EG บทที่ 688 เงื่อนไขของกำปั้นเหล็กจู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผู้อำนวยการฟางเคาะประตูและเข้าไปในห้องทำงาน กำปั้นเหล็กจูถามโดยไม่เงยหน้าขึ้น “มีเรื่องอะไร?”
“ท่านประธานครับ สำนักนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้ส่งคำเชิญมาถึงท่าน พวกเขาต้องการเชิญท่านไปเยี่ยมชมญี่ปุ่นครับ” ผู้อำนวยการฟางตอบ
“ไม่ไป บอกพวกเขาไปว่าผมยุ่ง”
“ครับผม”
นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น โทมิชิ มูรายามะ กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงานของเขา ญี่ปุ่นจะต้องเผชิญกับวิกฤติการเงินอีกแล้วหรอ? คราวนี้ต่างจากครั้งก่อน วิกฤติคราวนี้มีสาเหตุมาจากข่าวเชิงลบและทำให้บริษัท ญี่ปุ่นทั่วโลกขาดความน่าเชื่อถือ วิกฤตการณ์ครั้งนี้อาจทำให้บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งล้มละลายได้
ตอนนี้ต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ก่อนที่จะเลวร้ายลงไปมากกว่านี้ สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาต้องได้รับการจัดการเป็นอย่างดี ถ้ารัฐบาลจีนสามารถออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด ปัญหาส่วนใหญ่ก็จะได้รับการแก้ไข แต่รัฐบาลจีนจะต้องมีเงื่อนไขที่โหดแน่นอน ญี่ปุ่นจะต้องเจอกับความสูญเสียอย่างหนักในครั้งนี้
แต่โทมิชิ มูรายามะ ไม่ได้คิดว่าคำเชิญของเขาจะถูกปฏิเสธจากรัฐบาลจีน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจีนไม่ได้อยากมาญี่ปุ่นหรอกหรอ? ทำไมพวกเขาถึงปฏิเสธคำเชิญอย่างเป็นทางการของเขาล่ะ?
โทมิชิ มูรายามะ รีบบอกให้คนของเขาติดต่อกำปั้นเหล็กจูทันที เขาต้องการพูดคุยกับกำปั้นเหล็กจูและบอกเขาว่าถ้าจีนไม่เต็มใจส่งนักการทูตไปญี่ปุ่น เขาก็สามารถมาไปที่ประเทศจีนแทนได้
“คุณจูครับ ผมอยากเชิญคุณเป็นตัวแทนของประเทศจีนเพื่อมาเยี่ยมชมญี่ปุ่นจริงๆ นะครับ เราสามารถร่วมมือทางเศรษฐกิจกันได้ในหลายๆ ด้าน เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือทางทหารด้วยก็ได้!” โทมิชิ มูรายามะ แสดงความจริงใจอย่างเต็มที่ ความร่วมมือทางทหารสามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะเบื้องหลังเท่านั้น มิเช่นนั้นสหรัฐเมริกาจะเข้ามาแทรกแซง
“จีนเป็นประเทศที่เป็นกลางและจะไม่เข้าร่วมสงคราม เราไม่จำเป็นต้องมีความร่วมมือทางทหารกับญี่ปุ่น สำหรับเศรษฐกิจของเราตอนนี้ก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดีและเราไม่ต้องการความร่วมมือกับญี่ปุ่นใดๆ ทั้งนั้น นอกจากนี้ เราไม่สนใจบริษัทญี่ปุ่นของคุณด้วย” กำปั้นเหล็กจูตอบปฏิเสธอย่างราบเรียบ
ปฏิเสธงั้นหรอ? กำปั้นเหล็กจูปฏิเสธข้อเสนอสำหรับความร่วมมือของญี่ปุ่น! กองทัพอากาศและกองทัพเรือของญี่ปุ่นมีอาวุธที่ทันสมัยมากกว่าจีน โทมิชิ มูรายามะ คิดว่ากำปั้นเหล็กจูจะสนใจ แต่เขากลับปฏิเสธข้อเสนอนี้!
เหตุผลที่ให้ก็เป็นเรื่องตลกมาก จีนยังคงมีส่วนร่วมอยู่ในสงครามในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้อยู่เลย แถมยังมีการต่อสู้เล็กน้อยยิบย่อยอีกจำนวนมาก การต่อสู้พวกนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นการมีส่วนร่วมในสงครามงั้นหรอ?
