EG บทที่ 689 การตัดสินใจของโทมิชิ มูรายามะ
โทมิชิ มูรายามะ อึ้งไปเลยเมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงของคำว่า “ไม่ว่าง” ตั้งแต่วันที่เขามาเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ยังไม่มีใครเคยวางหูโทรศัพท์ใส่เขาเลย
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นข้าราชการชั้นนำของประเทศใหญ่ก็ตาม แต่โทมิชิ มูรายามะ ก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี เขารู้สึกเหมือนถูกดูถูก!
แต่แม้ว่าโทมิชิ มูรายามะ จะถูกดูถูก แต่เขาจะไปทำอะไรได้? แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งนั้น เพราะสุดท้ายแล้วเหตุการณ์นี้เป็นความผิดของญี่ปุ่นและไม่มีทางที่จะไปโต้เถียงกับจีน
โทมิชิ มูรายามะ อยากบีบคอประธานของบริษัทพวกนั้นจริงๆ คนพวกนั้นดึงทั้งประเทศให้ลงมาตกต่ำแบบนี้ ทำให้เขาต้องมามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อาชีพทางการเมืองของเขาอาจจะจบลงเพราะเหตุการณ์นี้ก็ได้!
“ติดต่อประธานของโตชิบ้า โซนี่ ไพโอเนียร์ ชาร์ป และบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แล้วขอให้ประธานของมิตซูบิชิ มิตซุย ซูมิโตโม และบริษัทเคมีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาที่นี่ทันที!”
เรื่องปวดหัวหนักสุดของโทมิชิ มูรายามะในตอนนี้ก็คือความต้องการของกำปั้นเหล็กจูที่อยากได้รับคำขอโทษจากรัฐบาลญี่ปุ่นและอย่างน้อยนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ออกแถลงการณ์กล่าวขอโทษ
หากโทมิชิ มูรายามะต้องขอโทษในฐานะนายกรัฐมนตรี คนจะมองเขาอย่างไร? เขาจะเดินตามรอยเท้านายกรุ่นก่อนและถูกบีบบังคับให้ลาออกหรือเปล่า?
ช่วงนี้โทมิชิ มูรายามะรู้สึกว่าเขาทำผลงานได้ดี เศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีสัญญาณที่จะฟื้นตัว แม้ว่าจะยังห่างไกลจากจุดสูงสุดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเมื่อปีที่แล้ว
หากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เขาอาจสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ช่วยเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้ฟื้นตัวขึ้นมาได้ เขาจะเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นทุกคนและครอบครัวรุ่นต่อไปของเขาจะมีอนาคตไกล
แต่ตอนนี้ทุกความฝันพวกนี้พังทลายไปหมด เหมือนกับตัวต่ออาคารที่พังลงมา โทมิชิ มูรายามะพยายามต่อตัวต่อจนได้ตึกสูง และทันใดนั้นก็มีเด็กมาวิ่งชนจนทุกอย่างโค่นล้มหมด!
บริษัทพวกนั้นที่ทำให้ญี่ปุ่นเสื่อมเสียชื่อเสียงจะต้องจ่ายเงิน แม้ว่าโทมิชิ มูรายามะจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป แต่เขาจะต้องไม่ถูกตำหนิจากเหตุการณ์ครั้งนี้
“ท่านนายกรัฐมนตรีครับ เราไม่เคยต้องกล่าวขอโทษมาก่อน ถ้าคุณขอโทษ จะยิ่งทำให้เกิดกระแสกับผู้คนตามมา ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ก้าวหน้ากว่าจีน เราจะไปโค้งคำนับให้พวกนั้นได้อย่างไรกัน? นอกจากนี้ เรายังเคยครอบครองจีนในอดีต ถ้าไม่ได้เป็นเพราะระเบิดปรมาณู เราก็คงกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้วตอนนี้ เราอาจได้เป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกด้วยซ้ำ!”
