รอบเวทีทั้งสี่ด้าน
ผู้ชมต่างพูดคุยกันเกี่ยวกับท่ามูนวอล์ก
ความสนใจของทุกคนกระจัดกระจายไปมาก
ต่อให้เป็นหลินเยวียนเอง เขายังไม่สามารถขจัดความตกตะลึงที่ผู้ชมมีต่อท่ามูนวอล์กได้ จนสามเพลงหลังจากนั้นไม่อาจดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อย่างเต็มที่!
จะให้รับเวทีต่อจากมูนวอล์กได้อย่างไรล่ะ
แต่ว่า…
เรื่องทั้งหมดหลินเยวียนเป็นคนก่อขึ้นเอง
ในแถวหน้า
เมื่อสังเกตเห็นการถกเถียงอย่างดุเดือดเกี่ยวกับมูนวอล์ก จู่ๆ รอยยิ้มของเฟ่ยหยางก็แปลกขึ้นมาเล็กน้อย “นึกไม่ถึงว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋จะรับเวทีต่อไม่ไหว…”
เจียงขุยยิ้มขื่น
“ท่าเต้นเมื่อกี้สุดยอดมาก พวกเราขึ้นเวทีไปพร้อมกันก็รับไม่ไหว”
ซุนเย่าหั่วหัวเราะลั่น “รับไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงก็เป็นเวทีของรุ่นน้องเอง คอนเสิร์ตวันนี้อลังการงานสร้างสุดๆ!”
“ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นอาจารย์เซี่ยนอวี๋ทำอะไรไม่ถูกบนเวที”
จ้าวอิ๋งเก้อเอ่ยขึ้น
นักร้องมืออาชีพต่างมองเห็นปัญหาของเซี่ยนอวี๋
บรรดาพ่อเพลงอย่างเจิ้งจิงและหยางจงหมิงย่อมมองออกเช่นเดียวกัน
อิ่นตงครุ่นคิด กล่าวว่า “วันนี้คนที่เอาชนะเซี่ยนอวี๋ได้มีแค่เซี่ยนอวี๋”
เยี่ยจือชิวหยอกล้อ “นี่คือเหตุผลที่คุณแพ้เขาอยู่ร่ำไป?”
เจิ้งจิงหัวเราะอย่างไร้ปรานี
ส่วนหยางจงหมิงเลิกคิ้ว
วิธีจบการแสดงเช่นนี้ช่างไม่สอดคล้องกับสไตล์ของเซี่ยนอวี๋เอาซะเลย
หรือว่าต้องการให้ผู้ชมทุกคนดื่มด่ำไปกับความสนุกสุดเหวี่ยงของการเต้นไปจนจบคอนเสิร์ต
คนดนตรีมืออาชีพต่างมีความคิดของตนเอง
ขณะที่ผู้ชมกลับไม่ได้สนใจมากนัก
พวกเขากำลังถกเถียงกันอย่างออกรสออกชาติ
ขณะที่ถกเถียงกันอยู่นั้นเอง
ไม่รู้ว่าบนเวทีมีเปียโนโผล่ขึ้นมาบนเวทีตั้งแต่เมื่อไหร่
ด้านหน้าของเปียโน
หลินเยวียนเปลี่ยนไปสวมชุดสูทสีขาว กำลังนั่งอย่างเงียบเชียบ
ทันใดนั้นเอง
มือของเขาปัดคีย์เปียโน
และหลังจากนั้น
เสียงของเขาดังไปทั่วทั้งสนาม “การแสดงชุดสุดท้าย ขอมอบบทเพลงเปียโนนี้ให้กับทุกคนครับ”
พรึบๆๆๆ !
ในที่สุดความสนใจของผู้ชมจึงถูกดึงดูดไว้ชั่วคราว
ถึงแม้ความตกตะลึงจากท่ามูนวอล์กยังดังก้องอยู่ในใจของพวกเขา
“เพลงเปียโน”
“การแสดงจบเป็นเพลงบรรเลง?”
“หรือว่าเป็นเพลงวิวาห์ในฝัน?”
“น่าจะเป็นเพลงนั้น”
“ผมชอบเพลงวิวาห์ในฝันมาก นี่เป็นเพลงที่เพราะที่สุดของพ่อเพลงอวี๋!”
“พวกคุณรู้สึกไหมว่าพ่อเพลงอวี๋หล่อมาก!”
“เหลวไหลน่า!”
“เขาสวมสูทสีขาว เหมือนเจ้าชายที่หลุดออกมาจากการ์ตูนเลย!”
