EG บทที่ 691 โลกตกตะลึง
“รีบเปิดทีวีเร็วครับ เปลี่ยนเป็นช่องสถานีโทรทัศน์ CCTV หรือช่องอะไรก็ได้ที่กำลังออกอากาศข่าว!” ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในป้อมยามของโรงงานและตะโกนบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีโทรศัพท์ขาวดำขนาด 14 นิ้ว นอกเหนือจากป้อมยาม ไม่มีโทรทัศน์เครื่องอื่นอีกแล้วในโรงงาน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น และมีชายหนุ่มมากกว่าสิบสองคนวิ่งกรูเข้ามาในป้อมยาม พวกเขาหายใจหอบและดูเหมือนว่าตั้งใจที่จะวิ่งจากที่ไกลเพื่อมาที่นี่โดยเฉพาะ
เกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มพวกนี้ ตอนนี้พวกเขาไม่ทำงานกันเหรอ? ทำไมทุกคนมาดูทีวีที่นี่? เอ๊ะ? นั่นมันหัวหน้าเวิร์คช็อปไม่ใช่หรอ? จบละ ชายหนุ่มพวกนี้จะต้องถูกด่าและถูกหักเงินเดือนแน่ๆ
แต่เมื่อหัวหน้าเดินเข้ามาในป้อมยาม เขาก็รีบบอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดโทรทัศน์
“ทีวีของผมรับสัญญาณได้เฉพาะช่อง CCTV 1 และช่องของโทรทัศน์ประจำจังหวัดของเราเท่านั้นนะครับ ช่องอื่นๆ เช่น สถานีโทรทัศน์ของเมือง ภาพยังไม่ชัดเจนเลยครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าว
“ช่อง CCTV 1 ก็ได้ ตอนนี้กำลังมีประกาศครั้งใหญ่ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกล่าวขอโทษเรา! ฮ่าๆๆๆ รู้สึกดีจัง คนญี่ปุ่นพวกนั้นก็ต้องขอโทษเราด้วย!” ชายหนุ่มหัวเราะ
“อะไรนะ? นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกำลังขอโทษงั้นหรอ? กองทัพของเราจะโจมตีพวกเขาเหรอ?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถามอย่างตื่นเต้น หากจีนต้องไปทำสงครามกับญี่ปุ่น เขาจะเป็นคนแรกที่เข้าร่วมเลย!
“ไม่ได้มีสงครามอะไรทั้งนั้น แต่เป็นบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นที่สร้างมลพิษหนักในประเทศจีน นายกรัฐมนตรีของพวกนั้นออกมากล่าวขอโทษและประกาศว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้เรา ครั้งนี้ชาวญี่ปุ่นจะต้องก้มหัวให้เรา!”
“ถูกต้อง ลุงคนที่สามของผมทำงานในหน่วยงานราชการของเมือง ครั้งหนึ่งมีชาวญี่ปุ่นที่มาที่นี่เพื่อหารือเรื่องการจัดตั้งโรงงานในเมืองของเรา เขาทำทีท่าภาคภูมิใจและหยิ่งจองหองมาก เขาพูดเหมือนกับว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกอย่างนั้นแหละ โชคดีที่เมืองไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของเขา ผมได้ยินมาว่าโรงงานนั้นเป็นโรงงานเคมีด้วย”
“โชคดีที่ผู้นำของเราในรัฐบาลเมืองมองการณ์ไกล หากน้ำในเมืองของเราเกิดมลภาวะขึ้นมา เราทุกคนจะต้องเดือดร้อน”
“ชู่ววว……เงียบๆ หน่อย เขากำลังจะเริ่มกล่าวขอโทษแล้ว!” หัวหน้าตะคอกใส่
“คุณฟังภาษาญี่ปุ่นเข้าใจหรอ?”
“มีล่ามไง แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจ แต่แค่ได้ดูก็รู้สึกดีแล้ว!”
……
“ผมขอเป็นตัวแทนของรัฐบาลญี่ปุ่นออกมากล่าวขอโทษต่อการกระทำของบริษัทของเราบางแห่งในประเทศจีน ขอโทษครับ” โทมิชิ มูรายามะ โค้งคำนับ 90 องศาเป็นเวลา 5 วินาที
แสงแฟลชจากกล้องกระพริบรัวๆ โทมิชิ มูรายามะแทบจะอกแตกตาย! ให้ตายสิ! การเป็นนายกรัฐมนตรีนี่มันช่างยากจริงๆ!
