EG บทที่ 614
มหาวิทยาลัยเปิดเทอมเป็นเวลา 10 วันแล้ว และเฝิงหยู่ไม่ปรากฏไปแม้แต่ครั้งเดียว เขาไม่ได้ยื่นใบลาด้วย และมหาวิทยาลัยก็เป็นห่วง เลยโทรหาเขา
ตอนนั้นเองที่เฝิงหยู่เพิ่งรู้ตัวว่าเขาลืมเรื่องยื่นใบลาให้มหาวิทยาลัยไปเลยเพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องของหลี่ต้าฝู และบริษัทเครื่องจักรเมืองปิง
เฝิงหยู่ขอโทษทางมหาวิทยาลัย และกลับไปฮ่องกงทันที ในส่วนของบริษัทเครื่องจักร เขาปล่อยให้ฝ่ายบริหารเป็นคนจัดการรายละเอียดปลีกย่อยที่เหลือ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฟู่กวางเจิ้งก็สามารถช่วยได้ ตอนนี้ ฟู่กวางเจิ้งใช้เวลาส่วนใหญ่ในประเทศจีน
อีกเหตุผลที่เฝิงหยู่รีบกลับไปที่มหาวิทยาลัยก็เพราะว่าเขาไม่อยากโดดเรียนวิชาของอาจารย์เหลียง อาจารย์คนนี้เป็นที่ปรึกษาที่ช่วยจัดการกองทุนของฮ่องกงและจีนเพื่อโจมตีกลับไปที่กองทุนควอนตัมของโซรอสเมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่
เฝิงหยู่ได้บอกให้เหอจ้าวจีไปติดต่อหาอาจารย์เหลียง เฝิงหยู่ต้องการจ้างเขามาทำงานที่บริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่ เขาเสนอที่จะให้หุ้นบริษัทด้วย แต่อาจารย์เหลียงปฏิเสธข้อเสนอนี้
อาจารย์เหลียงไม่ใช่นักธุรกิจร่ำรวย แต่เงินเดือนของเขาที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงก็ถือว่าไม่น้อย นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดการเงิน เขาสามารถลงทุนเองได้
แม้ว่าอาจารย์เหลียงจะไม่ร่ำรวย แต่เขาได้รับค่านายหน้าเมื่อเขาให้คำแนะนำกับนักธุรกิจร่ำรวย สินทรัพย์ของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงภายในไม่กี่ปี เขามีชื่อเสียงมากในด้านธุรกิจการเงินของฮ่องกง นักธุรกิจร่ำรวยหลายคนรวมถึง ฟู่หยงฉี อยากได้ตัวเขามาทำงานด้วย แต่เขาก็ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด เขาบอกแค่ว่าเขาอยากทำงานวิจัยและเงินไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ความสนใจของเขาคือการปลุกปั้นผู้ที่มีความสามารถทางด้านการเงินรุ่นใหม่ของฮ่องกง
อาจารย์เหลียงไม่ชอบเงิน ผู้หญิงและ ไม่มีนิสัยที่แย่อื่นๆ เลย เฝิงหยู่ไม่มีทางที่จะโน้มน้าวให้เขามาทำงานให้เขาได้ แต่เฝิงหยู่คิดว่าในเมื่อเขาชวนอาจารย์เหลียงมาทำงานด้วยไม่ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้
ดังนั้น เมื่อเฝิงหยู่อยู่ในฮ่องกง เขาจะเข้าเรียนวิชาของอาจารย์เหลียง เขาจะโดดเรียนวิชาอื่นๆ เพื่อไปนั่งฟังในชั้นเรียนของอาจารย์เหลียง อาจารย์เหลียงยังสังเกตเห็นเฝิงหยู่เพราะเขาเจอเฝิงหยู่เกือบทุกคาบ
การบรรยายของอาจารย์เหลียงไม่ใช่แค่เพียงหลักสูตรเดียวเท่านั้น แทบเป็นไปไม่ได้ที่นักศึกษาคนเดียวกันจะปรากฏในทุกคาบที่เขาสอน นักศึกษาคนนี้ต้องโดดเรียนวิชาอื่นเพื่อมาเข้าร่วมในคาบเรียนของเขา
อาจารย์เหลียงคิดว่าเฝิงหยู่เป็นคนรุ่นที่สองที่ร่ำรวยของฮ่องกงเพราะดูจากการแต่งตัวของเขา เขาจึงถูกส่งให้มาเรียนในวิชาของเขา บางทีชายหนุ่มคนนี้อาจไม่ใช่นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงด้วยซ้ำ
แต่เมื่ออาจารย์เหลียงพูดคุยกับเฝิงหยู่ เขารู้สึกประหลาดใจกับความเข้าใจที่ลึกซึ้งต่อตลาดการเงินของเด็กหนุ่มคนนี้ ในฮ่องกงมีอัจฉริยะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เฝิงหยู่มาจากไหนครอบครัวไหน?
