บทที่ 311 – ก็เหมือนๆกับฉันนั่นแหละ (3)
ทันทีที่คังมิเรย์ลืมตาขึ้นมา ยูอิลฮานก็รู้ได้ทันทีว่าคังมิเรย์ได้ข้ามผ่านอะไรซักอย่างที่ฉุดรั้งเธอเอาไว้มาแล้ว เธอได้รู้แจ้งในเส้นทางแห่งมานาและปกครองมันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีสกิลใดๆช่วยเลย ไม่ทั้งสกิลบันทึก สกิลปกครองหรืออะไรทำนองนี้
นี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากกับศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของเธอ แต่ที่ยิ่งน่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือคังมิเรย์ได้โยนโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของเธอทิ้งเอาไว้ ทั้งๆที่เธอควรจะทำมันต่อไปตามความพยายามของเธอ แต่เธอกลับไม่ทำแบบนั้น นี่ยิ่งทำให้ยูอิลฮานสงสัย
“นี่เธอไม่เสียใจเลยหรอ?”
“ไม่สักนิดเดียว”
คังมิเรย์ได้ตอบกลับมาอย่างมั่นใจโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ
“ฉันชอบแบบนี้ที่สุดแล้ว”
“ถ้างั้น… ฉันก็คงพูดอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาและยื่นมือไปหาเธอ
“เธอเป็นคนสุดท้ายแล้วนะมิเรย์ เธอจะเข้าดราก้อนเนสใช่ไหม?”
“อิลฮาน…”
คังมิเรย์ได้จับมือของเขาเอาไว้ ชุดข้อความสีแดงได้ปรากฏขึ้นมา
[คุณมีศักยภาพมากพอที่จะก้าวเข้าสู่ระดับขอบเขตพลังของสิ่งมีชีวิตได้ด้วยตัวเองได้ ยูอิลฮานหัวหน้าดราก้อนเนสได้เสนอให้คุณมาเป็นสมาชิกดราก้อนเนส คุณจะยอมรับหรือไม่]
“แน่นอนสิ”
พรรคพวกส่วนใหญ่ของยูอิลฮาน (ยกเว้นคังฮาจินกับคนอื่นๆที่ยังมีเลเวลไม่ถึง) ได้กลายมาเป็นมังกรด้วยอ่างแห่งปาฏิหาริย์และในตอนนี้อ่างนี้ก็กำลังทำให้คังมิเรย์วิวัฒนาการขึ้น
ทะเลมานาจำนวนมหาศาลที่แทบจะดูเหมือนกับมานาทั้งโลก มานาที่เกินกว่าที่คังมิเรย์จะควบคุมได้ได้ห้อมล้อมตัวเธอ
คังมิเรย์ได้ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นที่เธอรู้สึกได้ถึงพลังแห่งมังกรที่กำลังชอนไชเข้าไปในตัวเธอ บวกกับเธอได้ตรัสรู้ในเส้นทางมานาแล้วทำให้เธอรู้สึกได้ถึงพลังนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“นี่… มัน”
“มิเรย์ มันจะเจ็บหน่อยนะแต่ทนเอาไว้”
เสียงของยูอิลฮานได้ดังขึ้นมาจากด้านนอก ในตอนนี้เองเลือดของยูอิลฮานก็ไหลเข้ามาในผิวหนังของคังมิเรย์ ในตอนนี้เธอรู้สึกได้เลยถึงเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ของเธอ
“อ่า อ๊าาาาาาาาาาา”
บันทึกของเธอกำลังเปลื่่ยนแปลงไป เปลื่ยนจากมนุษย์ไปสู่มังกร เธอกำลังวิวัฒนาการขึ้น ได้รับร่างกายและวิญญาณใหม่ที่เหมาะสมกับมานามากยิ่งขึ้น ในเมื่อเธอได้ตรัสรู้ในเส้นทางแห่งมานาทำให้การพัฒนาของเธอจากการแปลงร่างครั้งนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นเช่นกัน
“น่าทึ่งมาก… มันเป็นแบบนี้ไปแล้วจริงๆ”
“นี่คือเรื่องฉัน ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้จะเปลื่ยนไปได้มากขนาดนี้”
มีเพียงแค่ยูอิลฮานกับเฮเรียน่าเท่านั้ที่มองสภาพจริงๆของคังมิเรย์ออกจากการมองภายนอก ด้วยบันทึกของนายูนาเธอไม่น่าจะไปถึงคลาส 6 ได้ แต่ว่าที่มันเกิดขึ้นแบบนี้ก็เพราะความสำเร็จในเส้นทางที่เธอได้เดินมา ในตอนนี้คังมิเรย์กำลังกลายมาเป็นคลาส 6 แล้ว!
