EG บทที่ 729 ถ้าทารกร้องไห้ ก็จะได้กินนม
“ฟาร์มสามารถลงทุนได้ด้วยหรอ?” ใบหน้าของจางรุ่ยเฉียงเกือบบิดเบี้ยว เขาสับสนไปหมดและไม่เข้าใจว่ามันจะได้ผลยังไง
“ทำไมฟาร์มถึงร่วมลงทุนไม่ได้ล่ะครับ? ฟาร์มทุกแห่งเป็นหน่วยงานแยกของแต่ละบุคคลไม่ใช่หรอครับ? บริเวณที่ดิน ผลผลิต และพืชผลเก็บเกี่ยวทั้งหมดล้วนมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ฟาร์มพวกนี้เป็นของรัฐและไม่ได้เป็นของบุคคล แบบนี้พืชผลของพวกเขาก็ถือว่าเป็นเงินทุนในการลงทุนของเกษตรกรได้ กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพื่อซื้อวัตถุดิบและเมื่อมีการขายผลิตภัณฑ์แปรรูป เกษตรกรก็จะได้รับเงินปันผลด้วย”
“ไม่ได้นะครับ……ถ้าฟาร์มลงทุนด้วยผลผลิตเก็บเกี่ยวและพืชผลของพวกเขา ฟาร์มของรัฐพวกนั้นจะทำงานได้ยังไง? พวกเขาจะไม่สามารถจ่ายเงินให้เกษตรกรได้ แล้วจะปล่อยให้ฟาร์มของรัฐเป็นหนี้เกษตรกรงั้นหรอ” เลขาหลิวถาม
“นั่นคือปัญหาของกระทรวงเกษตรรัฐและการปรับปรุงที่ดิน พวกเขาจะคิดหาทางออกเอง กระทรวงสามารถขอรับเงินทุนจากรัฐบาลกลาง เงินกู้ธนาคารหรือรับเงินอุดหนุนช่วยเหลือต่างๆ ได้ คุณก็น่าจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ฟาร์มของรัฐจะใช้เฉพาะผลผลิตเก็บเกี่ยวในปีแรกเพื่อมาลงทุนเท่านั้น ตั้งแต่ปีที่สองเป็นต้นไป สินค้าจะถูกขายและบริษัทจะมีเงินเพื่อซื้อวัตถุดิบ ด้วยวิธีนี้กลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินทุนจัดตั้งและยังจะได้รับการจัดหาวัตถุดิบอย่างต่อเนื่องด้วย”
จางรุ่ยเฉียงจุดบุหรี่ เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ส่งบุหรี่ให้เลขาหลิว เลขาหลิวรับบุหรี่ด้วยมือทั้งสองข้างและหันหลังให้จางรุ่ยเฉียงเพื่อจุดบุหรี่
เฝิงหยู่มองหน้าชายทั้งสองคนที่อยู่ต่อหน้าเขา พวกเขากำลังใช้ความคิดอย่างหนักและไม่สนใจเขาเลย
ให้ตายสิ ตอนที่ผมเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เมื่อชาติที่แล้ว ผมเป็นคนที่สูบบุหรี่หนักมาก ทำไมตอนนี้แค่กลิ่นบุหรี่ผมถึงกับทนไม่ได้? ช่างทรมานจริงๆ ที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางชายสูบบุหรี่สองคนนี้
ครั้งต่อไปผมต้องนำซิการ์มาเองบ้างล่ะ ถ้าพวกเขาเริ่มสูบบุหรี่ ผมจะสูบซิการ์บ้าง มาดูกันว่าใครสามารถทนควันได้เก่งกว่ากัน!
หลังจากสูบบุหรี่เสร็จสิ้น จางรุ่ยเฉียงเงยหน้าขึ้นมองเฝิงหยู่ “แล้วเงินที่เหลือล่ะ? เราจะแก้ปัญหายังไง?”
“ก็รายงานไปยังผู้นำระดับสูงสิครับ จังหวัดหลงเจียงกำลังจะเป็นจังหวัดเกษตรกรรมที่สำคัญที่สุดของประเทศจีน เกษตรกรรมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศจีน พวกคุณทุกคนกำลังปูทางให้สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรในอนาคต รัฐบาลกลางจะไม่สนับสนุนงั้นหรอ? การสนับสนุนของรัฐบาลเป็นเพียงคำพูดอย่างเดียวเท่านั้นหรอ? พวกเขาควรให้การสนับสนุนทางการเงินด้วยไม่ใช่หรอ?” เฝิงหยู่เกลือกตา เรื่องรับเงินจากผู้นำระดับสูง พวกคุณน่าจะรู้ดีมากกว่าผมนะ
“คุณกำลังจะบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องตั้งงบเงินทุนใดๆ และจะสามารถจัดตั้งบริษัทนี้ได้โดยการใช้เพียงแค่ข้อเสนอเท่านั้นหรอ?” ดวงตาของจางรุ่ยเฉียงเบิกโต
“มันเป็นเรื่องแปลกใหม่ตรงไหนหรอครับ? ผมก็แค่เสนอความคิดให้คุณฟัง คุณยังคิดว่าผมโกหกคุณอยู่อีกหรอ? รัฐบาลควรให้เงินทุนไม่ใช่หรอ? บริษัทแห่งนี้จะเป็นโครงการนำร่อง แล้วโครงการนำร่องไม่ควรได้รับเงินทุนจากประเทศและได้รับการสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาลหรอครับ? อีกอย่าง นี่ไม่ใช่บริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาลอยๆ เราได้กำหนดช่องทางการจัดจำหน่ายเอาไว้แล้ว”
“เราจัดตั้งช่องทางการจัดจำหน่ายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” จางรุ่ยเฉียงสับสน พวกเขายังไม่ได้เริ่มจัดตั้งกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉางเลยด้วยซ้ำ และคุณมาอ้างว่ามีการจัดตั้งช่องทางการจัดจำหน่ายแล้วเนี่ยนะ? คุณกำลังจะบอกให้ผมไปโกหกพวกผู้นำระดับสูงงั้นหรอ?
