ตอนที่ 718 ถ้าอู้งานได้จะแบกทำไม
อิ่งจือขึ้นเป็นเทพ!
และการพูดคุยเกี่ยวกับเหลียนเหมิงเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของพายุคำวิจารณ์การ์ตูนในครั้งนี้!
ไม่นาน!
เว็บบอร์ดในแต่ละทวีปเริ่มพูดคุยกัน!
‘การเผยแพร่เรื่องนักเรียนประถมแห่งความตาย นินจาจอมคาถา และราชาโจรสลัดนับเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับทั้งอุตสาหกรรมการ์ตูน ความสำเร็จของอิ่งจือจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์!’
‘เรียกอิ่งจืออยู่ทำไม ต่อไปให้เรียกเทพอิ่ง!’
‘ฉันอ่านราชาโจรสลัดจบแล้วคิดว่านี่คือจุดสูงสุดของอิ่งจือ จนกระทั่งกดเปิดนินจาจอมคาถา!’
‘ฉันตรงข้ามกับคุณเลย ฉันอ่านนินจาจอมคาถาจบแล้วคิดว่าไม่มีใครสู้การ์ตูนเรื่องนี้ของเทพอิ่งได้แล้ว จนกระทั่งได้อ่านราชาโจรสลัด!’
‘นักเรียนประถมแห่งความตายก็เจ๋งเหมือนกันนะ ยังไงก็เป็นผลงานของอิ่งจือทั้งหมด ผมบอกได้แค่ว่าสามเรื่องนี้ไร้เทียมทาน!’
‘ต่อไปใครจะกล้าพูดอีกว่าอิ่งจือเป็นเงาจืดจาง’
‘เซี่ยนอวี๋ใต้ ฉู่ขวงเหนือ เทพอิ่งอยู่ตรงกลาง!!!’
‘…’
อิ่งจือกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในสายตาของทุกคนในวงการการ์ตูนเป็นที่เรียบร้อย!
นี่คือความปลาบปลื้มของแฟนการ์ตูนทั้งห้าทวีป!
ครั้งนี้ไม่มีใครล้อเลียนว่าอิ่งจือเป็นเงาจืดจางท่ามกลางสามสหายอีกต่อไป!
เพราะในครั้งนี้ อิ่งจือไม่ได้พึ่งพาฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋ แต่กลับตอบโต้ได้สำเร็จด้วยกำลังของตนเอง!
ในทางกลับกัน ปู้ลั่วกลับถูกชาวเน็ตมากมายล้อเลียน!
ทุกคนไม่ได้ลืมว่าอิ่งจือเคยถูกปู้ลั่วเฉดหัวออกจากบ้าน!
เพี้ยะๆๆ !
การ์ตูนสามเรื่อง ตบสามฉาด!
แต่ละครั้งดังยิ่งกว่าเดิม!
และท่ามกลางความสะท้อนใจและเสียงชื่นชมยินดีอันกึกก้อง จู่ๆ ก็มีคนเอ่ยขึ้นว่า
‘ทำไมฉันดูแล้วรู้สึกเหมือนครั้งนี้คือการถูกบีบให้สู้กลับ?’
ถูกบีบให้สู้กลับ
ทุกคนตกลึงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และระเบิดหัวเราะออกมาทีละคน!
เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ !
ลองขบคิดเรื่องนี้ให้ละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ!
มีก้าวไหนบ้างที่อิ่งจือไม่ถูกบีบให้สู้กลับ
‘ถ้าไม่ใช่เพราะปู้ลั่วบีบแล้วบีบอีกจนอิ่งจือโกรธจัด น่ากลัวว่าเราคงไม่มีทางได้เห็นอิ่งจือร่างทอง และขนฉากใหญ่ออกมาด้วยการเปิดการ์ตูนสามเรื่องในคราวเดียวหรอก!’
‘ปู้ลั่วก็มีส่วนผิด!’
‘อิ่งจือซ่อนไว้ลึกเกิ๊นน!’
‘ใครจะไปรู้ฟระว่าเขาจะเขียนการ์ตูนสายหลักแนวต่อสู้ได้ด้วย แถมยังวาดได้โหดขนาดนี้?’
‘ทั้งที่การ์ตูนสายหลักแนวต่อสู้มีผู้อ่านมากที่สุด อิ่งจือดันไม่ยอมวาด แต่ไปวาดของที่เฉพาะกลุ่มหรือแทบไม่มีคนอ่านเลย จนกระทั่งครั้งนี้เขาไม่มีหนทางอื่น ถึงแสดงด้านที่น่ากลัวจริงๆ ออกมา!’