“ชิ ฉันคิดว่าฉันจะเธอแซงหน้าเธอแล้วซะอีกนะ”
นายูนาคือคนที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในแต่ล่ะปาร์ตี้เพราะความสามารถของเธอได้ทำให้ธอกลายมาเป็นคลาส 6 ได้ด้วยเช่นกัน เธอได้เดาะลิ้นออกมาหลังจากเห็นแบบนี้ แต่ว่าใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอดีใจมากที่คังมิเรย์ได้ตื่นมาอย่างปลอดภัยและเข้าร่วมกับพวกเธอ
“พยายามให้มากกว่านี้หน่อยนะคุณคังฮาจิน”
“นี่ฉันเลเวล 270 แล้วนะ ให้ตายสิ! ฉันไม่ได้ช้าซะหน่อย จริงๆถ้าเป็นมาตราฐานปกตินี่ฉันโครตๆเร็วแล้วนะ ทำไมพอเป็นที่นี่ฉันถึงเป็นที่โหล่กันล่ะ?”
“พี่ฮาจิน ตอนนี้พี่ไม่มีกลุ่มอยู่อีกแล้วน้า~ ถ้าพี่อยากจะเข้าดราก้อนเนส พี่ก็จะต้องมีเลเวล 300 นะ พี่ฮาจินโดนทิ้งแล้ว! ว้ายๆคนโดนทิ้ง!”
“ฉันรู้แล้วน่า ฉันรู้แล้ว!”
ไม่นานนักการเปลื่ยนร่างก็ได้จบลง ไข่สีแดงได้แตกออกและอ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็ได้หลอมละลายไปกับอากาศอีกครั้ง ในท้ายที่สุดคังมิเรย์ก็ได้โผล่ออกมาพร้อมกับปีกสองคู่บนหลัง นี่มันน่าสนใจมากเพราะว่าทุกๆคนนอกจากยูอิลฮานกับยูมิลจะมีหลายคู่ปีกตามแต่คลาสของแต่ล่ะคน
“ฟู่”
“มิเรย์รู้สึกยังไงบ้าง?”
“รู้สึกดีมาก… ครั้งหนึ่งฉันเคยคิดนะว่าการเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงนั่นัมนหมายความว่าเป็นการมีเหตุผลและได้รับสติปัญญาที่สูงส่งขึ้น แต่นี่… นี่มันรู้สึกเหมือนกับฉันเด็กขึ้นมาแทน”
ถึงเธอจะตอบนายูนากลับไป แต่ว่าสายตาของคังมิเรย์ก็ยังคงจ้องอยู่ที่ยูอิลฮาน เธอเหมือนกับเป็นแม่สิงโตสาวที่กำลังหาโอกาสตะคุบเหยื่อ จริงๆยูอิลฮานก็ได้เจอกับปรากฏการณ์แบบนี้แทบจะในทุกครั้งที่คนอื่นได้กลายเป็นมังกร เพราะงั้นเขาก็ทำได้แต่ทำสีหน้าอึดอัดใจ
“มันดูเหมือนกับว่าบุคคลิกจะต่างกันไปตามกองกำลังนะ… ดราก้อนเนสก็เป็นอย่างที่นายเห็นเนี้ยล่ะ”
“นั่นสินะก็อิลฮานคือหัวหน้านี่นะ”
หากว่าทุกๆคนได้กลายเป็นเหมือนยูอิลฮาน พวกเขาก็ควรจะได้รับสืบทอดหัวใจไม่สั่นคลอนและมีจิตใจที่สงบสุขกันสิ! โอ้ ยูอิลฮานไม่อาจจะซ่อนอารมณ์ของเขาไว้ได้แล้วทั้งๆที่มีหัวใจไม่สั่นคลอนอยู่ งั้นบางทีทุกๆคนก็เป็นเหมือนกับสินะ? ในเมื่อการกระตุ้นนั่นมันดูจะไม่เป็นการทำร้ายเขาเพราะงั้นเขาได้คิดว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ก็แล้วกัน
“มีจะอธิบายสถานการณ์ให้มิเรย์ฟังได้ไหม”
“ไม่ ไม่เป็นไรหรอก ในตอนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจากเศษเสี้ยวบันทึกของนายได้ทำให้ฉันเข้าใจทุกๆอย่างแล้ว ที่นี่คือดาเรย์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ และในตอนนี้ภายใต้การนำของมังกร สายพันธ์มังกรก็กำลังสู้กับมอนสเตอร์อื่นๆอยู่… เราก็ยังต้องช่วยมังกรฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้ด้วยถูกไหม?”
