บทที่ 271 – ถ้าอยากจะติดตามฉันล่ะก็นะ (5)
พอเขากลับมาก็เป็นเวลาตี 4 แล้ว หากเป็นโลกตามปกติทุกๆคนก็น่าจะกำลังหลับกันอยู่ แต่ว่าเหล่าคนที่อยู่ในกุนเดียวนี้ต่างก็ต้องปะทะกับมอนสเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เป็นปกติที่พวกเขาจะยังไม่นอนกัน
ยังคงมีแสงไฟตามที่ต่างๆของป้อมปราการและเหล่าคนเฝ้ายามต่างก็ไม่อาจจะลดการระวังยูอิลฮานกับป้อมปราการที่อยู่ๆก็โผล่มาจากการที่ยูอิลฮานยกเลิกการซ่อนตัวได้ ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าไม่มีทางเอาชนะได้ แต่ว่าพวกเขาก็ต้องระวังตัวอยู่ดี
[บรรยากาศที่นี่ดีนะ]
“ฉันเคยเห็นภาพแบบนี้แต่ในหนัง”
“ฉันบอกว่าฉันจะไปกวาดล้างมอนสเตอร์ทั้งหมดก่อนจะกลับมานี่นา ทำไมพวกเขาถึงยังอยู่นี่กันล่ะ?”
[ที่รักจะไปนอนหรอหากว่ามีคนแปลกหน้าจู่ๆก็เข้ามาบอกว่าเขาคนนั้นจะไปกวาดล้างกองกำลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดน่ะ?]
“น่าเศร้าแหะ แต่เธอก็พูดถูก”
ตอนแรกยูอิลฮานคิดว่าคนพวกนี้จะไม่ให้เขาเข้าประตูไปด้วยซ้ำ แต่ก็น่าจะเพราะมีคำสั่งมาจากฮานเยรังทำให้ยูอิลฮานเดินเข้ามาได้โดยไร้ซึ่งการขัดขวาง แต่แน่นอนว่ายังคงมีเสียงกระซิบกันอยู่ดี
“ชายคนนี้คือ…”
“ฉันมั่นใจแล้ว เขามีสตรีที่งดงามเคียงข้าง”
“ฉะ ฉัน”
คิมเยซอลได้ยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำว่า ‘งดงาม’ ยูอิลฮานก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เขากังวลเลยคือเฮเรียน่าอาจจะปลดพลังของเธอออกมาทำให้วุ่นวายได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอก็ได้ซ่อนเอาพลังเวทย์ของเธอเอาไว้อยู่
“คุณมาแล้ว”
“โอ้ พลตรีแล้วก็…”
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
เขาได้ทหารพามาในที่ที่พลตรียุนกับฮานเยรังอยู่ ฮานเยรังมีออร่าที่น่าประทับใจอยู่แม้ว่าเธอจะใส่เกราะพังๆอยู่ก็ตาม และเขายังได้เห็นความเป็นผู้นำจากตัวเธออีกด้วย แม้กระทั่งหลังจากได้เจอคิมเยซอลกับเฮเรียน่า เธอก็ยังไม่ถอยกลับและทักทายกับยูอิลฮานมา
“พันเอกฮานเยรัก”
“ฉันดีใจที่คุณสบายดี”
ฮานเยรังได้พูดออกมาอย่างมั่นใจกับยูอิลฮานอย่างเป็นธรรมชาติ หากในด้านความสัมพันธ์ส่วนตัวพวกเขาแทบไม่คุยกันเลย แต่หากเป็นในด้านการค้านับว่าพวกเขาสนิทกันมาก
“ฉันก็ดีใจเหมือนกันที่เธอสบายดี ตอนนี้ฉันได้จัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดไปแล้ว… แต่ว่าโลกใบนี้ยังไม่ได้สเถียรนักทำให้ ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะโผล่มาอีกเมื่อไหร่”
“…นี่ก็น่าทึ่งมากแล้ว”