‘หมอนี่ต้องบีบแล้วบีบอีก ถ้าไม่บีบเขา คุณไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเขาเพี้ยนขนาดไหนกันแน่!’
‘ครั้งก่อนก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ได้ถูกนักเขียนการ์ตูนจากฉู่โจวเยาะเย้ย เขาคงไม่หยิบสมุดมรณะออกมา แถมยังอวดฝีมือในการวาดภาพระดับปรมาจารย์ที่เก็บซ่อนไว้นาน’
‘บนโลกนี้ทำไมถึงมีอัจฉริยะที่ขี้เกียจขนาดนี้ได้นะ?’
‘เห็นชัดๆ ว่ามีพรสวรรค์สะเทือนโลก แต่กลับชอบทำตัวเป็นปลาเค็ม เขาควรชื่อว่าเซี่ยนอวี๋(เสียนอวี๋=ปลาเค็ม)ถึงจะถูก!’
‘ทั้งที่มีฝีมือไร้เทียมทานระดับนี้ แต่ดันชอบอู้งาน จนกระทั่งเพื่อนร่วมทีมยอมแพ้ต่อศัตรู !’
‘คนเราไม่มีใครขี้เกียจได้ขนาดนี้แล้ว!’
‘การ์ตูนสามเรื่องนี้ ถ้าสุ่มหยิบออกมาเร็วกว่านี้ ต่อให้เป็นนักเรียนประถมแห่งความตาย ปู้ลั่วคงทำใจไล่คุณออกไม่ได้หรอก!’
‘ผมว่าอย่าเรียกเขาว่าเทพอิ่งเลย เรียกว่าเทพแห่งความขี้เกียจไปตรงๆ เลยดีกว่า!’
อิ่งจือคุณขี้เกียจขนาดนี้ ฉู่ขวงกับเซี่ยนอวี๋รู้หรือเปล่า?
ชาวเน็ตวิเคราะห์เส้นทางอาชีพที่ผ่านมาของอิ่งจือ และค้นพบความจริงในทันใด
ทุกคนรู้สึกขบขัน ขณะเดียวกันก็รู้สึกหดหู่และโมโหที่เขาไม่พยายาม!
คนคนนี้สุดยอดจริงๆ !
ทั้งขี้เกียจทั้งอู้งาน!
มิน่าล่ะที่ผ่านมาไม่ปล่อยผลงานตั้งเกือบหนึ่งปี!
ไม่รู้ว่าไปทำอะไรอยู่
ถ้าบอกว่าเขาไปเล่นไพ่นกกระจอกอยู่หนึ่งปีทุกคนก็เชื่อ!
ในด้านการ์ตูน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นอัจฉริยะฝีมือไร้เทียมทาน ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉู่ขวงกับเซี่ยนอวี๋เลย เขาสามารถกำราบอุตสาหกรรมการ์ตูนร่วมสมัยได้ในทุกๆ ด้าน แต่กลับแสร้งทำเป็นเงาจืดจาง ไม่ว่าชาวเน็ตเยาะเย้ยอย่างไรเขาก็ไม่สนใจ!
ตอนนี้ธาตุแท้ถูกเปิดเผยแล้วสินะ!
อย่าได้คิดจะเสแสร้งอีกต่อไป!
หลังจากนี้จะไม่ให้โอกาสคุณได้กอดขาใหญ่ของเซี่ยนอวี๋กับฉู่ขวงอีกแล้ว คุณไปบุกสังหารคู่แข่งด้วยตัวเองเถอะ!
คำพูดนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตในชั่วพริบตาทันทีที่เผยแพร่ออกมา!
……
ห้องทำงานในปู้ลั่วการ์ตูน
หลิงคงอ่านความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เขาจำเป็นต้องประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับปู้ลั่วการ์ตูนในเหตุการณ์ครั้งนี้ผ่านเสียงตอบรับจากสาธารณชน
หลังจากนั้น
หลิงคงเห็นข้อสรุปของชาวเน็ตต่ออิ่งจือแล้ว
ขณะที่ชาวเน็ตระเบิดหัวเราะ ในใจของพวกเขาหดหู่เพียงใดหลิงคงไม่รู้
ถึงอย่างไรเขาก็หัวเราะไม่ออก ถึงขั้นที่เกือบเกิดภาวะเลือดออกในสมองจนต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล!
ขี้เกียจ?
อู้งาน?
นอน?
กลับกลายเป็นว่าก่อนหน้านี้อิ่งจือแกล้วตีหน้าซื่อกับตนมาโดยตลอด!
นี่มันยุคไหนแล้ว!
ยังจะมาเล่นมุกตบหน้ากันอีก!
สนุกมากไหม?
หลินคงสติแตกแล้ว!