เมื่ออาจารย์เหลียงรู้ชื่อของเฝิงหยู่ เขาก็พยายามนึกว่ามีนักธุรกิจร่ำรวยในฮ่องกงคนไหนที่มีนามสกุลเดียวกันกับเขา แต่ก็ไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางการเงินในฮ่องกงหรือนักธุรกิจร่ำรวยคนไหนที่ใช้นามสกุลเฝิงเลย
เขาพูดคุยกับเฝิงหยู่สักพัก และพบว่าเฝิงหยู่เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เรื่องนี้ทำให้อาจารย์เหลียงตกใจมาก ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จะมีความเชี่ยวชาญในตลาดการเงินได้ยังไงกัน?
ไม่ใช่ว่าอาจารย์เหลียงจะดูถูกชาวจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เป็นเพราะการพัฒนาของตลาดการเงินในจีนเริ่มช้ากว่าฮ่องกงมาก เขายังทำการวิจัยเกี่ยวกับตลาดการเงินของจีนและพบช่องโหว่มากมายในระบบของพวกเขา หากตลาดการเงินของจีนเปิดกว้างต่อส่วนอื่นๆ ของโลก จะต้องหายนะแน่ๆ
อัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นในประเทศที่ตลาดการเงินเริ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ช้ากว่าคนอื่นๆ มากงั้นหรอ? อาจารย์เหลียงรู้สึกทึ่ง ความสามารถของเฝิงหยู่ในด้านตลาดการเงินมีมากกว่าพวกชนชั้นสูงด้านเศรษฐกิจชั้นนำของฮ่องกงอีก เขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ!
เมื่ออาจารย์เหลียงค้นพบว่าเฝิงหยู่เป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่ เขาถึงกับอ้าปากค้าง!
เฝิงหยู่ยังเด็กอยู่มาก เขาไม่เพียงแต่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ แต่เขายังรู้ทฤษฎีพื้นฐานทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องนึกเลย เขายังมีประสบการณ์จริงในภาคปฏิบัติด้วย ไม่น่าจะมีใครในโลกนี้ที่อัจฉริยะเหมือนเฝิงหยู่
เฝิงหยู่บอกอาจารย์เหลียงว่าเขาชอบการสอนของอาจารย์และได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากเขา ซึ่งทำให้อาจารย์เหลียงยิ่งภาคภูมิใจ
ด้วยสถานะของอาจารย์เหลียงและถ้ามีนักศึกษาคนหนึ่งมาพูดแบบนี้กับเขา เขาถือว่าเป็นเรื่องปกติ เขาจะไม่รู้สึกดีใจเลย แต่เมื่ออัจฉริยะอย่างเฝิงหยู่หรือนักธุรกิจร่ำรวยที่ประสบความสำเร็จมาพูดกับเขาแบบนี้ เขามีความสุขมาก
คำๆ เดียวกันที่ออกมาจากปากของคนที่ต่างกันมักจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเสมอ
ดังนั้นอาจารย์เหลียงจึงให้ตารางการสอนของเขากับเฝิงหยู่ และบอกให้เฝิงหยู่มาร่วมเรียนในคาบของเขา อาจารย์เหลียงรู้สึกว่าการสอนที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่ได้สำคัญสำหรับนักศึกษามากนัก พวกเขาสามารถเลือกได้ว่าอยากจะเข้าเรียนหรือไม่ นักศึกษาหลายคนโดดเรียนเพื่อไปเข้าเรียนวิชาที่ตัวเองอยากเรียน
อาจารย์เหลียงก็เหมือนกับอาจารย์ส่วนใหญ่ เขาชอบให้นักศึกษามาเรียนในวิชาของเขา และเมื่อจำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้น เขาก็รู้สึกภูมิใจ เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อนักศึกษาอย่างเฝิงหยู่บอกว่าชื่นชอบการสอนของเขา
แต่เมื่อภาคการศึกษาเริ่มขึ้น อาจารย์เหลียงก็ไม่เห็นเฝิงหยู่ในหลายคาบ เฝิงหยู่บอกเขาว่าเขาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนเป็นเวลาหนึ่งปี และอาจารย์เหลียงสงสัยว่าทำไมเขาถึงโดดเรียนวิชาของเขาไป
อาจารย์เหลียงไม่สนใจนักศึกษาคนอื่นที่โดดเรียน แต่เขารู้สึกผิดหวังเมื่อไม่เห็นเฝิงหยู่ในชั้นเรียนของเขา
เฝิงหยู่ไม่สนใจวิชาของเขาแล้วหรอ?