เฝิงหยู่ตบเบาๆ ที่หน้าอกตัวเอง “ผมจะเป็นคนดูแลสินค้าทั้งหมดของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง ผมรับประกันผลกำไรของกลุ่มบริษัทเป่ยต้าฉาง ผมกล้ารับประกันว่าถ้าสินค้านั้นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ จะไม่ทางที่สินค้าจะเหลือทิ้งไว้บนชั้นวางของแน่นอน และการชำระเงินก็จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผมสามารถช่วยสร้างแบรนด์ให้ได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายครับ”
เฝิงหยู่แสดงสีหน้าให้จางรุ่ยเฉียงเห็นราวกับว่า “ผมช่วยคุณตั้งเยอะ เร็วเข้า ชมผมหน่อยสิ!” แต่จางรุ่ยเฉียงกลับเกลือกตามองบน
“คุณจะดูแลสินค้าทั้งหมดเนี่ยนะ? คุณจะมาควบคุมการกระจายสินค้าของบริษัทล่ะสิไม่ว่า นั่นคือเส้นเป็นเส้นตายของบริษัท เราจะมอบหมายให้คุณจัดการได้ยังไง?” จางรุ่ยเฉียงถาม
“โอเค งั้นคุณอยากจัดตั้งช่องทางการจัดจำหน่ายด้วยตัวเองใช่มั้ยครับ? แม้ว่าผมจะให้เวลาพวกคุณ 3 ปี พวกคุณก็ไม่มีทางจัดตั้งช่องทางการจัดจำหน่ายได้ถึง 50% ของช่องทางที่ผมมีอยู่ในตอนนี้หรอก ผมยังสามารถส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศได้ เช่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกา คุณสามารถทำแบบนั้นได้หรือเปล่า? จะถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากหากคุณสามารถสินค้านอกจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ แบรนด์ของเหล้าขาว นมผง และสินค้าอื่นๆ ที่คุณพูดถึงก่อนหน้านี้จะสามารถนำไปขายได้ไกลสุดก็แค่ในจังหวัดเหลียวเท่านั้นหรอ?” เฝิงหยู่พูดพร้อมกับกอดอก เขานั่งไขว้ห้างและจงใจกระดิกเท้า เขาแสดงสีหน้ารำคาญ
จางรุ่ยเฉียงเงียบ สิ่งที่เฝิงหยู่พูดคือความจริง หากรัฐบาลจังหวัดมีช่องทางการจัดจำหน่ายของเฝิงหยู่ เศรษฐกิจของหลงเจียงก็จะดีที่สุดในประเทศจีน พวกเขาไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งกับรัสเซียได้
แต่บริษัทการค้าไท่หัวของ เฝิงหยู่นั้นแตกต่างออกไป นอกจากผลผลิตทางการเกษตรแล้ว การส่งออกทั้งหมดของทั้งจังหวัดไปยังรัสเซียยังไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับบริษัทการค้าไท่หัวได้เลย!
นอกจากนี้ เฝิงหยู่ยังสามารถขายสินค้าล่าสุดของเขาได้ทั่วประเทศจีนและในต่างประเทศภายในเวลาอันสั้น ไม่มีทางที่รัฐบาลระดับจังหวัดจะสามารถทำได้ อีกอย่าง หากพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากเฝิงหยู่ พวกเขาสามารถรายงานให้ผู้นำระดับสูงฟังได้ว่าบริษัทจะไม่มีปัญหาเรื่องยอดขายของพวกเขา พวกเขาเพียงแค่ต้องจัดตั้งโรงงานและเริ่มการผลิตเท่านั้น
“แม้ว่าเราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปัญหาการขาย แต่ผู้นำระดับสูงจะยอมเห็นด้วยเพียงเพราะแค่เหตุผลนี้หรือเปล่า? จะทำยังไงถ้าพวกเขาอนุมัติให้เงินแค่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น?” จางรุ่ยเฉียงถาม
“คุณเคยได้ยินคำพูดว่าถ้าทารกร้องไห้ ก็จะได้กินนมหรือเปล่า? การได้รับเงินทุนแบบนี้จากผู้นำระดับสูงนั้นขึ้นอยู่กับเส้นสายและข้อเสนอของคุณ เส้นสายจะขึ้นอยู่กับพวกคุณทุกคน ผมเชื่อว่าผู้นำในรัฐบาลระดับจังหวัดจะต้องมีเส้นสายกับผู้นำระดับสูง สำหรับข้อเสนอนั้นก็จะขึ้นอยู่กับว่าพวกคุณจะพูดให้เห็นภาพสวยงามได้ขนาดไหน”
ถ้าทารกร้องไห้ ก็จะได้กินนม? นี่มันตรรกะอะไรกัน?!