“คุณคิดอย่างนั้นหรอ?” โทมิชิ มูรายามะมองที่ปรึกษาคนนั้นอย่างเย็นชา ความคิดแบบนี้ช่างโง่เขลาเสียจริง!
“ผมขอคัดค้านครับ ผมว่าเราควรจะขอโทษ ไม่มีทางที่เราจะห้ามจีนไม่ให้เติบโตและเรายังต้องอาศัยตลาดของจีนเพื่อให้เศรษฐกิจของเราฟื้นตัว การพัฒนาอย่างรวดเร็วของจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เป็นเรื่องที่ทั้งโลกไม่ควรมองข้าม หากเราไม่ได้เข้าสู่ตลาดจีน เศรษฐกิจของเราก็จะยังไม่แสดงสัญญาณฟื้นตัว ถ้าเราไม่ขอโทษ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริง คุณคิดว่าคุณจะไม่ถูกบีบบังคับให้ต้องก้าวลงจากตำแหน่งหรอครับ?” ที่ปรึกษาอีกคนพูด
“ผมก็คิดว่าเราควรขอโทษนะครับ ถ้าเราขอโทษ เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน หากเราสามารถลงนามในสนธิสัญญาการค้าหรือข้อตกลงความร่วมมือกับจีนได้ ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจของเราฟื้นตัวได้เร็วขึ้น บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้มีเพียงไม่กี่ราย และเรายังมีบริษัทอื่นๆ อีกมากมายในญี่ปุ่น เราสามารถปล่อยให้บริษัทที่เกี่ยวข้องพวกนั้นถอนตัวออกจากจีนและขายโรงงานในจีนให้แก่บริษัทญี่ปุ่นอื่นๆได้ แบบนี้ญี่ปุ่นจะสามารถทำกำไรได้และยังสามารถแก้ไขภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นได้ด้วย หากเราไม่ขอโทษ ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับจีนจะเกิดความบาดหมางและก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทอื่นๆ ของเราจะเติบโตในประเทศจีน บริษัทพวกนั้นที่เกี่ยวข้องอาจต้องถูกหน่วยงานรัฐบังคับให้ปิดโรงงาน และเราจะแพ้คดีนี้ในศาลระหว่างประเทศ นี่คือเรื่องจริงและเราต้องเผชิญกับมัน”
โทมิชิ มูรายามะ รู้สึกดีขึ้นเมื่อเขาได้ยินที่ปรึกษาพูดแบบนี้ ระงับการดำเนินงานของบริษัทบางแห่งและให้การสนับสนุนบริษัทบางส่วนงั้นหรอ? นี่เป็นทางออกที่ดีมาก เขาสามารถให้บริษัทที่เกี่ยวข้องพวกนั้นขายโรงงานของพวกเขาและให้บริษัทญี่ปุ่นอีกแห่งใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าสู่ตลาดจีน ตราบใดที่บริษัทแห่งใหม่ใช้มาตรการเพื่อป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อม พวกเขาจะสามารถทำกำไรต่อไปได้ วิธีนี้จะช่วยให้โทมิชิ มูรายามะสามารถดึงองค์กรขนาดใหญ่ให้มาอยู่ข้างเขาได้ ในรัฐสภา สมาชิกจำนวนมากได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพวกนี้ หากโทมิชิ มูรายามะ ได้รับการสนับสนุนจากพวกนั้น ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสำหรับเขาที่จะรักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
แต่ถ้าญี่ปุ่นต้องขอโทษ เขาควรจะขอโทษอย่างไรดี? ญี่ปุ่นต้องขอโทษในระดับไหน? เรื่องนี้จะต้องมีการหารืออย่างละเอียด
……
“นี่คือการตัดสินใจของผมครับ พวกคุณทุกคนต้องทำตามคำสั่ง!” โทมิชิ มูรายามะพูดอย่างหนักแน่น
“ทำไมครับ? คุณเป็นใครถึงมาตัดสินใจแทนพวกเราได้? เราไม่มีปัญหาสำหรับเรื่องการเพิ่มโรงงานบำบัดของเสีย แต่เราไม่เห็นด้วยที่จะต้องจ่ายเงินชดเชยพวกเขา ประเทศจีนระงับบัญชีธนาคารของเราในประเทศจีน ในฐานะนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแทนที่คุณจะช่วยให้เราได้เงินคืนกลับมา แต่คุณกลับต้องการให้เราจ่ายเงินให้กับจีนมากขึ้นงั้นหรอ?”
