EG บทที่ 748 ขาดทุน
14.86 ดอลลาร์สหรัฐ!
ราคาเปิดของหุ้นมีมูลค่าสูงกว่าราคาที่ตั้งไว้ 48.6%!
คาเมดะ มาซาโอะรู้สึกดีใจมากและเฝิงหยู่ก็ประหลาดใจกับเรื่องนี้ ทั้งคู่ไม่คาดว่าราคาเปิดของหุ้นจะสูงขึ้นมาก!
แน่นอนว่า ในอีก 2 วันจะมีหุ้นของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่านี้อีก ราคาหุ้นของบริษัทนี้เพิ่มขึ้นหลายเท่าในวันที่พวกเขาจดทะเบียน ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวกับการจัดการกับเว็บเบราว์เซอร์ ปัจจุบันสหรัฐอเมริกามีแผน“ทางด่วนข้อมูลสารสนเทศ” และราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยรวมถึงไมโครซอฟท์ด้วย
แผนทางด่วนข้อมูลสารสนเทศเป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงคนทั้งโลกผ่านระบบสื่อสารความเร็วสูง ส่วนใหญ่ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ สายไฟเบอร์ออปติก คอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ ซอฟต์แวร์ และแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่
ตราบใดที่บริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องกับ 4 ส่วนนี้ ราคาหุ้นของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจากปี 1993 นี่คือช่วงเวลาที่บิล เกตส์กลายเป็นมหาเศรษฐี!
ในระยะสั้นนี้คือการสร้างเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ ต่อมาคลินตันรู้สึกว่านี่เป็นแผนที่ดีและจะช่วยเพิ่มเศรษฐกิจและประสิทธิภาพการผลิตของสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญที่สุดคือสามารถเผยแพร่ “ประชาธิปไตย” ไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก นี่คือการปิดกั้นผู้คนจากประเทศต่างๆ ไม่ให้มีความคิดของตัวเองและสร้างสหรัฐให้เป็นผู้นำของโลก!
คลินตันเลื่อนตำแหน่งคนที่เสนอแผนการนี้ให้เป็นรองประธานาธิบดีและข้อเสนอนี้ก็ถูกนำไปใช้ นี่คือจุดเริ่มต้นของยุคแห่งข้อมูลข่าวสารและนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของบริษัทจำนวนมากในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ สิ่งนี้ยังทำให้เกิดวิกฤตฟองสบู่ดอทคอมในอนาคตด้วย
ในอีกสองปีข้างหน้า ราคาเปิดของหุ้นในบริษัทที่ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดจะมีราคาสูงกว่าอัตราที่ตั้งไว้มากเมื่อพวกเขาจดทะเบียนเข้าในตลาดหลักทรัพย์ แน่นอนว่าหุ้นของบริษัทพวกนี้ก็ดิ่งลงในช่วงวิกฤตดอทคอมเหมือนกัน
แต่บริษัทซิกส์เซนส์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต การสื่อสาร และเทคโนโลยี และราคาหุ้นของพวกเขาก็พุ่งสูงขึ้น 48.6% เมื่อตลาดเปิด เรื่องนี้น่าตกใจมาก!
เมื่อเดือนที่แล้ว มีบริษัทบางแห่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และราคาเปิดของหุ้นก็ต่ำกว่าราคาที่ตั้งไว้ เมื่อเทียบกับบริษัทพวกนั้น นักลงทุนมีความมั่นใจในบริษัทซิกส์เซนส์มากขึ้น
คาเมดะ มาซาโอะคิดแต่เพียงเงินที่บริษัทจะได้ ยิ่งมูลค่าทางการตลาดของบริษัทสูงขึ้นมากเท่าใด ตัวเขาและ บริษัทก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
จากราคาเปิดนี้ ราคาหุ้นของบริษัทซิกส์เซนส์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในเดือนนี้ และภายในสิ้นปีนี้อาจสูงขึ้นอีกหลายเท่า
คาเมดะ มาซาโอะ ยังถือหุ้นของบริษัทด้วย การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาหุ้นของบริษัททำให้มูลค่าสุทธิในสินทรัพย์ของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าด้วย เขากลายเป็นเศรษฐีอย่างเป็นทางการด้วยมูลค่าสุทธิกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เขายังบริหารจัดการบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้าน ซึ่งเป็นบริษัทของเล่นเซ็กส์ทอยอันดับหนึ่งของโลก!
หลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ คาเมดะ มาซาโอะจะมีเงินทุนเพื่อจัดตั้งโรงงานแห่งใหม่ ร้านค้าปลีกและทำการตลาด
คาเมดะ มาซาโอะ จะกลายเป็นเจ้าสัวในวงการของเล่นเซ็กส์ทอยที่โด่งดังที่สุดของโลกในไม่ช้า ตอนนี้เขายังมีเงินทุนเพื่อลงทุนในนิตยสารสำหรับผู้ใหญ่ หนังผู้ใหญ่ และถึงขนาดจัดตั้งช่องสำหรับผู้ใหญ่เองได้ เขาต้องการที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเรื่องพวกนี้เพื่อเพิ่มผลกำไรให้บริษัท!
คาเมดะ มาซาโอะอยากเล่าและแบ่งปันความสุขของเขามาก และคนแรกที่เขานึกถึงก็คือเฝิงหยู่
ในขณะที่คาเมดะ มาซาโอะและพนักงานคนอื่นๆ ของบริษัทซิกส์เซนส์กำลังมีความสุขนั้น แต่เฝิงหยู่กลับขมวดคิ้ว
เฝิงหยู่รู้สึกปวดใจ นั่นเป็นเพราะเขาขาดทุน ขาดทุนครั้งใหญ่ด้วย!
ราคาเปิดของหุ้นนั้นสูงมาก และหุ้นก็ยังคงเพิ่มขึ้น ทำไมเฝิงหยู่ถึงรู้สึกว่าเขาขาดทุน?
ตอนนี้เฝิงหยู่รู้สึกเสียดาย เขาไม่ได้เตรียมการมามากพอสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าบริษัทซิกส์เซนส์จะเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน
หากเฝิงหยู่รู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาจะตั้งราคาหุ้นให้สูงกว่านี้ แม้ว่าเขาจะตั้งราคาหุ้นไว้ที่ 15 ดอลลาร์สหรัฐ ยังไงเขาก็ขายออกได้หมด
ทั้งเฝิงหยู่และคาเมดะ มาซาโอะ ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินบางคน และพวกเขาสรุปว่าราคาหุ้นควรกำหนดไว้ที่ 8 ถึง 9 ดอลลาร์สหรัฐ หากเฝิงหยู่ไม่ได้ยืนกรานตามนั้น ราคาหุ้นที่ตั้งไว้จะน้อยกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐแน่นอน
แต่เฝิงหยู่ไม่เคยคิดว่าราคาเปิดของหุ้นจะสูงมากแบบนี้!
แม้ว่าพวกเขาจะขายหุ้นที่ 10 ดอลลาร์สหรัฐ แต่เฝิงหยู่ก็จะไม่ออกหุ้นจำนวนมากเช่นกัน เขาน่าจะออกหุ้น 25% ทำไมเขาถึงออก 30%?