ฮานเยรังควรจะทำสีหน้ายังไงดีกับการที่ยูอิลฮานพูดออกมาว่าเขาได้สังหารมอนสเตอร์ทั้งหมดไปเหมือนกับการที่เขาไปถอนหญ้าหลังบ้านมา? แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะได้ยินเรื่องต่างๆจากยุนแดฮานแล้ว แต่ว่านี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เธอได้เจอกับช่องว่างความห่างฉันอย่างมหาศาลในโลกที่พวกเธอมีชีวิตอยู่ ยูอิลฮานได้พูดออกมาโดยไม่รู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“เดิมทีฉันคิดจะมาพาตัวเธอกับสมาชิกทั้งหมดของกองกำลังปราบปรามกลับไปที่โลกเรา แต่ว่าในตอนนี้โลกเรา…”
“ฉันได้ยินทุกๆเรื่องมาแล้ว การพัฒนาของโลกกำลังเป็นไปอย่างรวดเร็ว และในอนาคตอันใกล้นี้ก็มีโอกาสที่โลกเราจะกลายไปเป็นโลกระดับสูง…”
ยูอิลฮานได้ยักไหล่และพูดต่อไป การที่ไม่ต้องอธิบายเพิ่มอีกเป็นเรื่องที่ดรมาก
“แต่ว่าฉันรู้สึกว่าพันเอกฮานมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำที่นี่อยู่ แต่แน่นอนว่าถ้าเธออยากจะตามมา ฉันก็จะพาเธอกลับไปที่โลกด้วย…”
“ไม่ล่ะ”
เธอได้ส่ายหัวออกมาอย่างไม่ลังเล นี่มันก็เป็นไปอย่างที่ยูอิลฮานคิดเอาไว้
“ตราบใดที่ผู้คนที่นี่ยังเชื่อในตัวฉัน ฉันจะไม่มีวันหนีพวกเขาไปแน่”
“นั่นจะไม่นับเป็นการหนีหรอกนะ สภาพแวดล้อมที่โลกเราโหดร้ายกว่าที่นี่มาก”
“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ คุณยูอิลฮาน แค่คุณคนเดียว โลกเราก็ปลอดภัยยิ่งกว่าที่นี่มากแล้ว”
การประเมินของเธอมันทำให้เขาตัวสั่นขึ้นมา ยังไงก็ตามต่อจากนั้นฮานเยรังก็ได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่กว่าเดิมออกมา
“งั้น… ทำไมคุณไม่รับเราทุกคนไปด้วยล่ะ?”
“…ว่ายังไงนะ?”
ยูอิลฮานได้ถามออกมามีครั้งราวกับได้ยินผิดไป แต่คำตอบกลับก็ยังคงเหมือนเดิม
“ผู้รอดชีวีตในป้อมปราการนี้มีแค่สามหมื่นคนเท่านั้น ในตอนนี้พวกเราแค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆเท่านั้น… แถมเรายังไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตมากนักด้วย”
เขาไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ การต่อสู้กับมอนสเตอร์และเตรียมตัวรบตลอดเวลา เรื่องแบบนี้มันไม่นับว่าเป็นการ ‘ใช้ชีวิต’ แล้ว
“แต่ว่าทั้งสามหมื่นคนนี่…”
“พวกเราจะตั้งถิ่นฐานกันเอง มีที่ดินมากมายบนโลกที่ยังไม่มีเจ้าของ ฉันก็แค่อยากจะได้การคุ้มกันจากคุณเท่านั้น คุณยูอิลฮาน ฉันอยากจะไปอยู่ในที่ที่คุณดูแลถึง”
“…”
ยูอิลฮานได้แต่มองไปที่ยุนแดฮานโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ยังไงก็ตามแทนที่เขาจะชักชวนฮานเยรังกลับกลายมาเป็นเธอได้เกลี้ยกล่อมเขาแทน
“จริงๆ เราก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว ถ้าคุณอนุญาติเราทุกคนก็จะตามคุณกลับไปที่โลกคุณยูอิลฮาน”
“เธอรู้ใช่ไหมว่าโลกที่มีระดับสูงกว่ามันหมายความว่ายังไง ฉันบอกเธอไปแล้วนะว่าโลกเรากำลังเข้าสู่ช่วงสงคราม? ที่นั่นมันจะเป็นสนามรบของคนที่มีพลังมากจนเทียบกับโลกที่เธออยู่นี่ไม่ได้เลยนะ!”
