ตอนที่ 1701 ทวดมึงซิ (1)
กลุ่มผู้เยาว์ไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมาอีกพวกเขาไม่กล้ายั่วยุพระพุทธรูปองค์ใหญ่อย่างเฉียวฉู่ ใครๆก็รู้ว่าคนของวิหารปีศาจเพลิงผู้นี้อารมณ์ร้ายนัก บวกกับสถานะของวิหารปีศาจเพลิงในสิบสองวิหาร คนที่กล้าแตะเฉียวฉู่ก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
“เฮ้ย!เจ้าคนจากวิหารมังกรนั่นน่ะ เมื่อไรจะเสร็จซะที! ยึดเวทีไว้นานเกินไปแล้วไหม? อย่ามัวแต่ขวางทางซิวะ ตกลงจะสู้หรือไม่สู้ ไม่สู้ก็ไสหัวออกมา!” เฉียวฉู่เงยหน้าขึ้นตะโกนอย่างหยาบคายใส่จูเก๋ออินที่ทำรุนแรงกับเยว่อี้บนเวทีประลอง
เฉียวฉู่เห็นการกระทำของเฟยเหยียนและหรงรั่วเมื่อครู่นี้แล้วเขาก็ได้รับข้อความจากเฟยเหยียนบนแผ่นหยกเช่นเดียวกัน ดังนั้นจวินอู๋เสียก็น่าจะมาถึงที่นี่เร็วๆนี้ สิ่งที่เฉียวฉู่ต้องการทำในตอนนี้ก็คือทำให้เยว่อี้อยู่ได้จนถึงตอนที่จวินอู๋เสียมา ไม่เช่นนั้นเยว่อี้ได้ตายด้วยน้ำมือของจูเก๋ออินอย่างแน่นอน
จูเก๋ออินขมวดคิ้วมองเฉียวฉู่ที่ตะโกนใส่เขาจากกลางฝูงชนเมื่อเห็นเครื่องแบบวิหารปีศาจเพลิงบนตัวเฉียวฉู่ ดวงตาของเขาก็ฉายแววไม่พอใจ เขากระทืบเท้าลงบนหลังของเยว่อี้ทันที แรงกระทืบทำให้เยว่อี้กระอักเลือดออกมา
“ทำไมสหายผู้นี้ถึงได้ร้อนใจนัก?การประลองระหว่างข้ากับคุณชายเยว่ยังไม่จบ พอมันจบเมื่อไร เจ้าย่อมขึ้นมาได้อยู่แล้ว” จูเก๋ออินพูดจาเหน็บแนม
เฉียวฉู่ด่าความน่ารังเกียจของจูเก๋ออินอยู่ในใจไม่ว่าใครก็สามารถเห็นได้ว่าสภาพของเยว่อี้นั้นใกล้หมดลมหายใจแล้ว จะลุกขึ้นมาสู้ต่อได้ที่ไหนกัน? แต่จูเก๋ออินกลับโกหกอย่างหน้าไม่อายและยืนกรานจะยืดเวลาต่อสู้ออกไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่เห็นกันอยู่แล้วว่าใครเป็นผู้ชนะ
“อย่ามาพูดเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อยกับข้าข้าไม่สนใจจะดูเจ้ารังแกสุนัขที่นี่ รู้สึกดีมากไหมที่ได้ข่มเหงรังแกคนอ่อนแอ? วิหารมังกรนี่ช่างยโสโอหังโดยแท้” เฉียวฉู่ถากถาง ซ่อนเจตนาแท้จริงของเขาไว้เบื้องหลังความไม่พอใจที่วิหารปีศาจเพลิงมีต่อวิหารมังกร
วิหารมังกรมีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดกับวิหารมารโลหิตทำให้วิหารปีศาจเพลิงที่พยายามขึ้นครองตำแหน่งสูงสุดรู้สึกไม่พอใจพวกเขา ดังนั้นคำถากถางของเฉียวฉู่จึงไม่ทำให้ผู้คนเกิดความสงสัย
พูดถึงเรื่องการกดขี่ข่มเหงแล้วในบรรดาสิบสองวิหาร จะมีวิหารไหนที่สามารถเทียบกับวิหารปีศาจเพลิงได้?
