บทที่ 341 – พระเจ้า (2)
บาเรียได้หายไปแล้ว เมืองลอยฟ้าที่มีป้อมปราการลอยฟ้าและป้อมปราการผู้พิทักษ์ได้ลอยขึ้นจากชั้นบรรยากาศของโลกในทันที ผู้คนที่อยู่บนโลกได้เฝ้ามองดูเมืองลอยไหลออกไปจนในที่สุดก็รู้สึกกาลเวลาที่เริ่มเดินอีกครั้ง ข้างล่างนั้นก็ยังมียูนิที่กำลังกระโดดไปมาอยู่
“เมื่อไหร่ที่หนูโตขึ้นหนูจะแต่งงานกับพ่อทูนหัว! เพราะงั้นคุณต้องปลอดภัย! หนูไม่ยอมให้หน้าคุณบาดเจ็บแน่!”
“หยุดฝันไปได้เลยเจ้าหนู”
เลียร่าที่ลงโทษในทุกๆคนที่มองยูอิลฮานได้ปฏิเสธออกมาทันที ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานสกิลข้ามมิติในขณะขบคิดถึงสิ่งที่เลียร่าจะทำกับเด็กน้อยและคิดว่าทำไมเธอถึงได้จริงจังขนาดนั้นด้วย
[โปรดกลับมาหลังจากกำจัดผู้ทุกมุ่งร้ายกับโลกทุกๆคนแล้วด้วยเถิดท่านผู้ปกครอง]
ผู้ที่เกิดเป็นความโกลาหลได้กลายมาเป็นผู้พิทักษ์ และท้ายที่สุดก็กลายมาเป็นตัวโลกเองได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมา
“ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกนะ ไว้ใจฉันได้เลย”
ยูอิลฮานได้เชี่ยวชาญสกิลจ้าวมิตินานแล้ว เนื่องจากว่าโลกทั้งหมดที่เขาปกป้องได้กลายเป็นหนึ่งแล้วทำให้บาเรียที่เขาร่ายไว้รอบโลกได้แกร่งทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ นี่ยังเป็นเหตุผลที่เขาป้องกันไม่ใช่ประชากรบนโลกกลับมาได้เป็นเวลาสองสามชั่วโมงอีกด้วย
“ฉันจะจบทุกๆอย่างก่อนหน้านั้น จากนั้นโลกก็จะสมบูรณ์”
“นี่ยังไม่สมบูรณ์อีกหรอ!?”
เอิลต้าได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจ ยูอิลฮานได้แตะพื้นที่ยืนอยู่และหยักหน้าออกมา
“ฉันพูดไปแล้วนี่? เมืองนี้จะต้องหลอมรวมกลับเข้าไปในโลกก่อนที่จะจบทุกๆอย่างลง”
“โอ้ใช่แล้ว นายพูดถึงเมืองนี้ แล้วเมืองนี้คืออะไรกันนะ? ฉันรู้สึกได้มันน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโลก”
“เธอจะคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของโลกก็ได้ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นโลกใบเล็กที่มีอิสระ นี่มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองนั่นแหละ”
ไม่มีใครเข้าใจถึงคำพูดของยูอิลฮาน แต่ว่าพวกเขาก็พอเข้าใจได้ว่าแนวคิดที่ยูอิลฮานกำลังทำนี้คือสิ่งที่น่าสนใจ ยังไงก็ตามสกิลข้ามมิติก็ได้ทำงานก่อนที่จะมีใครได้ถามอะไรอีก
ยูอิลฮานก็ได้เชี่ยวชาญสกิลข้ามมิติแล้วเช่นกัน เพราะงั้นคนอื่นๆได้ถูกเคลื่อนย้ายไปที่โลกเบื้องล่างก่อนที่จะรู้สึกตัวซะอีก
“นี่คือโลกเบื้องล่าง”
“เป็นที่นี่จริงๆ!”
“เป็นครั้แรกเลยนะที่ฉันได้มาที่นี่!”
โลกที่เต็มไปด้วยความมืดไร้ที่สิ้นสุดและออร่าชั่วร้าย นี่คือโลกที่ซาตานได้มาอยู่หลังจากออกมาจากสวรรค์ และเป็นโลกที่เต็มไปด้วยรากฐานของเขา
“ซาตาน… ไม่ได้อยู่โลกใบนี้ในตอนนี้ใช่ไหม?”