แต่วันนี้อาจารย์เหลียงเห็นรูปร่างที่คุ้นเคยในชั้นเรียนของเขา และเขาก็สอนอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น
หลังจากบรรยายจบ เฝิงหยู่ตามอาจารย์เหลียงกลับไปที่ห้องทำงานของเขา
“เฝิงหยู่ เธอหายไปไหนมาในช่วงสองสามวันที่แล้ว ทำไมไม่มาเข้าเรียนคาบของอาจารย์เลย?”
“อาจารย์เหลียงครับ ผมกลับไปที่จีน พอดีที่บริษัทผมมีบางเรื่องที่ต้องจัดการน่ะครับ”
“เธอมีบริษัทในประเทศจีนด้วยหรอ?” อาจารย์เหลียงรู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากที่เขาคิดสักพัก เขาก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล เฝิงหยู่มาจากประเทศจีนและอุตสาหกรรมการเงินของจีนก็เพิ่งเริ่มต้นขึ้น และเศรษฐกิจที่นั่นก็จะดีกว่าฮ่องกงมากในอนาคต แต่ในปัจจุบัน สภาพของฮ่องกงยังดีกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงยังคงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำของโลกในตอนนี้
“ใช่ครับ ผมมีบริษัทสองสามแห่งในประเทศจีน” เฝิงหยู่ตอบอย่างถ่อมตัว
สองสามแห่งหรอ? อาจารย์เหลียงคาดหวังในตัวเฝิงหยู่ไว้สูง แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงประเมินเด็กหนุ่มคนนี้ต่ำเกินไปอยู่
“บริษัทที่จีนเป็นบริษัทเกี่ยวกับอะไรหรอ? อยู่ในภาคธุรกิจการเงินด้วยหรือเปล่า? ”
เฝิงหยู่ส่ายหน้า “ตลาดการเงินในจีนไม่ดีครับ เทียบกับฮ่องกงหรือประเทศตะวันตกไม่ได้เลย การลงทุนของผมในประเทศจีนส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ครับ”
ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่จะทำการค้าเฉพาะในตลาดการเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พวกเขาจะลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ด้วย ซึ่งจะมีความเสี่ยงสำหรับคนที่นำเงินทั้งหมดไปลงทุนในตลาดการเงิน หากตลาดล่มขึ้นมา พวกเขาอาจสูญเสียเงินทั้งหมด แต่ถ้ามีสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น ธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ พวกเขายังพอสามารถฟื้นตัวได้
อาจารย์เหลียงพูดคุยกับเฝิงหยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในเวลานั้นเขาไม่รู้ว่าเฝิงหยู่มีธุรกิจอื่นด้วย
“อาจารย์เหลียงครับ ผมจะกลับไปจีนในเดือนกรกฎาคม ผมไม่แน่ใจว่าผมจะกลับมาที่ฮ่องกงอีกทีเมื่อไหร่ อาจารย์ไม่อยากเข้าไปดูแลบริหารเงินทุนของบริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่จริงๆ หรอครับ? ถ้าอาจารย์คิดว่าเงินทุนของบริษัทที่ปรึกษาเฟิงหยู่มันน้อยเกินไป ผมสามารถเพิ่มเงินทุนได้นะครับ” เฝิงหยู่พยายามโน้มน้าวอาจารย์เหลียงอีกครั้ง
อาจารย์เหลียงหัวเราะแล้วส่ายหัว “อาจารย์เคยบอกไปแล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังดีในตอนนี้ ด้วยความเข้าใจในตลาดเธอ เธอน่าจะได้รับผลตอบแทนสูงถ้าเธอคิดจะลงทุน เธอไม่จำเป็นต้องให้อาจารย์ช่วยหรอก”
“ถ้าวันหนึ่งผมต้องเผชิญหน้ากับจอร์จ โซรอส และพวกบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นนักล่าทางการเงินจากประเทศตะวันตก อาจารย์จะช่วยผมหรือเปล่าครับ?” เฝิงหยู่ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
สีหน้าของอาจารย์เหลียงเปลี่ยนไปทันที “เธออยากจะสู้กับกองทุนควอนตัมหรอ? ถ้าเธอมีความสามารถจริงๆ อาจารย์ก็จะสนใจที่จะร่วมด้วยนะ มันถึงเวลาแล้วที่นักล่าชาวตะวันตกพวกนั้นจะต้องถูกเอาคืนบ้าง!”