“เรายังคงสอบสวนข้อร้องเรียนของรัฐบาลจีน เราจะไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหา เรายินดีที่จะยอมรับเงื่อนไขที่รัฐบาลจีนกำหนดและจะหารือเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าชดเชย บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้จะต้องถอนตัวออกจากประเทศจีน ผมหวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศของเรา……”
ประธานาธิบดีบิล คลินตันกำลังรับชมการถ่ายทอดสดครั้งนี้อยู่ในทำเนียบขาว
เมื่อเขาเห็นโทมิชิ มูรายามะยอมรับข้อกล่าวหา เขาก็จุดบุหรี่และสูดหายใจเข้าลึกๆ โทมิชิ มูรายามะ เจ้าคนโง่ คุณยอมรับเหตุการณ์นี้และถอนบริษัทพวกนั้นออกจากตลาดจีนได้ยังไง? คุณคิดว่าจีนจะยังร่วมงานกับญี่ปุ่นในอนาคตงั้นหรอ? สิ่งที่คุณควรทำคือการปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดและปฏิเสธที่จะยอมรับทุกเรื่องต่างหาก
พวกคุณควรร้องไห้และอ้างว่าพวกคุณถูกกล่าวโดยไม่มีมูลความจริง แบบนี้เราจะมีโอกาสเข้าไปแทรกแซงและช่วยเหลือพวกคุณทุกคน แน่นอนว่าถ้ามีหลักฐานเพียงพอ เรื่องนี้ก็กลายเป็นอีกเรื่องทันที จากพฤติกรรมของคุณตอนนี้ ดูเหมือนว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดจะเป็นความจริง
ให้ตายสิ เจ้าคนแคระนั้นทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่อีก? ถ้ายังมีเขาอยู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะติดต่อกับประเทศจีน เจ้าคนแคระนั่นเป็นคนหัวแข็งมากและการเจรจาต่อรองกับเขาก็เป็นเรื่องที่ปวดกบาลสุดๆ ไม่มีใครได้รับประโยชน์อะไรทั้งนั้นเวลาที่เจรจากับเขา วิธีการเจรจาของเจ้านั่นก็คือ “ฉันกำหนดเงื่อนไขไว้แล้วและคุณก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่งั้นก็ลืมไปซะเถอะ หรือไม่ก็เราจะทำสงครามกัน”
หลังจากสงครามอ่าวเปอร์เซีย นโยบายของคลินตันคือการรักษาความสงบและใช้สงครามเพื่อโจมตีประธานาธิบดีคนก่อน หากเกิดสงครามขึ้นในระหว่างช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ เขาจะไม่มีโอกาสได้รับการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในอีกสองปี เขาอาจถูกบังคับให้ต้องลงจากตำแหน่งก็ได้!
เยลต์ซินยังรับชมการถ่ายทอดสดแถลงการณ์กล่าวขอโทษที่เครมลินในรัสเซียด้วย
เขายิ้มเยาะเมื่อเขาเห็นโทมิชิ มูรายามะโค้งคำนับ บุคคลนี้เป็นผู้นำประเทศของญี่ปุ่นได้อย่างไรกัน? การกระทำของเขาสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของทั้งประเทศ!
ญี่ปุ่นอยากที่จะร่วมมือกับรัสเซียงั้นหรอ? ฝันไปเถอะ!