“คุณจูครับ ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีมากมายที่ทันสมัยที่สุดในโลก เราสามารถตั้งโรงงานหุ้นส่วนร่วมกันในประเทศจีนได้และเราจะถ่ายทอดเทคโนโลยีพวกนั้นให้คุณ แบบนี้จะช่วยยกระดับเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมจีน และเป็นเรื่องที่ดีต่อการพัฒนาของจีนด้วยนะครับ”
“ผมขอโทษครับ แต่เราไม่สนใจที่จะร่วมงานกับบริษัทที่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและเพิกเฉยต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน นอกจากนี้ เราจะบีบให้โรงงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับญี่ปุ่นออกไปจากจีน เราไม่ต้อนรับบริษัทพวกนี้ให้มาตั้งโรงงานในประเทศจีน” กำปั้นเหล็กจูตอบอย่างตรงไปตรงมา
โทมิชิ มูรายามะ ตกใจมากเมื่อได้ยินแบบนี้ “คุณจูครับ ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย เราร่วมงานกันมาเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ถ้าทุกบริษัทของเราถูกถอดถอนออกจากประเทศจีน จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของจีนนะครับ คุณควรคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย”
ล่ามแปลสิ่งที่โทมิชิ มูรายามะ พูดให้กำปั้นเหล็กจูฟัง และสีหน้าของกำปั้นเหล็กจูก็แสดงความไม่พอใจทันที โทมิจิ มูรายามะกำลังข่มขู่เขา!
แต่จีนไม่เคยยอมกับการข่มขู่พวกนี้ แม้ว่าพวกเขาจะต้องไปทำสงครามก็ตาม แต่จีนก็ไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น!
“พวกคุณอยากถอนตัวออกจากประเทศจีนหรอครับ? งั้นดีเลยครับ เรายินดีมากที่พวกคุณจะออกไปจากจีน บางทีคุณอาจยังไม่รู้ว่าสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และประเทศอื่นๆ ได้ติดต่อเรามาแล้ว พวกเขาต้องการที่จะร่วมมือกับเราหลายด้านเลย การพัฒนาทางอุตสาหกรรมก็รวมอยู่ในความร่วมมือพวกนี้ด้วย เศรษฐกิจของเราอาจได้รับผลกระทบเล็กน้อย แต่เราก็ยังรับได้ครับ อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นแข็งแกร่งก็จริง แต่เรายังสามารถเติบโตและพัฒนาได้โดยที่ไม่มีอุตสาหกรรมของคุณนะครับ”
เมืองอุตสาหกรรมเก่าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการพัฒนาเป็นอย่างดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อดีตผู้เชี่ยวชาญของสหภาพโซเวียตหลายคนยังทำงานอยู่ที่นั่นและเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาขึ้นทั้งหมดนี้ก็เป็นของจีน ซึ่งต่างกับบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้น ชาวจีนทำงานให้พวกเขาและเทคโนโลยีทั้งหมดที่พัฒนาขึ้นก็ตกเป็นของญี่ปุ่น แค่นี้ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลควรสนับสนุนฝ่ายไหน
ยินดีงั้นหรอ? จีนยินดีที่จะให้บริษัทญี่ปุ่นถอนตัวออกจากจีนหรอ? เป็นไปได้ยังไงกัน?! บริษัทญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน รัฐบาลจีนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?!
โทมิชิ มูรายามะ รู้ว่าไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาลจีนโมโห แต่เป็นเพราะรัฐบาลจีนรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่บริษัท ญี่ปุ่นจะถอนตัวออกจากประเทศจีน หากบริษัทญี่ปุ่นถอนตัวออกไปจริง ญี่ปุ่นจะต้องเจอกับความสูญเสียมากขึ้นไปอีก
การถอนตัวจากจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน แต่ด้วยการลงทุนของญี่ปุ่น จะยังทำให้มีการลงทุนจากประเทศอื่นๆ เข้ามา นอกจากนี้ ยังจะมีโรงงานและแรงงานที่มีทักษะเหลืออยู่ สิ่งเหล่านี้จะดึงดูดนักลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากขึ้น
ญี่ปุ่นจะสูญเสียตลาดจีนที่กว้างใหญ่ พวกเขาจะไม่มีแรงงานต้นทุนต่ำและหากไม่มีโรงงานพวกนี้ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็จะต้องแย่ลงมากขึ้นไปอีก
เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นจะต้องสร้างโรงงานใหม่ที่อื่น ซึ่งจะใช้เวลานานและการขาดทุนของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ความพยายามทั้งหมดในการพัฒนาตลาดจีนจะสูญเปล่าโดยทันที
เศรษฐกิจของจีนสามารถรับมือกับการโจมตีแบบนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ชาวจีนยากจนมาหลายทศวรรษแล้ว พวกเขารับได้ที่จะรออีก 1 หรือ 2 ปี แต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเพิ่งพังลงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นถึง 7-8 ครั้ง หากบริษัทญี่ปุ่นต้องถอนตัวจากประเทศจีน โทมิชิ มูรายามะ จะต้องลงจากตำแหน่งในไม่ช้าแน่ๆ!