เมื่อคิมเยซอลได้ถามออกมายูอิลฮานก็ได้หยักหน้าโดยไม่ลังเลใดๆ
“สนามรบน่าจะเป็นที่อื่น ซาตานได้ร่วมมือกับพระเจ้าเพราะงั้นพวกเขาตอนนี้น่าจะยังอยู่ในสนามรบนั่น”
“โลกใบนี้คือ…”
“ไม่รู้เหมือนกัน ยังไงก็ตามมันไม่ใช่อะไรอย่างโลกที่ไม่อาจถูกบันทึกแน่ พระเจ้าไม่ได้มีความสามารถถึงระดับนั้น เพราะงั้นฉันก็เลยกำลังคิดที่จะมาหาข้อมูลเกี่ยวกับมันเพิ่มเติมที่นี่แหละ”
“หัวหน้า ถ้าเป็นไปได้กาเบรียลจะต้องถูกช่วยให้เร็วที่สุด…”
บนใบหน้าสวยงามของยูเรียลเธอได้หันซ้ายหันขวาอย่างเป็นกังวล เขาก็พอจะเข้าใจถึงสิ่งที่เธอรู้สึกตลอดสิบปีมานี้ ยูอิลฮานได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ด้วยเลเวลของฉัน ในระหว่างคุยกันอยู่ฉันสามารถทำอะไรได้มากมาย ฉันกำลังเลื่อนดูบันทึกโลกใบนี้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้อยู่ เพราะงั้นไม่ต้องห่วงหรอก พ่อน่าจะปลอดภัยและเราก็จะหาพ่อเจอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถได้พ่อไปก็ตาม”
ยูอิลฮานได้เริ่มค้นหาโลกเบื้องล่างต่อไปโดยไม่สนใจความเสียใจของยูเรียลเลย โลกเบื้องล่างนี้กว้างใหญ่และมีความหนาแน่นของมานาที่น่ากลัวสมกับที่เป็นโลกใบหลักของกองทัพจรัสแสง แต่ว่าน่าแปลกที่โลกใบนี้ไม่มีเทวดาตกสวรรค์อยู่เลยแม้แต่คนเดียว
“ทำไมมันถึงได้โล่งขนาดนี้ล่ะ?”
“นี่คือโลกที่สำคัญที่สุดของกองทัพจรัสแสงเชียวนะ ถึงแม้ว่าซาตานจะออกไปแล้ว แต่ว่าพวกเขากล้าปล่อยที่นี่ว่างเปล่าได้ยังไงกัน? ซาตานเป็นไอ้โง่แบบนี้งั้นหรอ?”
“ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ”
เนื่องจากยูอิลฮานได้ค้นพบถึงการเชื่อมต่อระหว่างบันทึกเทพเจ้าและเร็กน่าระดับสูงทำให้มีความเป็นไปได้ว่าซาตานได้วางแผนเหนือกว่ายูอิลฮานคาดคิดเอาไว้จนเขาไม่รู้อะไรเลย ยูอิลฮานก็ยังไม่คิดว่าหัวหน้าที่รับผิดชอบกองกำลังหนึ่งและเป็นหนึ่งในผู้ขับไล่พระเจ้าออกไปจะเป็นคนไร้ปัญญาแบบนี้
“หากว่าที่นี่เป็นที่สำคัญ ถ้างั้นพวกเขาก็ควรจะป้องกันมันเอาไว้ แต่ว่าถ้าไม่มีการป้องกัน นั่นก็หมายความว่าที่นี่ไม่ได้มีความสำคัญเลย”
“มันจะเรียบง่ายแบบนั้นเลยหรอ… โลกหลักจะไม่มีความสำคัญได้ยังไงกันล่ะ?”
ยูอิลฮานได้ตอบกลับมา
“อาจจะเป็นไปได้ว่าโลกหลักไม่ได้มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้ว”
“ไม่… มีความหมาย…?”
พวกเขาเพิ่งจะพูดถึงว่าโลกหลักมีความสำคัญที่สุดในแต่ล่ะกองกำลัง แต่แล้วยูอิลฮานกลับปฏิเสธแบบนี้! ทั้งๆที่เขาก็เป็นหนึ่งในหัวหน้ากองกำลังเช่นกัน!