“ผมยังอยากดูพ่อเพลงอวี๋เต้น”
“ถ้าได้ดูพ่อเพลงอวี๋เต้นอีกคงจะดี”
“ท่าเต้นนั้นถ้ามีโอกาสฉันจะเรียนให้ได้เลย!”
“…”
ประเด็นสนทนาวกกลับมายังการเต้นเมื่อครู่
แม้ว่าเซี่ยนอวี๋จะเล่นเปียโนและสวมชุดสูทสีขาว ก็ไม่อาจดึงความสนใจของผู้คนกลับมาได้ทั้งหมด
ในคอนเสิร์ตกลับมาคึกคักอีกครั้ง
และท่ามกลางความคึกคักนี้
ทันใดนั้น มือของหลินเยวียนปัดผ่านคีย์เปียโน…
ด้วยการเคลื่อนไหวอันไหลรื่นประหนึ่งสายน้ำ โน้ตเพลงไหลรินจากปลายนิ้วของเขา
อ่อนโยน
หอมหวาน
ระคนกับความเศร้าเล็กน้อย
เสียงพูดคุยของผู้ชมเบาลงฉับพลัน
……
แถวหน้า
สีหน้าของหยางจงหมิงค่อยๆ เปลี่ยนไป “เพลงใหม่?”
เจิ้งจิงครุ่นคิด “ฉันคิดว่าเป็นวิวาห์ในฝันซะอีก”
แววตาของอิ่งตงนิ่งไป มองไปบนเวที
เยี่ยจือชิวสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “เพลงนี้…”
“กลิ่นอายของเพลงคลาสสิก”
อู่หลงพูดต่อด้วยน้ำเสียงซับซ้อน
ส่วนนักร้องซึ่งอยู่ด้านข้าง สีหน้าค่อยๆ ตกตะลึงขึ้นมา
เบื้องหน้าเปียโน
ร่างกายของหลินเยวียนคลอนไปมาเบาๆ
เสียงเปียโนนั้นราวกับผีเสื้อกระพือปีกอันปราดเปรียว และบินโฉบเข้าหาโสตประสาทของของผู้ชมทุกคน
……
ที่นั่งรอบทิศของเวที
ผู้ชมหยุดสนทนามากขึ้นเรื่อย
สายตาต่างทยอยจับจ้องไปยังเวที
ผู้ชมทั่วไปไม่มีความสามารถในการเสพดนตรีระดับพ่อเพลง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีความสามารถในการแยกแยะว่าดีหรือแย่ได้
เพลงนี้ไพเราะมาก
ไม่ได้ด้อยไปกว่าวิวาห์ในฝัน!
ถึงขั้นที่…
มีรสชาติมากกว่าด้วยซ้ำ?
นี่คือเพลงอะไรกัน?
บางคนจ้องเขม็ง ราวกับต้องการคำตอบจากรอบตัว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครบอกได้ว่าเพลงนี้มีชื่อว่าอะไร
เพราะนี่เป็นเพลงใหม่
ทั้งยังเป็นเพลงที่ไม่เคยปล่อยออกมา
‘แด่อลิซ’ โดยบีโธเฟน!
นี่คือผลงานซึ่งหลินเยวียนใช้ปิดคอนเสิร์ตของเขา!
ใช่แล้ว
หากคิดจะรับเวทีต่อจากท่ามูนวอล์กให้ดี มีแต่ต้องทำตรงข้ามเท่านั้น!
ท่ามูนวอล์กคือความระเบิดเวทีขั้นสุด!