โทมิชิ มูรายามะ ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เขายังมีเรื่องทางการเมืองอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นเลย ยิ่งเขาอยู่ในอำนาจนานเท่าไหร่ ประโยชน์ที่เขาจะได้รับเมื่อเขาเกษียณก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เขายังต้องอยู่ในอำนาจต่อไปเพื่อให้ครอบครัวของเขาได้พัฒนาและยกระดับมากขึ้นกว่านี้
“คุณจูเข้าใจผิดแล้วครับ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมหมายถึง สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือผมจะปล่อยให้บริษัทที่สร้างความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมออกจากประเทศจีน บริษัทที่เหลือจะเพิ่มการลงทุนในจีน เราสามารถร่วมมือกันในหลายพื้นที่และเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกันได้ครับ”
โทมิชิ มูรายามะ ยอมแล้ว แต่กำปั้นเหล็กจูไม่สนใจ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่เรื่องพวกนี้ เขารอเวลามานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำขอโทษออกจากปากโทมิชิ มูรายามะ เลย
“จริงหรอครับ? งั้นอาจเป็นข้อผิดพลาดจากการแปลภาษาก็ได้ แต่บริษัทพวกนั้นที่ทำให้เกิดมลภาวะในประเทศของเราไม่เพียงแต่ต้องออกจากประเทศจีนนะครับ พวกเขาต้องชดใช้ค่าเสียหายให้เราด้วย ค่าชดเชยรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการบำบัดมลพิษ ค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยเนื่องจากมลพิษ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พวกเขายังต้องจ่ายค่าปรับตามกฎหมายระหว่างประเทศด้วย”
“แน่นอนครับ เราจะลงโทษบริษัทพวกนั้นด้วย บริษัทส่วนใหญ่ของเรายังคงมีจริยธรรมอยู่ บริษัทพวกนี้คือแกะดำ เราสามารถพูดคุยเรื่องจำนวนเงินชดเชยกันได้เมื่อคุณมาที่ญี่ปุ่น”
“ผมไม่ว่างครับ ถ้าคุณมาที่นี่เองน่าจะดีกว่า อีกอย่าง ก่อนที่คุณจะมาที่นี่ ขอให้จักรพรรดิของคุณออกแถงการณ์กล่าวขอโทษต่อสาธารณชนสำหรับการกระทำของบริษัทพวกนั้นด้วยนะครับ!”
อะไรนะ? ขอให้จักรพรรดิขอโทษงั้นหรอ? ถ้าจักรพรรดิตกลงเห็นด้วย นั่นจะกลายเป็นวันสุดท้ายของ โทมิชิ มูรายามะ ในฐานะนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแน่นอน จักรพรรดิญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น จักรพรรดิจะกล่าวขอโทษได้อย่างไร?!
“คุณจูครับ จักรพรรดิของเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ วันนี้เขากำลังนั่งทำสมาธิ ฉันจะขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศของเราออกแถลงการณ์ขอโทษ เราทำได้มากที่สุดเท่านี้ครับ” โทมิชิ มูรายามะ พยายามต่อรอง
“รัฐมนตรีต่างประเทศหรอ? ดูเหมือนว่าญี่ปุ่นไม่มีความจริงใจเลยนะ งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก!”
“เดี๋ยวสิครับ คุณจู หากรัฐมนตรีต่างประเทศยังไม่พอ งั้นเราจะให้รัฐมนตรีคนอื่นๆ หรือรัฐสภามาเป็นตัวแทนญี่ปุ่นเพื่อกล่าวขอโทษจีนนะครับ”