ตอนที่ 682 รถคันนี้กันกระสุน
บนโลกออนไลน์
เมื่อผู้อ่านทราบถึงการตายถึงโฮล์มส์มากขึ้น เสียงก่นด่าก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน!
ในสตูดิโอ
เสียงของจินมู่สั่นเครือ ถึงแม้จะคาดเดาฉากนี้ได้ เขาก็ยังตื่นตระหนกเมื่อเผชิญกับการเคลื่อนไหวนี้
“สถานการณ์ไม่ดีครับ เมื่อกี้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูติดต่อผมมาบอกว่าโทรศัพท์หลังบ้านของพวกเขาสายแทบไหม้แล้วครับ พวกเขาอยากให้คุณเปลี่ยนตอนจบ มีผู้อ่านบางคนยังขู่อีกว่าถ้าไม่เปลี่ยนตอนจบจะยกเลิกการสั่งนิยายชุดยอดนักสืบโฮล์มส์ และจะไม่ซื้อผลงานใดๆ ในจากคลังหนังสือซิลเวอร์บลูอีกต่อไป…”
“ใจเย็นครับ”
หลินเยวียนปลอบใจ
ทุกคนเพียงแค่ยากจะยอมรับด้านจิตใจกับความจริงที่ว่าโฮล์มส์ตายแล้ว
คนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืนชีพ และการสงบสติอารมณ์จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างแน่นอน รอให้ทุกคนสงบลงก็พอแล้ว
ครั้งก่อนเมื่อเผชิญหน้ากับการตายของปัวโรต์ แรกเริ่มเดิมทีทุกคนไม่ได้เอะใจมากนัก?
ภายหลังก็ยอมรับไม่ใช่หรือ?
นอกจากนั้นพล็อตเรื่องนี้ยังมีทางหนีทีไล่
ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ฟื้นคืนชีพให้โฮล์มส์ก็ใช้ได้แล้ว?
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นสิ่งที่ เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ผู้เป็นนักเขียนต้นฉบับทำ และนั่นคือสาเหตุที่โฮล์มส์กลับมา
แต่จะว่าไปแล้ว
หลินเยวียนจะไม่คืนชีพให้โฮล์มส์ เว้นแต่จำเป็นจริงๆ
เป็นเรื่องดีที่นิยายจบลงตรงนี้
เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ทนรับแรงกดดันไม่ไหว ไม่ได้หมายความว่าฉู่ขวงจะทนรับแรงกดดันไม่ไหว
อย่างไรเสีย ในแง่ของความช่ำชองในการรับมือกับการลุกฮือของผู้อ่าน เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ไม่ได้มีมากเท่าหลินเยวียนอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตของเซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ซึ่งเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ แต่หลินเยวียนกลับผ่านประสบการณ์มามากถึงสองครั้ง
ไม่มีอะไรไปมากกว่าความเคยชิน
“ครั้งนี้เหมือนจะต่างออกไป ผมรู้สึกว่าความอดทนของทุกคนที่มีต่อคุณนั้นแตะถึงขีดจำกัดแล้ว ถ้าคุณดูยอดการคลิกข่าวกับจำนวนคอมเมนต์ จะเห็นได้ชัดว่ารุนแรงกว่าครั้งก่อน”
จินมู่ให้หลินเยวียนดูข่าวบนอินเทอร์เน็ต
‘การตายโฮล์มส์ ฉู่ขวงก่อให้เกิดการลุกฮือขึ้นของผู้ชมเป็นครั้งที่สาม!’
‘เพราะเหตุใดเจ้าแก่ฉู่ขวงถึงชอบเขียนให้ตัวละครยอดนิยมตายภายใต้นามปากกาของตน’
‘ครั้งแล้วครั้งเล่า การตายของโฮล์มส์ทำให้ฉู่ขวงยั่วโมโหสาธารณชนได้โดยสมบูรณ์!’
‘โศกเศร้าจากมรณกรรมของโฮล์มส์ ฉู่ขวงทำร้ายความรู้สึกของผู้อ่าน!’
‘เชอร์ล็อก โฮล์มส์ยอดนักสืบผู้ยิ่งใหญ่คนที่สองต่อจากปัวโรต์เสียชีวิตแล้ว ฉู่ขวงคือเทวดาหรือปีศาจ?’
‘พสกนิกรเขียนหนังสือโลหิต ขอร้องให้ฉู่ขวงเปลี่ยนตอนจบ!’