ประธานพวกนี้ที่มาจากองค์กรขนาดใหญ่นั้นไม่ใช่พวกที่จะคุยด้วยได้ง่ายๆ พวกเขาทุกคนมีอำนาจควบคุมสินทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐและมีพนักงานนับหมื่นคน บางบริษัทมีพนักงานมากกว่า 100,000 คน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็ถูกปรับเปลี่ยนบ่อยและประธานพวกนี้ดำรงอยู่ในตำแหน่งของพวกเขามานานหลายทศวรรษ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในรัฐสภาและพวกเขาก็ไม่กลัวนายกรัฐมนตรี การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของพวกเขา!
“ผมเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และเป็นตัวแทนของรัฐบาล พวกคุณทำให้ชื่อเสียงของญี่ปุ่นเสื่อมเสียและสร้างวิกฤตให้กับบริษัทญี่ปุ่นทั่วโลก! พวกคุณทุกคนจะไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ก็ได้ แต่ก็เตรียมรับมือได้ว่าว่า บริษัทที่เหลือจะต้องพุ่งเป้ามาที่พวกคุณแน่ๆ พวกคุณทุกคนอาจได้รับการสนับสนุนจากบางคนในรัฐสภา แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนน้อย พวกคุณได้สร้างผลกระทบครั้งใหญ่ต่อผลกำไรของผู้คนจำนวนมาก!” โทมิชิ มูรายามะ พูดอย่างหนักแน่น
“แม้ว่าในกรณีนี้เราจะจ่ายค่าชดเชยให้จีนแล้วก็ตาม แต่ทำไมเราต้องขายโรงงานของเราในประเทศจีนให้คนอื่นในอัตราที่ต่ำแบบนี้ด้วยล่ะ? อัตราที่คุณพูดมานั้นเทียบเท่ากับให้โรงงานไปแบบฟรีๆ เลยนะ แม้ว่าเราจะต้องถอนตัวออกจากจีน แต่อุปกรณ์ในโรงงานก็ยังสามารถขายได้ในราคาที่สูงอยู่นะครับ!”
“หากคุณไม่ทำแบบนี้ คุณจะแสดงความจริงใจได้อย่างไรกัน? คุณจะให้ผู้คนเชื่อพวกคุณต่อไปได้อย่างไร? นี่คือวิกฤต พวกคุณทุกคนควรตระหนักถึงความร้ายแรงของวิกฤติครั้งนี้ การปิดโรงงานพวกนั้นอาจทำให้เกิดการขาดทุนบางส่วน แต่ในอนาคต พวกคุณทุกคนยังมีโอกาสได้รับเงินคืนจากเงินที่คุณเสียไป นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะบอก ไหนลองบอกการตัดสินใจของคุณให้ผมฟังหน่อยสิครับ”
ทันใดนั้นประธานของโซนี่กล่าวว่า “ทางโซนี่จะออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชน แต่เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการชดเชยเงินเนื่องจากเราไม่ได้มีโรงงานในประเทศจีน โรงงานของเราในส่วนอื่นๆ ของโลกไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เราจะยังคงบริจาคเงินให้เป็นการช่วยเหลือ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ยังมีงานอีกมากรอผมอยู่”
ประธานคนอื่นๆ ที่เหลือได้แต่ตะลึง ให้ตายสิ! คุณออกตัวอย่างชัดเจนว่าเห็นด้วยไปแล้วแบบนั้น แล้วพวกเราล่ะ?