EG บทที่ 900 สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย
“เราควรรอก่อน ยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าไป” ฟู่หยงฉีตอบ
“ทำไมล่ะครับ?” ฟู่กวางเจิ้งรู้สึกงง
“เพราะรัฐบาลไทยยังไม่เข้าแทรกแซง เมื่อรัฐบาลไทยดำเนินการแล้ว จะเป็นการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐบาลของประเทศจะพยายามหาแนวทางมารักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ” ฟู่หยงฉีเริ่มเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้ฟู่กวางเจิ้งฟัง
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เราก็ทำได้แค่รอหรอครับ?”
“ถูกต้อง พวกเราจะรอ”
ดังนั้นตระกูลฟู่จึงรอและผ่านไปหนึ่งเดือน ในช่วงนี้รัฐบาลไทยได้เข้าแทรกแซงและช่วยพยุงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย ตอนนี้คือเดือนพฤษภาคมแล้ว เฝิงหยู่กลับไปฮ่องกง คิริเลนโกตามเขาไปด้วย
“เฝิง เราต้องรออีกนานแค่ไหน?” ความอดทนของคิริเลนโกใกล้หมดแล้ว เป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือนและสูญเสียเงินไปหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันสำหรับเงินบาทอยู่ที่ 25:1 เท่านั้นและเงินที่พวกเขาได้รับนั้นก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยการขาดทุน โชคดีที่ราคาหุ้นของประเทศไทยลดลงอย่างช้าๆและหากพวกเขาเปิดใช้งานสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ก็จะสามารถกู้คืนเงินที่ขาดทุนไปส่วนใหญ่ได้
“เราต้องรอจนกว่าโซรอสและคนของเขาจะติดต่อเรามา เงินบาทจะอ่อนค่าลงทันทีเมื่อเราทั้งคู่ขายทิ้งสกุลเงินพร้อมกัน” เฝิงหยู่ใจเย็นมาก การซื้อขายเงินตราต่างประเทศนั้นซับซ้อนมากและไม่ง่ายอย่างที่คิริเลนโกคิด
“แล้วทำไมนายถึงเริ่มขายเงินริงกิตของมาเลเซียล่ะ?” คิริเลนโกไม่เข้าใจว่าทำไมเฝิงหยู่ถึงทำเช่นนี้ พวกเขาไม่ได้โจมตีสกุลเงินของประเทศใดแม้แต่แห่งเดียว แต่เฝิงหยู่กำลังเริ่มพุ่งเป้าไปที่ประเทศอื่นหรอ? แบบนี้พวกเขาจะมีเงินทุนเพียงพอที่จะจัดการหรอ?
“พี่ไม่น่าจะรู้ว่ามาเลเซียเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยและทั้งสองประเทศมีหนี้ที่ซับซ้อนและสูงมาก เมื่อเศรษฐกิจของไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เศรษฐกิจของมาเลเซียก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน”
ทำไมจึงเรียกวิกฤตินี้ว่าวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย? เป็นเพราะเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน โดยอาศัยการค้าระหว่างประเทศเพื่อสร้างพันธบัตรที่แข็งแกร่ง
เมื่อประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี ประเทศที่เหลือจะได้รับผลกระทบและจะง่ายต่อการโจมตีเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
คิริเลนโกพยักหน้า ไม่กี่วันมานี้เขาเห็นเพียงว่าพวกเขาเสียเงินไปทุกวัน หากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ไม่สามารถชดเชยการขาดทุนของเขาได้ เขาจะถอนตัวออกจากภารกิจนี้ หากไม่มีเฝิงหยู่ คิริเลนโกจะไม่โจมตีเศรษฐกิจของประเทศไทยแม้จะได้รับคำเชิญจากโซรอสก็ตาม
ประเทศไทยร่ำรวยแค่ไหน? GDP ต่อประชากรที่แท้จริงสูงกว่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐและสูงกว่าประเทศจีนหลายเท่า นี่เกือบเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้ว
แต่ที่น่าแปลกก็คือหนี้เฉลี่ยต่อคนในประเทศไทยอยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ นั่นหมายถึงหนี้โดยรวมของประเทศไทยมีมากกว่า 50%
การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยขึ้นอยู่กับนักลงทุนต่างชาติและการส่งออกเป็นอย่างมาก การส่งออกของพวกเขาคิดเป็นประมาณ 42% ของ GDP ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมาก
สัดส่วนนี้พบได้ทั่วไปในหลายประเทศแถบชายฝั่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เนื่องจากการค้าทางทะเลเป็นการขนส่งเพื่อการค้าเป็นหลัก
ประการที่สอง ภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้รับความนิยมอย่างมากและยังเป็นอุตสาหกรรมหลักอีกอย่างของประเทศไทยด้วย นักลงทุนต่างชาติเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย โรงแรมหรูหรา รีสอร์ท อาคารสำนักงาน สนามกอล์ฟ ฯลฯ ถูกสร้างขึ้นจำนวนมาก
แค่กรุงเทพเพียงแห่งเดียวก็มีศูนย์แสดงสินค้านานาชาติถึงสองแห่งและอีกสี่แห่งที่กำลังก่อสร้างอยู่ โรงพยาบาลที่นั่นมีเตียงมากกว่าที่จำเป็นถึงสามเท่า การเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์กลายเป็นทางลัดสู่ความร่ำรวย
แต่มีอันตรายซ่อนอยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย มากกว่า 20% ของอสังหาริมทรัพย์เป็นพื้นที่ว่างเปล่า อาคารและบ้านถูกสร้างขึ้นสำหรับนักเก็งกำไร
สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นคล้ายคลึงกับสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายยุค 1980 และญี่ปุ่น การใช้อสังหาริมทรัพย์และการส่งออกเป็นอุตสาหกรรมหลักจะสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศไทยในทางที่ผิด และก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์ไปพร้อมๆ กันด้วย
เมื่ออสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาพังลง พวกเขาเปลี่ยนวิกฤติไปที่ญี่ปุ่น หลังจากนั้นสหรัฐอเมริกาก็ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อฟื้นตัวจากวิกฤติอย่างรวดเร็ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของพวกเขาก็ฟื้นตัวเช่นกัน แต่อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ฉลาดได้คิดหาทางออกที่ดี นั่นก็คือการสร้างภาวะฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์ให้เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย และหารายได้จากที่นั่น
คราวนี้นักธุรกิจญี่ปุ่นฉลาดขึ้น พวกเขาจะถอนตัวออกจากตลาดอย่างรวดเร็วเมื่อราคาอสังหาริมทรัพย์ถึงจุดสูงสุดและปล่อยให้รัฐบาลของประเทศนั้นดูแลปัญหานี้เอง วิธีนี้พวกเขาจะหาเงินได้ สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้น และรักษาตำแหน่งของญี่ปุ่นในฐานะเศรษฐกิจที่ทรงพลังที่สุดในเอเชียเอาไว้ได้
ประเทศไทยเคยใช้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี พวกเขาได้ยกเลิกภาษีสำหรับการซื้อขายพันธบัตร ลดภาษีสำหรับหุ้นของบริษัท และยังให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทพันธบัตรด้วยอเพื่อให้พัฒนาได้เร็วขึ้น
การยกเลิกข้อจำกัดด้านดอกเบี้ยและการใช้ดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นตลาดจะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของประเทศได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ประเทศไทยยังเปิดกว้างการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทำให้นักเก็งกำไรจากต่างประเทศสามารถซื้อขายได้ถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลไทยมีเงินสำรองต่างประเทศต่ำ
บางทีประเทศไทยอาจเห็นประโยชน์ของการมีตลาดการเงินที่เฟื่องฟูจากประเทศอื่นๆ และพวกเขากำหนดข้อจำกัดให้สถาบันการเงินน้อยลง บริษัทการค้านอกชายฝั่งได้รับอนุญาตให้จัดตั้งได้ และธนาคาร 50 แห่งของประเทศไทย รวมถึงธนาคารต่างประเทศ 35 แห่งได้รับอนุญาตให้รับเงินออมและปล่อยงินกู้ให้กับชาวต่างชาติ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมซรอส เฝิงหยู่ และคนอื่นๆ จึงสามารถกู้เงินเป็นเงินบาทได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่ายังมีประเด็นสำคัญอีกอย่าง ประเทศไทยอนุญาตให้ชาวต่างชาติเปิดบัญชีในธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทยและอนุญาตให้ฝากเงิน ขอเงินกู้ และแลกเปลี่ยนสกุลเงินได้อย่างอิสระ เศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นไปอย่างเสรี
การมีนโยบายดังกล่าวจะทำให้มีเงินทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศจำนวนมากและเศรษฐกิจของประเทศจะพัฒนาได้เร็วขึ้น แต่สิ่งนี้จะทำให้ประเทศไทยตกต่ำลงในวิกฤตการเงินครั้งนี้ด้วย
ประเทศไทยไม่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับภาคการเงินและขาดการกำกับดูแลจากทางการ พันธบัตรและหุ้นของประเทศนี้ถูกเปิดกว้างสู่ภายนอกและอนุญาตให้นักเก็งกำไรจากต่างชาติเข้ามาแทรกแซงระบบการเงินของประเทศไทยได้
นอกจากนี้ ยังไม่มีข้อจำกัดสำหรับการลงทุนในต่างประเทศและรัฐบาลไทยยังยินดีต้อนรับนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากพวกเขาคิดว่ามันจะดีต่อเศรษฐกิจ
บริษัทต่างๆ สามารถขอเงินกู้ได้อย่างง่ายดาย และหนี้ของประเทศก็เพิ่มขึ้นจนล้นทะลัก เปอร์เซ็นต์หนี้ของประเทศเกินกว่า 50% ของ GDP ของประเทศและนี่เป็นปัญหาใหญ่ เห็นได้ชัดว่าบริษัทในประเทศไทยมีการพัฒนาที่ดี แต่ไม่มีใครพิจารณาว่าหลังจากรวมหนี้เข้าไปแล้ว บริษัททั้งหมดกำลังขาดทุน!
เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยคือญี่ปุ่น ญี่ปุ่นได้จัดตั้งธนาคารจำนวนมากที่สุดในประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ พวกเขาปล่อยเงินกู้จำนวนมหาศาลและการลงทุนในประเทศไทยมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้ว่าโซรอสจะไม่ยึดติดกับประเทศไทย เศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะไม่ยืนยาวหลังจากปี 2000 เมื่อญี่ปุ่นถอนตัวจากตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดการเงินของไทย เศรษฐกิจของไทยก็จะพังทลายเช่นกัน