“…เยี่ยมไปเลยที่เธอได้เข้าใจช่วงรอยต่อได้อย่างสมบูรณ์”
บางทีนี่อาจจะเพราะการเปลื่ยนแปลงในพลังของกลุ่มก็ได้สินะ… ยูอิ,ฮานได้หยักไหนออกมา ไม่ว่ายังไงหากว่าคังมิเรย์แข็งแกร่งขึ้น เธอก็จะมีส่วนช่วยอย่างมหาศาลในอนาคต เพราะงั้นนี่ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
“ถ้างั้นทุกๆคนก็พร้อมกันแล้วนะ? มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะให้ทุกๆคนจำเอาไว้ ฉันอยากจะให้ค่าประสบการณ์กับมังกรเด็กๆและก็สายพันธ์มังกรต่างๆด้วย โอ้แล้วก็คังฮาจินก็ด้วยเหมือนกัน”
“ฉันยินดีเป็นอย่างมากนะที่นายคิดถึงฉันด้วย แต่ว่าทีหลังอย่านะนี่มันเหมือนกับดูถูกฉันเลยอะ! ข้อร้องล่ะ!”
ยูอิลฮานได้มองดูว่าทุกๆคนในกลุ่มพร้อมแล้วและเขาก็ได้บินออกไปด้วยพลังของเขาทำให้บาเรียได้หายไปโดยสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าการต่อสู้จะผ่านมานานแล้ว แต่ว่าสนามรบก็มีแต่จะกว้างยิ่งขึ้นเพราะมอนสเตอร์ใหม่ๆกับสายพันธ์มังกรที่กำลังเกิดขึ้นมาตามที่ต่างๆของดาเรย์ได้เข้าร่วมการต่อสู้ที่นี่
[บาเรียหายไปแล้ว]
[พ่อพันธ์ เราต้องฆ่าคนๆนั้น!]
[ให้ตายสิ มีมังกรออกมามากขนาดนี้ได้ยังไงกัน…]
[หุบปาก ตายไปซะ!]
มอนสเตอร์ที่เฝ้ารอให้กลุ่มยูอิลฮานออกมาตลอดได้เข้ามาโจมตีทันที แต่ว่าพวกมันก็ถูกไล่กลับไปจากมิสทิคที่ควบคุมป้อมปราการทั้งสองเข้าโจมตีจนพวกมันตาย มอนสเตอร์นับพันนับหมื่นได้ร่วงลงไปบนพื้นนี่เป็นฉากที่น่าประทับใจมากๆ
แน่นอนว่าถ้าเป็นในอดีตเธอก็คงจะทำแบบนี้ไม่ได้แน่ เห็นได้ชัดว่ามิสทิคก็นับเป็นสมาชิกของดราก้อนเนสได้เช่นกันทำให้ระดับขอบเขตพลังของเธอเพิ่มขึ้นมาพร้อมๆกับป้อมปราการทั้งสองแห่ง
[องค์กรสิ่งมีชีวิตชั้นสูงน่าทึ่ง! ฉันรู้สึกเหมือนกับตอนนี้ฉันมีสมองอีกอันเลยล่ะนายท่าน!]
“ดีแล้ว นับจากนี้ฉันจะเรียกเธอว่าดับเบิ้ลสมองแล้วกันนะ”
[โอโรจิ นายยยยย!]