แม้ว่าบริษัทซิกส์เซนส์จะใช้เงินกู้จำนวนมากเพื่อจัดตั้งบริษัทสาขาและโรงงานในสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่หนี้สินของบริษัทก็ไม่ได้มีผลอะไร
ถึงแม้จะมีหนี้สินสูง แต่บริษัทซิกส์เซนส์ก็ยังสามารถแบ่งหุ้นและขายต่อสาธารณชนได้สองครั้ง หลังจากการขายหุ้นครั้งแรก พวกเขาจะรู้ราคาและจากนั้นก็จะออกหุ้นที่เหลือในอัตราที่สูงขึ้น พวกเขาจะสามารถระดมทุนได้มากขึ้นด้วยวิธีนี้
หลายบริษัทเคยทำแบบนี้มาก่อน พวกเขาไม่ได้ออกหุ้นจำนวนมากในช่วงการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้แก่สาธารณชน พวกเขารอจนกระทั่งราคาหุ้นสูงขึ้นและค่อยออกหุ้นเพิ่มให้กับประชาชนเป็นครั้งที่สองและสาม พวกเขาใช้ข้ออ้างว่าต้องการเงินทุนเพิ่ม ทุกครั้งที่พวกเขาออกหุ้น ผู้ถือหุ้นหลักจะได้รับสิทธิ์ในการซื้อหุ้นในอัตราที่ต่ำกว่า ซึ่งเทียบเท่ากับการให้โบนัสแก่พวกเขา
วิธีการออกหุ้นแบบนี้จะเป็นการสะสมเงินทุนมากกว่าการออกหุ้นทั้งหมดภายในครั้งเดียว แต่ตอนนี้นักลงทุนเอาส่วนต่างนี้ไปแล้ว นี่คือเหตุผลที่เฝิงหยู่รู้สึกว่าเขาขาดทุน
เมื่อชาติที่แล้วของเขา เฝิงหยู่ไม่ได้ตามดูบริษัทใดที่ใช้กลยุทธ์แบบนี้และเคยทำผิดพลาดมาแล้ว
สำหรับหลาย คน สิ่งที่เฝิงหยู่ทำอาจไม่ถือว่าผิดพลาด แต่สำหรับเฝิงหยู่นี่เป็นความผิดพลาดร้ายแรงเพราะเขาปล่อยให้คนอื่นทำเงินได้มากกว่าจากเขา!
“ผู้จัดการเฝิงครับ หุ้นของบริษัทซิกส์เซนส์ของเรากำลังเพิ่มขึ้นและราคาเปิดของหุ้นเราก็สูงกว่าที่เราคาดการณ์เอาไว้มาก ทำไมคุณถึงดูไม่มีความสุขล่ะครับ?” คาเมดะ มาซาโอะ งงมาก ทุกคนจากบริษัทตื่นเต้นกันหมด แต่เฝิงหยู่กลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด มีเรื่องอะไรผิดพลาดงั้นหรอ?
ค่าคอมมิชชั่นที่ให้แก่ผู้ดูแลสภาพคล่องอยู่ในระดับต่ำมาก และผู้ดูแลสภาพคล่องยังสามารถขายหุ้นทั้งหมดได้ด้วย หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว บริษัทซิกส์เซนส์ก็ยังทำเงินได้ค่อนข้างมาก
ไม่ว่า คาเมดะ มาซาโอะ จะพิจารณายังไง การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ บริษัทจะมีการพัฒนาที่ดีขึ้นและพวกเขาจะสามารถเจรจาต่อรองธุรกิจได้อย่างง่ายดายหลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แล้วทำไมผู้จัดการเฟิงยังคงหน้าบึ้งอยู่?
เฝิงหยู่กำลังพูดพึมพำกับตัวเองและคำนวณการขาดทุนของเขา เมื่อคาเมดะ มาซาโอะถามเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ถ้าตอนนี้เราออกหุ้นน้อยลงและตั้งราคาสูงขึ้นล่ะ เราจะได้เงินอีกเท่าไหร่?”
เฝิงหยู่รู้สึกไม่พอใจ และเขาไม่อยากเห็นคนอื่นรู้สึกดีกว่าเขา!
หลังจากได้ยินสิ่งที่เฝิงหยู่พูด คาเมดะ มาซาโอะก็ไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป พวกเขาขาดทุนอย่างมากจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้……