“แต่ถึงแบบนั้นเราก็คิดว่ามันดีกว่าการปล่อยให้ตัวเองต้องการที่นี่แหละนะ”
“…นี่เธอ…”
เขาไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าคนพวกนี้คิดอะไรกันอยู่ ยังไงก็ตามคิดเยซอลก็ได้ยิ้มพอใจอยู่ตลอดเวลา และเฮเรียน่าก็หัวเราะขึ้น
[นี่มันน่าสนใจจริงๆ ที่รักคือคนที่ทำให้มนุษยชาติเอาตัวเองเข้าไปสู่การทำลาย จากเดิมที่พวกเราดิ้นรนในสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเขาได้วิ่งเข้าไปสู่สถานการณ์ที่แย่กว่าเดิมด้วยความคิดที่ว่าสิ่งใหม่ๆจะดีกว่า!]
“นี่มันไม่ต่างไปจากพวกกองทัพปีศาจวิบัติของเธอเลยสินะ”
[โอ้ ที่รักคิดแบบนั้นงั้นหรอ เป้าหมายของกองทัพปีศาจวิบัติน่ะคือการทำลายล้างนะ การทำลายก็คือการกลืนกินทุกๆอย่างไปแม้กระทั่งตัวเองก็ตาม นี่เป็นเหตุผลที่กองทัพปีศาจวิบัติไม่ขัดขืนต่อการถูกลงโทษไงล่ะ]
“พวกนั้นนี่มันบ้าไปแล้ว”
[ยังไงก็ตามที่รักน่ะต่างออกไป]
รอยยิ้มที่ยั่วยวนของเฮเรียน่าได้เข้ามาถึงหัวใจของยูอิลฮานแล้ว
[ที่รักไม่ได้คิดที่จะทำให้โลกของที่รักไปเจอกับหายนะใช่ไหมล่ะ?]
“ใช่ นั่นคือสิ่งที่ฉันหวังจะทำเลยล่ะ เธอพูดได้ถูก”
[เพราะแบบนี้ทำให้ผู้คนที่หลงใหลในพลังของที่รักเชื่อว่าที่รักจะทำในสิ่งที่คิดเป็นจริงได้ มันก็เป็นปกติที่คนอ่อนแอมักจะมาเป็นทาสของผู้แข็งแกร่งนี่นา]
เพราะแบบนี้คนบนโลกนี้ก็เลยเชื่อว่าตราบใดที่พวกเขาตามยูอิลฮานไป พวกเขาก็จะไม่ได้เลือกทางผิด เธออยากจะบอกแบบนี้งั้นหรอ ซับซ้อนจริงๆเลย
[ฟุฟุ หน้าตาตอนครุ่นคิดของที่รักนี่นารักเหมือนกันนะ…]
“ฮึ่ม”
ยูอิลฮานได้ดันหน้าของเฮเรียน่าที่ยื่นเข้ามาใกล้เขาออกไปอย่างไม่ลังเล เฮเรียน่าได้ฉีกยิ้มออกมาเพิ่มขึ้นในทันที
“เอาล่ะถ้างั้นก็ทั้งสามหมื่นคนจะไปที่โลกด้วยกันกับเรา นี่ไม่น่าจะยากอยู่แล้ว”
“ขอบคุณมาก”
หลังจากฮานเยรังได้เห็นเฮเรียน่าที่เธอเทียบไม่ติดทำตัวน่ารักกับยูอิลฮาน สีหน้าของเธอก็ได้มืดมนลงไป แต่ไม่นานนักเธอก็ได้รับคำอนุญาติจากยูอิลฮาน ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างสดใสราวกับเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การที่เธอจะทำตามอารมณ์ของเธอมันหมดไปนานแล้ว
ยูอิลฮานได้เดินไปที่กำแพงป้อมปราการพร้อมกับสหายของเขา เสียงกระดิ่งได้ดังออกมาอย่างช้าๆเพื่อเตือนว่ามีเวทย์ถูกใช้งาน เหล่าคนที่ไปหลับอย่างเหนื่อยล้าได้ตื่นและเดินออกมาข้างนอกทั้งหมดในทันที เมื่อทุกๆคนได้ออกมารวมตัวกันแล้ว ฮานเยรังก็ได้ประกาศออกมาเสียงดัง
“นับจากนี้ไปเราจะไปที่โลกของฉัน โลกที่ฉันได้เกิดมา และยังเป็นที่ที่มีผู้ปกครองสูงสุดอยู่!”