‘…’
ถ้าหากสุ่มคลิกขึ้นมาสักข่าว ในนั้นเต็มไปด้วยถ้อยคำประณาม ตอกย้ำความเคืองแค้นของผู้คน
มีผู้อ่านบางคนบอกอีกว่าจะค้นหาที่อยู่ของฉู่ขวง และจะตามไปปากระจกให้แตกอะไรทำนองนั้น
“ไม่ต้องกังวลไปครับ เรื่องเล็กน้อย”
หลินเยวียนรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติมาก
ต้องเข้าใจว่าเดิมทีคดีสุดท้ายก็เป็นตอนจบของนิยายชุดโฮล์มส์อยู่แล้ว
เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ไม่สามารถทนรับแรงกดดัน จึงเขียน ‘บ้านร้าง’ ขึ้นมา จัดการฟื้นคืนชีพให้โฮล์มส์ และเปิดใช้ภาคฟื้นคืนชีพ
ทว่าสิ่งที่ต้องพูดถึงก็คือ…
เนื้อเรื่องโดยรวมของภาคฟื้นคืนชีพนั้น เมื่อเทียบกับเล่มก่อนหน้าแล้ว คุณภาพออกจะเป็นรองกว่า
เพราะฉะนั้นหลินเยวียนจึงรู้สึกว่าไม่ใช่ปัญหาที่จบเรื่องราวไว้ที่ตรงนี้
“นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอครับ?”
จิน มู่โมโหจนกระโดดโหยง ราวกับถูกใครเหยียบหางเข้า “ดีไม่ว่าดีพวกเขาจะคืนสินค้ากันหมดจริงๆ นะครับ ร้านหนังสือรับมือกับคนอ่านเยอะขนาดนี้ไม่ไหวหรอก สุดท้ายแล้วมันจะย้อนกลับมาที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลู…”
“รออีกสองสามวัน”
หลินเยวียนรู้สึกว่าจินมู่ตื่นตูมเกินไป ความสามารถในการยอมรับของผู้อ่านไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดนั้นสักหน่อย
“ผม…”
จินมู่มองท่าทางของหลินเยวียน รู้สึกโกรธเคืองจนคันเขี้ยว ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแฟนคลับของโฮล์มส์เช่นเดียวกัน!
ขณะนั้น
โทรศัพท์ของจินมู่ดังขึ้น
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดว่าอย่างไร สีหน้าของจินมู่จู่ๆ ก็กลายเป็นย่ำแย่ขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“คุณดูเองก็แล้วกัน!”
จินมู่หยิบรีโมตขึ้นมา กดเปิดโทรทัศน์ในห้องโถงสตูดิโอ และกดเปลี่ยนช่อง
ในรายการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
ผู้คนหลายร้อยคน ออกันอยู่หน้าประตูคลังหนังสือซิลเวอร์บลู และถือป้ายสีแดงขนาดใหญ่!
“ประท้วง!”
“ประท้วงต่อไป!”
“เจ้าแก่ฉู่ขวงคืนโฮล์มส์มาเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าไม่เปลี่ยนตอนจบ พวกเราจะปิดทางออกอยู่ตรงนี้แหละ!”
“ให้ฉู่ขวงออกมาอธิบายกับพวกเรา!”
“อย่าคิดว่าเราหาบ้านเขาไม่เจอแล้วเรื่องจะจบนะ!”
“ถ้าไม่คืนชีพให้โฮล์มส์เราจะอดอาหารประท้วง!”
“พวกเราไม่ไปไหน!”
“…”
คนเหล่านี้ตื่นตัวกันมาก!
หน้ากล้อง นักข่าวรายงานจากด้านหลังฝูงชน
“นี่คือการถ่ายทอดสดซึ่งบันเทิงฉินโจวประจำสัปดาห์นำมาฝากทุกท่านค่ะ ช่วงเช้าในวันนี้นิยายชุดยอดนักสืบโฮล์มส์โดยฉู่ขวงดำเนินมาถึงตอนจบ เนื่องด้วยการตายของตัวเอกอย่างโฮล์มส์ ก่อให้เกิดการลุกฮืออย่างรุนแรงในห มู่ผู้ชมนับไม่ถ้วน สิบนาทีก่อนหน้านี้มีผู้อ่านหลายร้อยคนเริ่มเดินประท้วงบนท้องถนน และสุดท้ายจึงปิดทางเข้าคลังหนังสือซิลเวอร์บลูซึ่งเป็นบริษัทต้นสังกัดของฉู่ขวง เพื่อเรียกร้องให้ฉู่ขวงแก้ตอนจบ จากภาพถ่ายทอดสด ทุกท่านจะเห็นว่า คลังหนังสือซิลเวอร์บลูได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากรุดมาที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ามารถห้ามปรามผู้อ่านซึ่งกำลังเดือดดาล พวกเขาบอกว่าจะปักหลักอยู่ที่นี่จนกว่าฉู่ขวงจะแก้ตอนจบของนิยาย…”
นักข่าวมีสีหน้าเหลือเชื่อ!
ภาพนี้อาจเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตของนักข่าว
หลินเยวียนตกตะลึงอยู่บ้าง
ครั้งก่อนเหมือนว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้
พล็อตเรื่องในครั้งนี้ต่างออกไปตรงไหน?
ผู้อ่านปิดทางเข้าออกคลังหนังสือซิลเวอร์บลู?
