพรรดิแห่งความมืดผู้ปกครองราชอาณาจักรแห่งความมืดที่ล่วงลับไปนับพันปีได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในวันนี้แล้วจริงๆ!
ร่างของจวินอู๋เหยากลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าใส่สนามรบที่อลหม่านวุ่นวาย เขาโบกมืออย่างสบายๆหนึ่งที คนที่รุมเย่กูและจวินอู๋เสียอยู่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆผ่านคอพวกเขาไป พริบตาต่อมาเขาก็กำมือ เลือดเส้นบางๆปรากฏขึ้นรอบคอของคนพวกนั้น แล้วหัวของคนหลายสิบคนก็หล่นลงบนพื้นอย่างไร้เสียง ร่างไร้หัวยังคงยืนอยู่ขณะที่เลือดพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศหลายเมตร!
เสาเลือดพุ่งจากศพขึ้นไปถึงหมอกสีดำที่หมุนวนอยู่ในอากาศ ดูเหมือนมันกำลังถูกหมอกสีดำดูดกลืนเข้าไป
“นายท่านเจว๋!” เย่กูมองจวินอู๋เหยาอย่างดีใจ
“ส่งมา” จวินอู๋เหยาพูดพลางหรี่ตา
เย่กูปล่อยแขนทันที และส่งจวินอู๋เสียที่เขาปกป้องเอาไว้ให้กับจวินอู๋เหยา
“ท่านมาแล้ว?” จวินอู๋เสียเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองจวินอู๋เหยา
ตอนที่ 1936 มหกรรมตบหน้า (28)
จวินอู๋เหยากอดจวินอู๋เสียเอาไว้ในอ้อมแขน เขามองเข้าไปในดวงตาว่างเปล่าของนางที่สูญเสียจุดโฟกัส ดวงตาคู่นั้นถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดง นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเบิกตาให้กว้าง ดวงตาที่สูญเสียประกายสดใสทำให้จวินอู๋เหยาปวดใจอย่างยิ่ง
เด็กน้อยของเขาเคยต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้เมื่อไรกัน?
จวินอู๋เหยาตอบด้วยเสียงนุ่มนวลว่า
“อืม ข้ามาแล้ว ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีม่วงคู่นั้นก็ลุกโชนไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
การปรากฏตัวของจวินอู๋เหยาทำให้ทุกคนที่นั่นพากันตกตะลึงจนตัวแข็งค้าง ดวงตาสีม่วงกวาดมองไปทั่วฝูงชน ฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัวกำลังจะมา หมอกสีดำหนาทึบที่รวมตัวกันบนท้องฟ้าก็หนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ แสงอาทิตย์ถูกบดบังจนหมดสิ้น มีเพียงเงาแห่งความตายอันมืดมิดที่ปกคลุมผืนแผ่นดิน
ดวงตาที่เหมือนปีศาจคู่นั้นมีเพียงผู้เดียวที่ครอบครอง จักรพรรดิแห่งความมืดผู้ปกครองอาณาจักรกลาง และพลังวิญญาณสีดำที่ถูกผู้คนลืมไปนานแล้วก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
จวินอู๋เหยากอดจวินอู๋เสียไว้ เขายิ้มหยันที่มุมปากขณะมองผู้คนที่ตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว
“งานศพเลือด” ริมฝีปากที่มีรอยยิ้มบางเปิดออกเล็กน้อย คำที่เปล่งออกมาจากปากนั้นราวกับน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที
“คุณชาย! หนี! เร็ว!!” ชายชุดดำคนหนึ่งตะโกนด้วยความหวาดกลัว
กู่อิ่งสะดุ้งด้วยความตกใจ และพบว่าตนไม่สามารถขยับได้ ร่างกายทุกส่วนรวมถึงนิ้วของเขาไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่นิ้วเดียว หมอกสีดำค่อยๆตกลงมาจากท้องฟ้า ทุกคนถูกหมอกสีดำปกคลุม ร่างกายของพวกเขารู้สึกเหมือนถูกพันธนาการด้วยพลังที่ทรงพลังซึ่งมองไม่เห็น พวกเขากลัวจนแทบสิ้นสติ แต่ก็ไม่สามารถขยับได้เลย
หมอกสีดำหมุนวนอยู่บนพื้นปกคลุมร่างของทุกคน เสียงคร่ำครวญดังระงมไปทั่ว หมอกสีดำบดบังการมองเห็นของทุกคน ราวกับว่าพวกเขาตกลงสู่หลุมลึกที่ไร้ก้น ไม่ได้ยินเสียงและมองไม่เห็นอะไรเลย สัมผัสได้แค่อุณหภูมิที่ลดลงและเพิ่มขึ้น ทำให้พวกเขาหนาวเยือกไปถึงหัวใจ พวกเขารู้สึกราวกับว่าถูกโยนลงไปในน้ำเดือด แต่แล้วน้ำที่เย็นเฉียบจนถึงกระดูกก็สาดลงบนหัวของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกของไฟและน้ำแข็งที่ผสมผสานกันทำให้ผิวหนังและเนื้อของพวกเขาไม่สามารถทนต่อการทรมานอันเจ็บปวดนี้ได้
ผิวหนังแตกและฉีก เลือดสดๆไหลออกมา หมอกสีดำหนาดูดซับเลือดสดๆนั้นโดยไม่ให้หยดลงพื้นเลยแม้แต่หยดเดียว
กู่อิ่งติดอยู่ในความมืด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกถึงพลังอำนาจที่เหนือกว่าอย่างเด็ดขาดถึงขนาดนี้ ต่อหน้าจวินอู๋เหยา เขาไม่มีโอกาสต่อต้านเลยด้วยซ้ำ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าคำพูดของจวินอู๋เหยาหมายถึงอะไร
[นี่คือพลังอำนาจที่เหนือกว่าอย่างแท้จริง!]
[อำนาจที่สามารถทำลายทุกอย่างได้]
“ฮ่าๆๆ! จักรพรรดิแห่งความมืด……นี่คือพลังของจักรพรรดิแห่งความมืด……” เสียงหัวเราะของกู่อิ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ในเสียงหัวเราะนั้นไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย และไม่มีความตื่นตระหนกเมื่อถูกจุมพิตด้วยความตาย มีแต่เสียงหัวเราะที่ใกล้จะวิกลจริตจนทำให้ผู้คนขนลุก
จวินอู๋เหยากอดจวินอู๋เสียแน่นขึ้น
จวินอู๋เสียมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่เห็น รู้แต่เพียงว่าเหมือนกับยามค่ำคืนมาเยือน ทุกหนทุกแห่งมืดมิดไปหมด มีเพียงอ้อมแขนที่กอดนางเอาไว้แน่นนี้เท่านั้นที่ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยและสบายใจ
เมื่อหมอกสีดำสลายไป แสงอาทิตย์ค่อยๆสาดส่องไปทั่วพื้นดิน บนพื้นตรงหน้าเขาไม่เหลือใครเลยสักคน ชายชุดดำหลายสิบคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีแม้แต่เลือดสักหยดเดียว
หมอกสีดำที่ค่อยๆจางหายไปกลายเป็นผลึกหยดเลือดที่ส่องประกายอยู่ต่อหน้าจวินอู๋เหยา
ลูกปัดสีเขียวหยกขนาดเท่าหัวแม่มือกลิ้งอยู่บนพื้นทำให้เกิดเสียงกระทบเบาๆ จวินอู๋เหยาหรี่ตา แต่ลูกปัดสีเขียวหยกอันนั้นก็สลายกลายเป็นฝุ่นด้วยสายลมกระโชก