การที่ศิษย์ของวิหารปีศาจเพลิงไม่อยากให้คนจากวิหารอื่นทำอะไรตามใจชอบต่อหน้าเขาเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้อย่างง่ายดาย
คำพูดของเฉียวฉู่ค่อนข้างหยาบคายทำให้จูเก๋ออินหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่เขายังไม่พอใจกับความอัปยศและความทรมานของเยว่อี้ ทว่า……สายตาของจูเก๋ออินมองผ่านไปยังกู่ซินเยียนที่อยู่ด้านล่างเวทีประลอง
พ่อของจูเก๋ออินพยายามให้พวกเขากอดขาวิหารมารโลหิตเอาไว้ครั้งนี้เขาวางแผนให้จูเก๋ออินเข้าใกล้กู่ซินเยียน ถ้าเป็นเวลาอื่นจูเก๋ออินอาจจะยับยั้งตัวเองได้บ้าง เนื่องจากความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงจากแรงกดดันของวิหารปีศาจเพลิง แต่สถานการณ์ในตอนนี้คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการแสดงตนต่อหน้าวิหารมารโลหิตไม่ใช่หรือ?
เมื่อจูเก๋ออินมีความคิดเช่นนั้นแววตาหงุดหงิดของเขาจึงหายไปทันที เขาเชิดหน้ามองเฉียวฉู่อย่างเย่อหยิ่งอวดดี
“การประลองย่อมมีกฎในเมื่อข้ากับคุณชายเยว่ยังไม่มีใครยอมแพ้และยังไม่มีใครตกเวที ก็หมายความว่าการประลองนี้ยังไม่จบ ถ้าสหายจากวิหารปีศาจเพลิงคิดว่ามีอะไรไม่ถูกต้องล่ะก็ เจ้าก็ไปถามคนจากวิหารจิงหงดูว่ากฎของการประลองนี้เป็นยังไง การแข่งขันครั้งนี้ทั้งคุณชายเยว่และข้ายังไม่ได้ผลสรุปเลย จะให้มันจบก่อนเวลาอันควรได้ยังไง?” ขณะที่พูด เท้าที่เหยียบเอวของเยว่อี้อยู่ก็ออกแรงเพิ่ม เยว่อี้ส่งเสียงครวญครางออกมา
ตอนที่ 1702 ทวดมึงซิ (2)
วิธีของจูเก๋ออินทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถทนเขาได้แต่ไม่มีใครกล้าต่อต้านจูเก๋ออินตรงๆ ถึงยังไงเขาก็คือประมุขน้อยของวิหารมังกร
สีหน้าของเฉียวฉู่ยิ่งไม่น่าดูมากขึ้นเขามองเยว่อี้ที่หน้าซีดราวกระดาษและติดอยู่ใต้เท้าของจูเก๋ออิน ดวงตาของเขาฉายแววน่ากลัว
[ไม่มีใครยอมแพ้งั้นหรือ?]
เยว่อี้ไม่เหลือแรงจะพูดออกมาด้วยซ้ำแล้วเขาจะบอกยอมแพ้ได้อย่างไร? จูเก๋ออินเอาเท้าเหยียบเยว่อี้ไว้ ไม่ให้เขามีโอกาสหนีออกจากเวทีประลอง เห็นได้ชัดว่าเขาอยากให้เยว่อี้ตายบนเวทีนั้น!