แต่หลังจากที่จางรุ่ยเฉียงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง มันก็เหมือนกับที่เฝิงหยู่พูดจริงๆ โดยปกติหากผู้นำไม่ได้ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับผู้นำระดับสูง พวกเขาจะไม่ได้รับนโยบายดีๆ ที่ออกโดยรัฐบาลกลาง แต่การเปรียบเทียบแบบนี้ฟังดูแล้วแย่เกินไป
นอกจากนี้ การพูดให้เห็นภาพสวยงามจากข้อเสนองั้นหรอ? ฟังดูเหมือนว่าพวกเขากำลังพยายามหลอกพวกผู้นำระดับสูงยังไงยังงั้น
“เราจะจัดการเรื่องหารติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ในรัฐบาลกลางเอง แล้วเราควรเขียนข้อเสนอยังไงดี?” จางรุ่ยเฉียงถาม
“เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณด้วยเช่นกัน ผมไม่ใช่คนที่จัดการบริษัทนี้ ผมไม่จำเป็นต้องเขียนข้อเสนอนี้ให้กับพวกคุณ จริงมั้ย? เว้นแต่ว่า……พวกคุณยอมมอบหุ้นให้ผมบางส่วน!”
“หวังมากเกินไปละ! คุณอยากได้หุ้นจากการเขียนข้อเสนองั้นหรอ? คุณรวยมากขนาดนี้แล้ว ปล่อยให้คนอื่นบ้างเหอะ” จางรุ่ยเฉียงด่า เฝิงหยู่ไม่ใช่คนโลภเรื่องเงินเนื่องจากเขาบริจาคเงินจำนวนมากทุกปี แต่เด็กเหลือขอคนนี้ต้องการหุ้นในธุรกิจอะไรก็ตามที่ทำกำไรได้ และพยายามใช้ประโยชน์จากทุกเรื่อง
“เห็นมั้ยครับ…เราช่างต่างกันจริงๆ คุณไม่รู้วิธีเขียนข้อเสนอและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริษัทจะดำเนินการอย่างไร ผมเป็นคนที่เสนอความคิดทั้งหมดให้คุณ คุณรู้หรือเปล่าว่าในประเทศอื่นๆ มีบริษัทที่ปรึกษาซึ่งเชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะด้วย? พวกเขาเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการให้คำปรึกษาและราคาก็แพงมาก ทำไมผมจะขอเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการให้คำปรึกษาทั้งหมดนี้บ้างไม่ได้ล่ะครับ? คุณรู้หรือเปล่าว่าบริษัททางภาคใต้มีที่ปรึกษาด้วยนะ? เงินเดือนของที่ปรึกษานั้นสูงกว่าผู้จัดการทั่วไปในบางบริษัทอีก!”
“มันเป็นไปไม่ได้ คุณคิดว่าผู้นำระดับสูงจะเห็นด้วยหรอถ้ามีบุคคลธรรมดามาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทนี้?”
“คุณกำลังจะบอกว่าผมควรทำงานให้ฟรีๆ และไม่ได้อะไรตอบแทนงั้นหรอครับ? พี่หลิว ดูหัวหน้าของคุณสิ ถ้าเขาทำธุรกิจ ผมแน่ใจว่าเขาจะไม่มีเพื่อนแน่นอน!” เฝิงหยู่บ่นกับเลขาหลิว
เลขาหลิว “……” ผู้จัดการเฝิง ผมขอร้องล่ะ คุณเลิกวิจารณ์หัวหน้าผมต่อหน้าผมได้ไหม? คุณทำให้ดูเหมือนว่าเรากำลังนินทาผู้นำของผมกันอยู่ คุณกำลังพยายามทำให้ผมมีปัญหางั้นหรอ?
“คุณช่วยเราเรื่องข้อเสนอและผมจะให้เงินอุดหนุนช่วยเหลือแก่บริษัทอาหารแปรรูปหัวไท่หัว แบบนี้โอเคมั้ย?” จางรุ่ยเฉียงตอบด้วยความโกรธ
“อ่า…… ค่อยยังชั่วหน่อย มาครับพี่หลิว เราจะเริ่มพูดคุยกันตอนนี้เลย แล้วคุณช่วยจดบันทึกไว้ด้วยนะครับ” เฝิงหยู่รู้สึกดีขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำสัญญาของจางรุ่ยเฉียง