ยูอิลฮานได้หยักไหร่ออกมาและอธิบายให้กับคนที่ยังไม่เข้าใจ
“เขาได้ร่วมมือกับพระเจ้าแล้วถูกไหมล่ะ? พระเจ้าได้บอกว่าเขาจะสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา เพราะงั้นเขาก็ต้องลบโลกเบื้องล่างไปด้วยเหมือนกันไม่ใช่หรอ?”
“แต่ถ้าแบบนั้นพลังของซาตาน…”
“พระเจ้าไม่มีทางจะทางจะลบล้างโลกหลักได้อย่างสมบูรณ์เว้นแต่ว่าเขาจะทำอะไรกับหัวหน้ากองกำลัง เพราะแบบนั้นพระเจ้าจะลบล้างโลกเบื้องล่างภายใต้ข้อตกลงจากซาตาน อาจจะพูดได้ว่าเขาเป็นคนที่ทำให้ตัวเองอ่อนแอลง”
“นั่นมันหมายความว่าซาตานเชื่อในตัวพระเจ้าแล้วก็ยกพลังของเขาไปให้กับพระเจ้าอีกครั้ง…?”
นี่มันคือเรื่องที่โง่ที่สุดเลยไม่ใช่หรอ!? ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ส่ายหัวออกมาและไม่ได้ตอบคำถามที่พวกเธอต้องการ
“ไม่ใช่ว่าที่นี่ไม่ได้ไร้การป้องกันอย่างสมบูรณ์หรอกนะ นอกจากนี้คนๆนั้นยังรู้สึกถึงตัวตนฉันแล้วด้วย”
“ที่ไหนล่ะ”
“ใจกลางของโลกใบนี้ ตอนนี้ฉันกำลังจะไปที่นั่นแหละ”
เมืองยูอิลฮานได้คิดถึงตรงนั้น เมืองลอยฟาก็ได้รับอิทธิพลจากความคิดของเขาและเริ่มเคลื่อนไหวในทันที เพราะสกิลข้ามมิตินี้เองทำให้สมาชิกภายในเมืองลอยฟ้าไม่ได้รู้สึกถึงแรงต้านจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วแม้แต่นิดเดียว พวกเขามีแต่อุทานออกมาอย่างตกใจกับการได้เห็นสภาพแวดล้อมเปลื่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
“อ่า ตอนนี้ฉันรู้สึกได้แล้ว ออร่าที่น่าทึ่งนั่น”
“ถ้าเป็นฉันในอดีตฉันก็คงต้องหวาดกลัวแน่…”
เอิลต้าได้พึมพัมออกมา หรือนี่ก็หมายความว่าในตอนนี้เธอไม่ได้กลัวแล้วแม้แต่นิดเดียว
หลังจากกระพริบตาไปไม่กี่ครั้งเมืองลอยฟ้าก็ได้มาถึงจุดหมายแล้ว ที่นี่มีปราสาทยักษ์และคนหนึ่งคนที่นั่งอยู่เพียงลำพังบนหลังคาของมัน
[คุณมาเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ]
คนๆนี้ก็คือหญิงสาวที่ผมสีดำยาว เธอสวมชุดไหมสีดำที่ดูไม่เหมาะกับการต่อสู้เอาซะเลย เธอเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยออร่าแห่งความหรูหรา แต่ยังไงก็ตามแปดปีกบนหลังของเธอที่กางอยู่ได้ทำให้พวกเขาต้องคิดถึงพลังที่แท้จริงของเธอใหม่อีกครั้งหนึ่ง
“ราเซีย เธอเป็นผู้หญิงนี่เอง”
ยูอิลฮานได้พูดออกมา คนอื่นๆได้ผงะไปทันทีที่ได้รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าของพวกเขาก็คือปีกที่ 1 แห่งกองทัพจรัสแสง แต่ว่าคนที่เป็นเป้าของคำถามนี้กลับหยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
[ถูกแล้วล่ะ ฉันก็คือปีกที่ 1 แห่งกองทัพจรัสแสง ราเซีย ส่วนคุณก็คงจะเป็นยูอิลฮาน หัวหน้าดราก้อนเนส]
“ถูกแล้ว”
ราเซียได้มองยูอิลฮานอย่างระมัดระวังราวกับว่าเธอกลัวว่าเธอจะทำอะไรที่หยาบคาย ทั้งๆที่รู้ว่าพวกเขาเป็นศัตรูแล้วเธอก็ยังคงสุภาพมากๆ
[ฉันได้ยินว่าคุณคือคนที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ว่าฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะแกร่งได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่พลังของฉันอยู่ที่คลาส 8 แต่ฉันก็ไม่อาจจะมองในระดับพลังของคุณออกได้เลย… หัวหน้าของฉันอาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับคุณ]
จากสิ่งที่ยูอิลฮานได้เห็นมาตลอด เขามั่นใจว่าซาตานไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาเลยเว้นแต่ว่าซาตานจะทำอะไรซะอย่างให้แกร่งขึ้นอย่างน้อยห้าเท่านับตั้งแต่ที่เจอกันครั้งล่าสุด แต่ว่ามันคงน่าอายหากเขาพูดมันออกมาดังๆก็เลยปล่อยผ่านไป
กลับกันเขาได้ถามเธอออกมาแทน
“ฉันมีเรื่องที่อยากจะถามเธออยู่”
[ตราบใดที่ยังเป็นเรื่องในความรู้ของฉัน ฉันก็จะตอบคำถามคุณ]
“ซาตานคือศัตรูของฉันจริงๆงั้นหรอ?”