แต่ตอนนี้จีนกำลังแข็งแกร่งขึ้นและรัสเซียก็ช่วยจีนไว้เยอะ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเชิญผู้นำชาวจีนมาหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างจีนและรัสเซีย
หืม….ฉันต้องเชิญพวกเขามาก่อน ยิ่งความสัมพันธ์ของรัสเซียกับจีนดีขึ้นมากเท่าไหร่ สหรัฐอเมริกาก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น แบบนี้รัสเซียจะได้มีเวลาในการพัฒนาประเทศ ยังมีผลประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน
ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ก็ได้ดูแถลงการณ์กล่าวขอโทษทางโทรทัศน์ด้วย เขาหัวเราะกับตัวเอง ชาวเกาหลีหลายคนรู้สึกดีเช่นกัน
เคยมีคำกล่าวเมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เกาหลี จีนและญี่ปุ่นจะสามารถมานั่งพูดคุยกันอย่างสงบกันได้อย่างไร? ง่ายมาก เมื่อชาวจีนอยู่กับชาวเกาหลี พวกเขาจะพูดนินทาเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับญี่ปุ่น วิธีนี้ทำให้ทั้งสองชาติกลายเป็นเพื่อนกัน เมื่อชาวจีนอยู่กับชาวญี่ปุ่น พวกเขาก็จะด่าชาวเกาหลี และทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนกัน เมื่อชาวญี่ปุ่นอยู่กับชาวเกาหลี พวกเขาก็ด่าชาวจีนและพวกเขาก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้
ประเทศพวกนี้ต้องการกันและกัน แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดกัน มันเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกมาก
ผู้นำของอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศก็ดูการถ่ายทอดสดด้วยเช่นกัน ญี่ปุ่นยังคงเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ แต่กลับถูกบังคับให้ต้องขอโทษจีนงั้นหรอ? นี่เป็นข่าวใหญ่มาก
บางคนดีใจที่ได้เห็นประเทศญี่ปุ่นทำให้ตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียงในระดับสากล บางคนก็งงจนต้องขมวดคิ้ว จีนสามารถบังคับให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นออกมากล่าวขอโทษพวกเขาต่อสาธารณะได้ด้วยหรอ? ตอนนี้จีนมีอำนาจมากขนาดนั้นเลยหรอ?
ผู้นำหลายคนได้เตรียมจับตาดูประเทศญี่ปุ่นล่วงหน้า แต่พวกเขาไม่ได้คิดว่าจีนจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจีนจะยังไม่พร้อมขาดในหลายๆ ด้าน แต่การพัฒนาก็เป็นไปอย่างรวดเร็วมาก จีนจะพัฒนาอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้าถ้ายังคงเติบโตในอัตรานี้อยู่?
ผู้นำของหลายประเทศคิดว่าพวกเขาควรระงับการพัฒนาของจีนและชะลอความก้าวหน้าของพวกเขาหรือไม่ ผู้นำบางคนรู้สึกว่าพวกเขาควรร่วมมือกับจีนมากขึ้นและพัฒนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างใกล้ชิด แบบนี้ประเทศของพวกเขาจะได้รับประโยชน์เมื่อประเทศจีนพัฒนา
ชาวจีนเป็นกังวลเรื่องชื่อเสียงของพวกเขา หากประเทศไหนเป็นเพื่อนกับจีน จีนจะเลือกที่จะไม่ทะเลาะกับประเทศนั้น เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะเริ่มหาเรื่องก่อน ดูเหมือนว่าถึงเวลาแล้วที่จะยกเลิกข้อจำกัดบางอย่างกับจีน
……
เฝิงหยู่และคนอื่นๆ ก็กำลังดูการถ่ายทอดสดในห้องประชุมด้วย มีคำพูดมากมายระหว่างการขอโทษและไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่พูด แต่เห็นได้ชัดว่าญี่ปุ่นแสดงความจริงใจต่อการขอโทษครั้งนี้และเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศญี่ปุ่นก็เป็นตัวแทนของประเทศจีนในการยอมรับคำขอโทษ ในขณะเดียวกัน เขาก็ประกาศว่าเจ้าหน้าที่จีนบางคนจะบินไปญี่ปุ่นเพื่อเจรจาเรื่องค่าชดเชย
ทัศนคติของเอกอัครราชทูตจีนหยิ่งยโสมาก เขาทำตัวเหมือนเป็นผู้ชนะและคนญี่ปุ่นจำนวนมากก็ทำได้แค่ก้มหัวให้เขา ชาวญี่ปุ่นบางคนที่มีหัวรุนแรงเริ่มออกมาประท้วงและต้องการให้โทมิชิ มูรายามะออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่นผู้ยิ่งใหญ่จะมาก้มหัวขอโทษจีนได้อย่างไรกัน?!
แต่ตอนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว แถลงการณ์กล่าวขอโทษครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
คราวนี้ญี่ปุ่นพ่ายแพ้แล้ว!