“เรื่องใหญ่แล้วทีนี้”
จินมู่ใบหน้าซีดเผือด “ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มีเยอะขึ้นแล้วครับ”
หลินเยวียนลังเลขึ้นมา
ปฏิกิริยาตอบสนองของผู้อ่านนั้นเกินความคาดหมายของเขา บางทีอาจเหมือนกับที่จินมู่บอกจริงๆ ว่าความอดทนของผู้อ่านแตะถึงขีดสุดแล้ว?
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของหลินเยวียนก็ดังขึ้น
หลังจากรับสาย น้ำเสียงแปลกพิลึกของเหล่าโจวดังมา
“มาที่บริษัทหน่อย”
“ครับ”
หลินเยวียนมองจินมู่ “ผมจะไปที่บริษัท”
“ระหว่างทางต้องระวังตัวนะครับ!”
จินมู่ชำเลืองมองการถ่ายทอดสดในโทรทัศน์ด้วยความหวั่นเกรง “ถ้าเกิดคนอ่านรู้ว่าคุณคือฉู่ขวงขึ้นมาต้องแย่แน่ๆ !”
“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
ในบริษัทมีเพียงประธานกรรมการเท่านั้นที่รู้เรื่องที่ตนคือฉู่ขวง ประธานกรรมการรับปากแล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ยี่สิบนาทีผ่านไป
หลินเยวียนเดินทางถึงบริษัท
ทันทีที่มาถึงประตูบริษัท หลินเยวียนก็สะดุดตากับรถคันหนึ่ง
นี่คือรถสีดำรุ่นใหม่ รูปลักษณ์ภายนอกเหนือระดับ เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์หรูซึ่งมีชื่อเสียงบนบลูสตาร์ จอดเด่นหราอยู่ด้านหน้าประตูบริษัท มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นรถหรูรุ่นท็อปราคาเหยียบหลักล้านหรือสิบล้านหยวน…
ต่อให้เป็นหลินเยวียนซึ่งไม่มีความรู้เรื่องรถเลยก็มองออกว่ารถคันนี้ไม่ธรรมดา
“เซี่ยนอวี๋!”
มีเสียงดังมาจากด้านหลัง
ทันทีที่หลินเยวียนหันมา ก็พบว่าประธานกรรมการกำลังมองเขาด้วยแววตาซับซ้อน “นี่เป็นรถคันใหม่ท่ีผมเตรียมไว้ให้คุณ”
ไม่เพียงประธานกรรมการ
พนักงานในสตาร์ไลท์อีกจำนวนหนึ่งต่างก็อยู่โดยรอบ พวกเขาไม่ได้ถูกไล่ไป ทว่าสีหน้าของพวกเขาแลดูตกตะลึง
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือในบริษัทว่าเซี่ยนอวี๋ปล้นใบชาของประธานกรรมการ และวางอำนาจบาตรใหญ่ในบริษัท ประธานกรรมการจะต้องเอาชนะใจเซี่ยนอวี๋ด้วยวิธีการที่อลังการงานสร้างอย่างแน่นอน
ผลลัพธ์เป็นไงล่ะ
นี่แค่เอาชนะใจที่ไหนกัน?
นี่มันเอาอกเอาใจเข้าขั้นรุนแรงกว่าอีก!
หลินเยวียนไม่ได้ยืนอย่างงุนงง เขาเปิดประตูรถและมองดูการตกแต่งอันหรูหราภายใน “ขอบคุณครับประธานกรรมการ ว่าแต่รถคันก่อนที่ผมใช้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“คันนี้ไม่เหมือนกัน”
“ตรงไหนไม่เหมือนกัน”
“รถคันนี้ติดตั้งกระจกกันกระสุน และระบบรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับกองทัพ!”
ประธานกรรมการสีหน้าขึงขังราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม ราวกับรถที่บริษัทมอบให้หลินเยวียนใช้ก่อนหน้านี้มีปัญหาด้านความปลอดภัยเข้าขั้นวิกฤต
“ตราบใดที่ไม่มีการโจมตีด้วยอาวุธหนัก คุณจะปลอดภัยอย่างแน่นอนเมื่อนั่งอยู่ด้านใน!”
ขณะที่พูด ประธานกรรมการก้าวขึ้นไปข้างหน้าและตบไหล่ของหลินเยวียน ตบจนไหล่ของหลินเยวียนแทบแหลกอยู่รอมร่อ
“ผมช่วยได้เท่านี้ คุณรีบขึ้นไปบนรถเถอะ ไม่อย่างนั้นผมกลัวว่าคุณจะทนไม่ไหว”
ตัดภาพไป
ในห้องทำงานของประธานกรรมการ
หนังสือเล่มสุดท้ายจากนิยายชุดยอดนักสืบโฮล์มส์วางอยู่บนโต๊ะ และหน้าสุดท้ายของนิยายฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้วยความรุนแรง
หลินเยวียน “???”