ทั้งโลกได้หยุดนิ่ง
หรือบางทีอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกก็ได้ ทุกๆคนได้มองมาที่ยูอิลฮานอย่างตกตะลึง
“นายหมายความว่ายังไงกัน!? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้มาตลอดนายได้ตรียมการฆ่าเขาด้วยความโกรธหรอกหรอ!?”
“นายถึงขนาดตอกเข็มเข้าไปในตุ๊กตาฟางพร้อมตะโกนชื่อซาตานก่อนนอนทุกคืนเลยนะ!”
“นายบอกว่าหากนายไม่ได้เขานายก็จะทำลายเขานี่นาา~”
“ตอนที่นายพูดว่าจะไปปล้นบ้านที่เจ้าของไม่อยู่นายดูทั้งคาดหวังแล้วก็ตื่นเต้นเลยนะ!”
“ช่วยหยุดพูดข้อมูลผิดๆแล้วก็เรื่องแปลกๆเถอะนะ”
ยูอิลฮานได้พูดแก้ความเข้าใจผิดอย่างไม่ใส่ใจ สายตาของเขายังคงจ้องไปที่ราเซียอยู่ แต่ว่าเขาก็พบว่ามันน่ารักดีที่เธอกำลังทำสีหน้าแปลกๆ เขาได้เร่งให้เธอตอบกลับมา
“แล้วคำตอบล่ะ?”
[ที่คุณคิดแบบนี้มันเพราะว่าท่านซาตานได้ปกป้องคุณจนกลายมาเป็นเทพงั้นหรอ? น่าเสียดายด้วยนะ ซาตานก็คือศัตรูของคุณ บางทีหากคุณยังไม่ได้กลายเป็นเทพก็คงจะไม่ใช่ศัตรูกัน แต่ว่าในตอนนี้คุณสมบูรณ์แบบแล้ว มันก็เหมือนกันกับคนอบขนมปังที่รอขนมปังนั่นแหละ แต่…]
“อ่อ เข้าใจแล้ว เธอกำลังจะบอกว่ามันคงไม่มีใครที่มองขนมปังที่อบเสร็จแล้วด้วยความพอใจเฉยๆใช่ไหมล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเคยได้ยินมันมาก่อน”
[ตอนนี้คุณยอมรับแล้วหรอ?]
ยูอิลฮานได้หยักไหล่และตอบกลับไป
“ก็นะ”
[ถ้างั้นก็ดีแล้ว]
ราเซียได้ยืนขึ้นอย่างช้าๆ
[ฉันรู้ดีว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะขวางคุณจนกว่าฉันจะต้องหายไป ในจุดนั้นท่านซาตานก็จะกลับจัดการคุณด้วยตัวของเขาเอง]
“ไม่หรอก ฉันไม่ได้กำลังจะสู้กับเธอ”
[…อะไรนะ?]