ส่วนเพลงแด่อลิซนั้นคือความสงบและอ่อนโยน
เสียงดนตรีแผ่วเบาราวธารน้ำใส
คีย์เปียโนทอแสงกระจ่าง
บทเพลงไพเราะขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ชมค่อยๆ หลับตาลงอย่างแผ่วเบา
ความกระวนกระวายภายในจิตใจซึ่งเกิดจากท่ามูนวอล์ก ขณะนี้ค่อยๆ สงบลง
ในคอนเสิร์ต
เงียบลงเรื่อยๆ
ประดุจการบรรเลงดนตรีเพื่อชำระจิตใจ
บทเพลงรูปแบบรอนโดอันแสนคลาสสิกประสานเข้าด้วยดัน
บางครั้งก็ขึ้น
บางครั้งก็ลง
มือของหลินเยวียนไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วนัก
ทว่าทำนองของดนตรีกลับไม่ได้จืดชืด
ไร้ซึ่งการโอ้อวดทักษะ
ไร้ซึ่งตัวโน้ตอันหนักหน่วง
คันเหยียบใต้ฝ่าเท้าผสมผสานทุกจังหวะ
“ตึ๊งตึงตึ๊งตึงตึ๊งตึ่งตึ๊งตึ่งตึ่ง”
“ตึ่งตึงตึงตึ๊ง”
“ตึ่งตึ๊งตึงตึ่ง”
“ตึ๊งตึงตึ๊งตึงตึ๊งตึ่งตึ๊งตึ่งตึ่ง…”
ในท่วงทำนอง
ราวกับมีใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้น
อ่อนโยน
งดงาม
ทั้งสนามรังนกเงียบสนิท
และมือของหลินเยวียนเร่งเร็วขึ้นเป็นครั้งแรก
เสียงดนตรีมีชีวิตชีวาขึ้นจากโน้ตสามพยางค์ซึ่งสูงขึ้น
บันไดเสียงโครมาติกเริ่มลดคีย์ลง
เชื่อมโยงกับธีมหลักของเพลง
ประมาณสามสี่นาทีผ่านไป
ในที่สุดมือของหลินเยวียนจึงหยุดค้างกลางอากาศ
บทเพลงทั้งหมดจบลงพร้อมกับบรรยากาศอันผ่อนคลายและรื่นเริง
สั้นเหลือเกิน
เพลงนี้คือผลงานดนตรีขนาดย่อมของบีโธเฟน
ถึงแม้จะสั้น แต่กลับมีชื่อเสียงไปทั่วโลก!
ผู้ชมยังคงหวนนึกถึงท่วงทะนอง
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาหลงลืมความตกตะลึงจากท่ามูนวอล์ก
เช่นเดียวกับการกินน้ำแกงผักหนึ่งชามหลังจากกินอาหารรสเผ็ดร้อน
ความร้อนใจมลายหายไปแล้วสิ้น
ในใจสงบเงียบและอบอุ่น
ราวกับมีแสงตะวันสาดส่องมายังสนามรังนก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
นี่คือความตกตะลึงอีกรูปแบบหนึ่ง
ไม่มีเสียงกรีดร้องดังลั่น
ไม่มีแสงไฟวูบวาบบ้าคลั่ง
ไม่มีป้ายไฟหรือแท่งไฟที่พร่าเบลอ
คอนเสิร์ตนี้ระเบิดรุนแรงจนผู้ชมแทบหยุดหายใจ
ทว่าสุดท้ายแล้ว
ทุกสิ่งกลับสู่ความสงบ
สิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ คือความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ที่แท้สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดอยู่ที่นี่
ความชื่นมื่นและขมขื่น…
ทั้งหมดล้วนรวมอยู่ในสนามรังนกในคำ่คืนนี้
ตั้งแต่นี้ คอนเสิร์ตในครั้งนี้จะตราตรึงอยู่ในใจของผู้ชมนับแสนไปอีกนานหลายปี
มีเสียงปรบมือ
หลังจากนั้นผู้ชมทุกคนเริ่มปรบมือตาม
ท่ามกลางเสียงปรบมือนั้นเอง หลินเยวียนลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับ
เขาทำสำเร็จแล้ว
การแสดงชุดสุดท้าย รับมือกับความตกตะลึงของผู้ชมจากท่ามูนวอล์กได้สำเร็จ
ด้วยรูปแบบอันเงียบงันเสมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิที่อ่อนโยนและฝนที่ชุ่มฉ่ำ
แถวหน้า
ซุนเย่าหั่วพึมพำ “ฤดูกาลเพลงเดือนหน้า ฆ่าไม่เลี้ยงแน่”
นักร้องซึ่งอยู่ด้านข้างไม่พูดจา
ทว่าทุกคนล้วนพยักหน้าโดยไม่ลังเล
คอนเสิร์ตในครั้งนี้มีเพลงใหม่หลายเพลง
คุณภาพของบทเพลงเหล่านี้ หากปรากฏบนการจัดอันดับเพลงพร้อมกันในตอนนี้ กลายเป็นการฆ่าล้างบางอย่างโหดเหี้ยม!
ทุกคนในคอนเสิร์ตสามารถคาดเดาได้!
“เพลงนี้ชื่อว่าอะไร”
เจิ้งจิงเอ่ยปาก
หยางจงหมิงมองไปยังข้อความบนตัวอักษรบนหน้าจอใหญ่ ตอบว่า “แด่อลิซ”
ข้อมูลเพลงล่าช้า
หลังจากชื่อเพลง ‘แด่อลิซ’ ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
คอนเสิร์ตก็เป็นอันสิ้นสุดลง