โอโรจิที่ตอนนี้อยู่ในร่างมนุษย์ที่ดูเด็กมีผมสีดำและดูไม่ต่างจากคนอื่นๆมากนักก็ยังคงล้อเลียนมิสทิคอยู่ตลอดเวลา ด้วยบันทึกของโอโรจิที่ถูกบันทึกนภายอมรับทำให้โอโรจิในร่างอิชจาร์ก็ยังได้เกิดใหม่มาเป็นคลาส 6 เช่นกัน
เพราะการที่ทั้งร่างกายและวิญญาณของเขาได้เกิดใหม่ขึ้นมาเป็นมังกรอย่างสมบูรณ์ทำให้ความสามารถของโอโรจิเพิ่มขึ้นเช่นกัน หาากว่าไม่มีอะไรพลาดไปโอโรจิก็อาจจะไปถึงคลาส 7 ได้พร้อมๆกับเลียร่าหรือไม่ก็ช้ากว่าเธอเล็กน้อย
พอมาคิดดูแล้วว่าในกองกำลังอื่นๆมีสิ่งมีชีวิตคลาส 7 เพียงแค่ไม่กี่สิบคนทั้งๆที่ผ่านเวลามาหลายต่อหลายปีทำให้รู้ได้เลยว่าคนที่กำลังยืนรวมอยู่ที่นี่ต่างก็เป็นสัตว์ประหลาดกันทั้งนั้น นี่คือสิ่งที่ได้พิสูจน์ถึงเส้นทางของยูอิลฮาน ทุกๆคนที่อยู่กับเขานับตั้งแต่เขาได้เก็บสะสมบันทึกได้อยู่กันที่นี่
[อ๊าาา ฟู่ นายจะล้อฉันได้แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละ]
“ไม่มีทาง ฉันไม่เคยล้อเธอเลยนะ ฉันก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ฉันไม่รู้นะว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าฉันขอเป็นกำลังใจให้เธอทำอย่างสุดกำลังนะ”
[นะ นั่นมันไร้ยางอาย!]
“ฮึ่ม”
โอโรจิได้บินออกไปด้วยปีกคู่หนึ่งบนหลังโดยไม่สนใจคำพูดมิสทิคแล้ว บนมือของเขามีเพลิงสีม่วงที่เต็มไปด้วยคำสาปปล่อยออกมา เขาได้ทำการผสานเพลิงม่วงที่เขาเคยใช้ในตอนนี้ชีวิตอยู่เข้ากับร่างกายของโอโรจิทำให้ตอนนี้เขาสามารถจะร่ายเวทย์ขั้นสูงเฉพาะตัวในแบบของเขาได้
“เจ้าหนู การใช้ไฟน่ะเขาใช้กับแบบนี้”
[โอ้ววววววววว!]
เพลิงม่วงได้ปกคลุมไปทั่วผืนดินและกระจายออกไปรอบๆ เพราะการควบคุมที่น่าทึ่งของโอโรจิได้ทำให้เพลิงไม่โดนพรรคพวกกันเองเลยแม้แต่นิดเดียว จะมีก็แต่ศัตรูเท่านั้นที่ถูกเผาไปพร้อมๆกับติดคำสาปนับสิบ ความสามารถของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก
[ก็แค่งูที่ใช้ร่างของฉันอารวาดเท่านั้นแหละ]
อิชจาร์ที่อยู่ในเกราะร่างกายมนุษย์มังกรได้บ่นพึมพัมออกมา แต่จริงๆแล้วตัวอิชจาร์ก็พอใจเช่นกัน แต่ก่อนอิชจาร์คิดว่าโอโรจิเป็นแค่พวกโลภอย่างได้ร่างของเขา แต่ว่าตอนนี้พอมาคิดดูแล้วโอโรจิมีประโยชน์มากๆ ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาราวกับเขาดูออกและมองไปที่พรรคพวกของเขา
“ทุกๆคนก็แค่ทำให้มากเท่าที่โอโรจิทำนั่นแหละ ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราต้องทำกันแต่อย่างแรกก็มาเก็บกวาดโลกนี้ก่อน ฉันกำลังคิดที่จะผสมโลกของเราเข้ากับดาเรย์ในภายหลังด้วยนะ เพราะงั้นคิดซะว่าเรากำลังเก็บกวาดบ้านเท่านั้นเอง!”