ความไร้ยางอายของจูเก๋ออินทำให้เฉียวฉู่เกลียดการที่เขาไม่สามารถพุ่งเข้าไปฉีกใบหน้าที่น่ารังเกียจนั้นได้แต่เศษเสี้ยวของความมีเหตุมีผลในใจของเขาบอกเขาว่า การที่เขาพูดออกไปนั้นก็มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว ถ้าเขาโจมตีจูเก๋ออินจริงๆ เขาก็อาจทำให้ศิษย์คนอื่นของวิหารปีศาจเพลิงสงสัยได้
เมื่อโดนสถานะของตัวเองในตอนนี้กดไว้เฉียวฉู่ก็ทำได้แค่กล้ำกลืนความโกรธลงไป ในใจปรารถนาให้จวินอู๋เสียมาถึงซะที
บรรยากาศรอบเวทีประลองแปลกไปคนที่นั่นไม่ได้โง่ พวกเขาเห็นได้ว่าการประลองระหว่างจูเก๋ออินและเยว่อี้เกินกว่าขอบเขตของการประลองปกติแล้ว หลังจากจูเก๋ออินเหนือกว่าคู่ต่อสู้อย่างท่วมท้น เขาก็ไม่หยุด แต่กลับตัดเส้นทางถอยของเยว่อี้ไปจนหมด และควบคุมตัวเขาเอาไว้บนเวที
ต่อหน้าต่อตาทุกคนจูเก๋ออินทำเหมือนทำกับเหยื่อที่ไร้ทางสู้ ยกเท้าขึ้นกระทืบร่างของเยว่อี้อย่างต่อเนื่อง
เสียงกระดูกแตกดังออกมาทำให้ทุกคนที่ได้ยินพากันขนลุกขนพอง
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเยว่อี้ฟกช้ำดำเขียวไปหมดดั้งจมูกหักจากการกระทืบของจูเก๋ออิน กระดูกสีขาวโผล่ออกมาให้เห็นจากบาดแผล เลือดไหลนองไปทั่วพื้น
กู่ซินเยียนรู้สึกติดขัดในอกราวกับจะหายใจไม่ออกในฐานะของคุณหนูแห่งวิหารมารโลหิต ความขัดแย้งระหว่างวิหารอื่นๆจะเป็นประโยชน์และไม่มีผลเสียใดๆกับนาง ในตอนที่วิหารอื่นๆตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย วิหารมารโลหิตจึงจะมีโอกาสผงาดขึ้นมา
แต่ตอนนี้นางกำลังปวดหัวตุบๆจากกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งนั่น
“ไปตามผู้อาวุโสของวิหารจิงหงมาที่นี่”กู่ซินเยียนสูดหายใจเข้าลึกและพูดเบาๆกับศิษย์ของวิหารมารโลหิตที่อยู่ข้างๆนาง
ศิษย์วิหารมารโลหิตคนนั้นมองกู่ซินเยียนอย่างงุนงง“คุณหนู ท่าน……”
กู่ซินเยียนแสร้งทำเป็นนิ่งและพูดว่า“วิหารมังกรตั้งใจจะลากเราเข้าไปในเรื่องนี้ด้วย มันไม่เพียงจะทำให้เราเป็นศัตรูกับวิหารเงาจันทราเท่านั้น แต่เขายังยั่วยุคนจากวิหารปีศาจเพลิงต่อหน้าทุกคน เราจะปล่อยให้เขาทำตามใจชอบต่อไปไม่ได้” กู่ซินเยียนมองออกว่าจูเก๋ออินมีเจตนาเช่นไร ไม่ว่ายังไงนางก็จะไม่ยอมให้จูเก๋ออินทำสำเร็จได้แน่
“แต่คนของวิหารจิงหงจะ……กล้ายุ่งหรือ?”ศิษย์วิหารมารโลหิตพูดอย่างระมัดระวัง ไม่ว่ายังไงจูเก๋ออินก็เป็นประมุขน้อยของวิหารมังกร วิหารจิงหงอาจจะกลัวมีปัญหาได้
กู่ซินเยียนตอบว่า“วิหารจิงหงจะไม่มีวันยอมให้ศิษย์คนใดเสียชีวิตในอาณาเขตของพวกเขาหรอก ไม่งั้นพวกเขาก็ยากที่จะตอบคำถามได้”
คนจากสิบสองวิหารพวกนี้มาที่นี่เพื่อร่วมฉลองวันเกิดของประมุขวิหารจิงหงถ้ามีใครต้องเสียชีวิตในอาณาเขตของวิหารจิงหง ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นใครก็ตาม วิหารจิงหงก็ยังต้องตอบคำถามเรื่องนี้กับวิหารอื่นๆอยู่ดี
ตราบใดที่คนของวิหารจิงหงไม่ได้โง่เขลาเกินไปนักพวกเขาย่อมต้องการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอย่างแน่นอน
ศิษย์วิหารมารโลหิตพยักหน้าและวิ่งออกไปจากฝูงชนทันที
บนเวทีประลองจูเก๋ออินยังคงทรมานเยว่อี้ไม่หยุด เมื่อเห็นสภาพอันเลวร้ายของเยว่อี้ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ลึกขึ้น