เมื่อฉู่อวี๋ถือกำเนิดขึ้น หลิงคงไม่ได้สติแตก
เมื่อถูกสำนักงานใหญ่รุ่มตำหนิ เขาก็ไม่ได้สติแตกเช่นกัน
ถึงขั้นที่เมื่อนักเรียนประถมแห่งความตาย นินจาจอมคาถา และราชาโจรสลัดโด่งดัง เขายังพยายามเก็บอาการของตนเองได้
เมื่อเห็นเหตุผลเบื้องหลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของอิ่งจือปราการป้องกันของหลิงคงก็พังทลายลงทันที จิตใจของเขาแหลกสลายลงอย่างสิ้นเชิง!
บนโลกนี้มีคนประเภทนี้ได้ยังไงกัน!
หลิงคงไม่เข้าใจ!
ตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อมีพลังเก้าส่วน เขาจะอยากทำให้ผลลัพธ์ออกมาครบสิบส่วน ด้วยกลัวว่าคนจะดูถูกเขา!
ปรากฏว่าอิ่งจือคนนี้ล่ะ?
เห็นชัดๆ ว่าจัดอยู่ในกลุ่มที่แข็งแกร่ง!
แทนที่จะวาดการ์ตูนสายหลักชวนเลือดเดือดสุดเจ๋ง เขากลับนอนเป็นนักเขียนการ์ตูนตัวเล็กๆ อยู่ในปู้ลั่ว?
ล้อเล่นรึไง!
เดิมทีหลิงคงวางแผนที่จะจัดการอิ่งจือ จากนั้นก็คิดบัญชีกับเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวง
ถึงอย่างไรในใจของหลิงคน อิ่งจือก็ยังเป็นเงาจืดจางดังเดิม
สิ่งที่เขาสนใจ อันที่จริงคือเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงซึ่งอยู่เบื้องหลังอิ่งจือมากกว่า
ผลปรากฏว่าอย่าว่าแต่เซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงเลย
แค่อิ่งจือคนนี้ ก็แข็งแกร่งดังขุนเขาจนกองทัพของหลิงคงพ่ายแพ้ไปแล้ว!
ความเกลียดชังที่หลิงคงมีต่ออิ่งจือในตอนนี้ เกินกว่าความโกรธที่เขามีต่อเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงแล้ว!
เขาแพ้ไอ้ปลาเค็มแบบนี้จริงๆ !
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตก็คือคนที่มีความสามารถโดดเด่น แต่กลับไม่อยากพยามอย่างเต็มที่เพื่อให้โดดเด่น!
ใช่แล้ว
ข้อสรุปของชาวเน็ต หลิงคงมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นความจริง!
เรื่องนี้พิสูจน์ได้ไม่ยาก
เพียงแค่หยิบประวัติการทำงานก่อนหน้านี้ของอิ่งจือออกมาดูก็ชัดเจนแล้ว!
คนคนนี้มีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานระดับที่ผิดมนุษย์มนา แต่กลับใช้ชีวิตด้วยการเขียนการ์ตูนที่จะดังก็ไม่ดัง
ถ้าไม่ใช้เพราะฝีมือระดับเหนือมนุษย์เช่นนี้ เขาไม่มีทางพลิกสถานการณ์ได้อย่างปาฏิหาริย์ด้วยการเขียนการ์ตูนสะเทือนโลกภายในเจ็ดวันได้หรอก!
“รอก่อนเถอะ!”
รอก่อนแล้วกัน!
ใบหน้าของหลิงคงเขียวคล้ำ สาบานกับตนเองในใจ
เขาไม่ยอม
เมื่อคิดเช่นนี้ เขากดโทรศัพท์
“พ่อครับ…”
ทันทีที่เขาพูด เสียงของเขาก็อ่อนลง ราวกับเป็นเด็กที่กำลังน้อยใจ ปราศจากความมุ่งมั่นและเย็นชาเมื่อหนึ่งวินาทีก่อน
ปลายสาย
เสียงผู้ชายฟังดูเย็นเยียบ
“ครั้งนี้ ฉันเองก็ช่วยแกไม่ได้”
“พ่อครับ…”
หลิงคงตะโกนออกมา
ชายคนนั้นถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “ฉันต้องพิจารณาความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงด้วย”
“พ่อครับ”
หลิงคงเอ่ยขึ้นเป็นครั้งที่สาม
ชายคนนี้ใจอ่อน เสียงของเขาไม่เย็นชาอีกต่อไป “เย็นนี้กลับบ้านมากินข้าวกัน”
“ครับ”
หลิงคงวางสาย ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขารู้ว่าในครั้งนี้ เขายังคงไม่เป็นไร