“อ๊าาาาาาาาาาา!”
เสียงแสดงความยินดีได้ดังออกมาเต็มไปหมด ผู้ปกครองสูงสุดนี่หมายถึงเขางั้นสินะ ยูอิลฮานได้สลดลงไปทันที ยังไงก็ตามจากปฏิกิริยาของทุกๆคนที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต ทำให้เขาไม่มีแรงไปโต้แย้งกับพวกเธอ
“ถ้างั้นเราจะไปกันเดี๋ยวนี้แหละ พวกเราจะไปพร้อมกันในทีเดียว”
“จำนวนคนขนาดนี้… ในทีเดียว?”
“แน่นอนสิ”
ยูอิลฮานได้ข้ามมิติไปที่โลกหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าเขาจะพาคนไปมากแค่ไหนก็ไม่ต้องใช้มานามากเลย ยูอิลฮานได้ยกเลิกบาเรียจากป้อมปราการผู้พิทักษ์ของเขาและให้ทุกๆคนที่รอดอยู่ขึ้นไปในป้อมปราการ จากนั้นเขาก็เอาไอเทมสำคัญเก็บเข้าไปในช่องเก็บของ
ทุกๆคนได้ขึ้นมาบนป้อมปราการผู้พิทักษ์แล้ว โดยปล่อยป้อมปราการเก่าของของพวกเขาทิ้งล้างเอาไว้ เมื่อเห็นกุนเดียที่ไร้ซึ่งชีวิตทำให้เขาพีมพัมออกมา
“จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันนะ?”
[อืมม? มันก็คงจะถูกทิ้งล้างแบบนี้ตลอดไป แม้ว่าจะมีมอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นมาก็ตาม แต่พวกมอนสเตอร์ก็จะผ่านวงจรการเกิดและหายไปจากการทำลายตัวเอง เพราะแบบนี้ทำให้โลกใบนี้ไร้อนาคตแล้ว]
“บางทีนี่มันอาจจะหมายความว่าเวลาภายในโลกใบนี้ไม่ได้เดินอีกต่อไปแล้ว… ทุกๆอย่างบนโลกใบนี้ได้ยุดลง น่าเสียดายจริงๆเลยเนอะ”
คิมเยซอลได้พึมพัมออกมา จากคำพูดของเฮเรียน่าได้ทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจ ยังไงก็ตามเฮเรียน่าก็ยังคงพูดไม่จบ
[แต่ว่าที่รักรู้อะไรไหม หากว่าเป็นที่รัก ที่รักอาจจะเปลื่ยนแปลงมันได้ก็ได้นะ]
“ยังไงล่ะ? เธออยากจะให้ฉันมากวาดล้างมอนสเตอร์ที่โลกใบนี้งั้นหรอ?”