“ฮ่าห์”
ยูอิลฮานได้ยื่นมือออกไปและตะโกนออกมาสั้นๆ เพียงทำนี้ราเซียก็ถูกมัดอยู่กับที่
ยูอิลฮานได้จัดการปราบผู้บัญชาการกองพันคลาส 8 ที่ได้รับการสนับสนุนจากโลกใบนี้รองลงมาจากซาตานภายในพื้นที่ของกองทัพจรัสแสงอย่างง่ายดาย
[ปะ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน ต่อให้คุณจะเป็นหัวหน้ากองกำลัง ต่อให้คุณเป็นเทพ แต่คุณไม่น่าจะทำแบบนี้ได้ง่ายๆ…]
“ในตอนที่ฉันไม่มีพลัง การฆ่าศัตรูทั้งหมดคือวิธีที่ดีที่สุด นั่นมันก็เพราะว่าฉันจะรู้สึกเหมือนร้อนรุ่มตลอดที่ได้เห็นพวกตัวเอกในนิยายชอบปล่อยศัตรูให้มีชีวิตรอด ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงปล่อยให้พวกตัวปัญหารอดไป จริงๆแล้วในนิยายบางเล่มฉันกลับชอบพวกตัวร้ายมากกว่าซะอีก”
“ไม่ใช่ว่านั่นมันเพราะนายเป็นตัวร้ายหรอกหรออิลฮาน?”
“เงียบไปเลย แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามมันก็คือเหตุผลที่ฉันคงปรัญชาที่จะฆ่าศัตรูในทันทีที่เจอก่อนที่จะตัดสินคิดอะไรอีก แต่ว่านะการใช้ชีวิตแบบนี้มัน… อืมม ในบางทีมันก็น่ารำคาญนิดๆเหมือนกัน”
เขาได้ฆ่าคนที่เขาคิดว่าแยกแยะความเป็นมิตรหรือศัตรูได้ยากไปในทันที เพราะงั้นคนที่เขาฆ่าไปก็เลยเป็นได้ทั้งศัตรู หรืออาจจะเป็นมิตรในอนาคตก็ได้เช่นกัน เพราะแบบนี้ทำให้เขาได้ลบความเป็นไปได้ไปมากมายเพราะความหวาดระแวงในอนาคต
[มันก็เป็นเรื่องธรรมดา คุณได้เลือกตัวเลือกที่ถูกต้องเพื่อเอาชีวิตรอด ถึงฉันจะถูกคุณฆ่าในตอนนี้ฉันก็ไม่ได้แค้นคุณเลย ศัตรูน่ะควรจะต้องถูกฆ่าอยู่แล้ว]
“แน่นอน ฉันไม่เคยเสียใจกับการฆ่าเลยแม้แต่นิดเดียว พวกสารเลวที่ฉันอยากจะฆ่า พวกสารเลวที่ฉันได้ฆ่าไป พวกสารเลวที่ฉันจะต้องฆ่า…. แต่ว่าก็ไม่ใช่ว่าเหยื่อของฉันทุกๆคนจะเป็นแบบนั้น มีคนมากมายที่ฉันฆ่าไปก็เพราะว่าฉันกลัวผลที่จะตามมา เพราะงั้น”
[เพราะงั้น?]
ยูอิลฮานได้พูดกับเธอด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“ถ้าฉันลบความเป็นไปได้ในแง่ลบทั้งหมดไปได้ บางทีเรื่องที่น่าอึดอัดใจอย่างการฆ่าก็อาจจะไม่จำเป็นอีกแล้วก็ได้”
[…นี่คุณกำลังจะบอกว่าคุณจะไม่ฆ่าฉัน?]
ราเซียได้ถามกลับมาอย่างตกตะลึง น่าแปลกใจที่ยูอิลฮานก็หยักหน้ารับด้วยเช่นกัน
“ใช่แล้ว โดยเฉพาะในกรณีแบบเธอ เธอจำเป็นต้องตายหลังจากที่ถ่วงเวลาฉันทั้งๆที่เธอไม่ได้เกลียดอะไรฉันเลย ฉันเกลียดการที่จะต้องฆ่าคนไร้พิษสงแบบเธอ โดยเฉพาะการที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกปั่นหัวให้ทำตามสถานการณ์ด้วย”
[แต่ถ้าปล่อยฉันไป คุณจะต้องเสียใจ…]
“ฉันไม่เสียใจหรอก ไม่ใช่ว่าฉันเพิ่งจะพูดไปเองหรอกหรอ? ฉันกำลังจะลบความเป็นไปได้ในแง่ลบทั้งหมดไปนะ”
ยูอิลฮานได้หยิบเอาลูกบาศก์เล็กๆออกมาจากกระเป๋าของเขา ราเซียได้มองมันและถามออกมาทันที
[นั่นมันคือไอเทมอะไร?]
ยูอิลฮานได้ตอบกลับมา
“นี่ก็คือกับดักแห่งการฟื้นคืนไงล่ะ”