“ทั้งๆที่กลายมาเป็นสิงมีชีวิตชั้นสูงหมดแล้ว แต่เขากลับพูดเหมือนกับหัวหน้าชมรมอาสาสมัคร… อึ๊ยย”
คังฮาจินได้บ่นพึมพัมกับตัวเองแต่แล้วเมื่อเขาถูกผู้หญิงทั้งหมดจ้องมาเขาก็ได้แต่หดตัวถอยไป เขาได้แต่คิดว่าเขามาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ยังไง เขากระทั่งคิดว่ามนุษยชาติคนอื่นๆก็ยังมีชีวิตที่ดีกว่าเขาด้วย ไม่สิ คิดแบบนั้นไม่ได้
[ตอบฉันมาจ้าวแห่งมังกร! ทำไมพวกเราถึงได้เกิดมา! มันไม่ใช่เพราะนายงั้นหรอ นายคือจ้าวแห่งโลกใบนี้ที่สร้างเรามาด้วยซะตาที่ต้องฆ่ามังกร!]
[พวกเราก็แค่พยายามที่จะเอาชีวิตรอดเพราะเราได้เกิดมาแล้ว! ทำไมนายถึงต้องมาหยุดเราด้วย!]
“เอาล่ะไปเก็บกวาดกันเลย ฉันหมายถึงล่าน่ะ”
“ตอนเขาพูดในเวลาแบบนี้เขายิ่งดูเหมือนปีศาจเลยล่ะ! เขาคงจะเป็นปีศาจจริงๆสินะ!”
ยังไงก็ตามพวกมันก็ไม่อาจจะมีสิทธิ์มาโทษเขาได้ในเมื่อพวกมันก็ยังเป็นฝ่ายโจมตีสายพันธ์มังกรพร้อมกับโยนปรัชญาอะไรนั่นออกมา!
[พวกนายจะแสดงความน่าสมเพชให้พ่อเห็นไปถึงไหน? จะทำตัวเองให้อับอายต่อหน้าพี่น้องไปมากแค่ไหนกัน! มาสู้กันให้ตายไปข้างดีกว่า!]
[ก๊าซซซซซซซ! พิสูจน์ว่าเรามีคุณสมบัติในฐานะมังกร! เอาชัยจากนักล่ามังกรและเกิดใหม่เป็นมังกรที่แท้จริง!]
เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของพวกยูอิลฮานได้ทำให้การต่อสู้นี่รุนแรงขึ้นไปอีก คนที่กลายเป็นส่งมีชีวิตชั้นสูงแล้วได้พยายามป้องกันการตายและบาดเจ็บของพรรคพวกสายพันธ์มังกรให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และสายพันธ์มังกรมังกรก็รู้สึกอับอายกับเรื่องนี้ทำให้พวกเขาได้พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ในที่สุดยูอิลฮานก็คิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้อยู่ตัวแล้ว
“ดีล่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็คงไม่ต้องจัดการเองแล้ว”
แม้ว่าเขาจะต้องยุ่งวุ่นวาย แต่ยูอิลฮานก็สบายใจมากขึ้นที่พรรคพวกของเขามาหาเขาได้ถูกเวลา แน่นอนว่ายังมีคนอื่นๆอีกที่จะมาหาเขาในอนาคตจนทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมา
สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ใช้พลังที่พวกเขาไม่รู้จักและมีความสามารถในการต้านทานมานา! แค่คิดถึงการวิเคราะห์และหาวิธีรับมือพวกมันเขาก็ปวดหัวแล้ว แต่ว่าจะทำยังไงได้ล่ะ? นี่มันคือหน้าที่ของตัวเขา ยูอิลฮานได้ยืดเส้นยืดสายและมองไปรอบๆ
“มิเรย์?”
“อิลฮาน เราต้องคุยกันหน่อย”
เมื่อนึกย้อนไปถึงสายตาที่เธอมองมาที่เขาในตอนแรกที่ออกมาจากไข่ ยูอิลฮานก็เป็นกังวลว่าเธออาจจะสารภาพอะไรบางอย่างกับเขา แต่ว่าสิ่งที่คังมิเรย์ ‘สารภาพ’ ออกมานั้นต่างไปจากสิ่งที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง
“ดูเหมือนฉันจะได้ไปเจอพระเจ้ามา”
“…ว่าไงนะ?”