[ไม่ ไม่ใช่หรอกที่รัก มนุษยชาติของโลกใบนี้ได้กลายมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณไงล่ะ]
“แล้ว?”
[…ฟุฟุ เรื่องต่อจากนี้เป็นความลับ ถ้าเป็นที่รักอีกไม่นานคุณก็จะรู้เองแหละ]
“นี่เธอ…”
[ฟุฟุ]
เฮเรียน่าได้มองมาที่เขาหลังจากพูดจบ สายตานี้มันคุ้นเคยกับเขามาก นี่มันคล้ายกับสายตาที่เลียร่าชอบมองมาที่เขาเป็นปกติ ยูอิลฮานได้อ้าปากออกมาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่พูด
เขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังตกไปในบึงโคลนมากเมื่อเมื่อเขาเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นตัวตนที่ปฏิเสธในมุมมองและมาตราฐานการกรำตำของเขาอย่างตรงไปตรงมาก
เธอขัดต่อกฏธรรมชาติเอามากๆ นี่มันเป็นเพราะตัวเธอมาจากกองทัพปีศาจวิบัติงั้นหรอ? ทั้งๆที่เขาบอกว่าให้เธอมาอยู่ข้างๆเพื่อที่จะควบคุมตัวเธอก็ตาม แต่ว่าบางทีนี่อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดของเขาก็ได้ที่มาเธอมาด้วย
“ถ้างั้นเราจะไปโลกกันแล้วนะ”
“โลก นั่นจะเป็นโลกแบบไหนกันนะ?”
“มันเป็นโลกที่ถูกปกครองด้วยคนที่ทรงพลังมากๆ ที่นั่นจะโหดร้ายกว่าที่นี่อีก”
“แต่… แต่ว่าที่นั่นจะมีชีวิตที่ต่างออกไปรอเราอยู่สินะ”
“นายหญิงฮานเยรังก็ไปกับเราด้วย มันไม่มีอะไรให้เราต้องกลัว!”
ความเชื่อมั่นในตัวของฮานเยรังได้ฝังลึกลงไปในจิตใจของคนพวกนี้แล้ว ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานสกิลข้ามมิติทั้งๆที่คิดว่าคนพวกนี้กำลังทำเรื่องบ้าๆกันอยู่
“โอ้ววว”
“ที่โลกนี่คือ…”
เมื่อพวกเขาได้กลับมาที่โลก ผู้คนบนป้อมปราการผู้พิทักษ์ก็ได้อุทานกันออกมาทุกคน
มีใบไม้หนาเต็มไปหมด รวมไปถึงหนาผาสูงชันอีกด้วย!
โพร่งที่เชื่อมน้ำทะเลไปสู่พื้นดินกับท้องฟ้า มีหมู่เกาะหินจำนวนนับไม่ถ้วนภายในโพร่งน้ำทะเลและสะพานสายรุ้งที่เชื่อมต่อไปยังเกาะต่างๆ! นี่มันเหมือนกับสรวงสวรรค์
“สวย”
“สวยงามมาก…”
“นี่คือโลกที่ผู้ปกครองสร้างขึ้น?”
ทุกๆคนได้มองมาที่ยูอิลฮานอย่างตกตะลึง ฮานเยรังก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แม้ว่าตัวเธอจะได้เรียนรู้การควบคุมอารมณ์แล้ว แต่ว่าต่อหน้าปรากฏการณ์แบบนี้ทำให้เธอไม่อาจจะซ่อนอารมณ์ไว้ได้เลย
“น่าทึ่งมาก คุณยูอิลฮาน…”
ยูอิลฮานได้พูดออกมาแห้งๆ เขาไม่อาจจะพูดได้เลยว่าเขานั่นแหละคือคนที่ตกตะลึงมากที่สุดในคนทั้งหมดนี้
ก่อนที่โลกจะได้ก้าวไปสู่โลกระดับสูงอย่างสมบูรณ์ เขาจะต้องรีบปรับสมดุลของโลกเดี๋ยวนี้เลย!