Chapter 26 – ความสิ้นคิด
“จิตวิญญาณการต่อสู้ของผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายสามารถออกจากร่างกายของพวกเขาและโจมตีคนอื่นได้อย่างไรกัน?” ฝางหรุยขมวดคิ้วขณะส่ายหัวของเขา
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ฝึกตนตระกูลฝางทั้งหมดต่างก็ตกตะลึก
“ใครสนกันล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น? พวกเรากลัวผู้ฝึกตนที่แม้กระทั่งไม่ได้อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิด?” สายตาของฝางหรุยมืดลงขณะที่เขากล่าว “ฆ่าเขาทันที เราไม่สามารถไว้ชีวิตเขาได้ เมื่อเขาฟื้นพรสวรรค์กลับมา เขาจะกลายเป็นอัจฉริยะที่หาคู่แข่งไม่ได้”
“ใช่!” ฝูงชนพยักหน้า
ห้าคนที่อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิดขณะที่หัวหน้าอยู่ในขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิด พวกเขามีมากเพียงพี่ที่จะจัดการกับเด็กหนุ่ม
ขณะที่เขาพูด ฝางหรุยได้นำคนอื่นเข้าโจมตีเซี่ยวหยุน
วูซ!
ผู้เชี่ยวชาญได้โจมตีพร้อมกัน ทำให้ปลดปล่อยอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้เปลือกตาของดวงตาที่ปิดสนิทของเด็กหนุ่มกระตุก ดวงตาของเขาเปิดออกขณะที่แสงอันเย็นชาถูกยิงออกมาเหมือนกับใบมีดที่พุ่งไปยังฝูงชน “คนตระกูลฝาง เจ้ากระทำเกินไปแล้ว!” เขาร้องตะโกนอย่างไม่ไยดี
ดวงตาของเซี่ยวหยุนได้เปิดขึ้นทันที กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นและในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด
เขาได้ค้นพบคนเหล่านี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไปที่รอบๆขณะทะลวงผ่านอย่างช่วยไม่ได้ เขารอดชีวิตมาได้เพราะเถาวัลย์ม่วงได้ปิดกั้นการโจมตีให้และเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังเตรียมจะโจมตีเขา ทำให้เขาโกรธอย่างเต็มที่
“เขาทะลวงผ่านแล้ว?” ผู้ฝึกตนตระกูลฝางต่างก็ตกตะลึง
“ฮึ่ม แล้วมันจะเกิดอะไรถ้าเขาทะลวงผ่าน? เขาก็เพียงแค่ขั้นต้นขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น”
“ฆ่า!” ด้วยการนำของฝางหรุย ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดอีกสี่คนก็ยังเข้าโจมตีด้วย
แก่นแท้แห่งปราณอันกว้างขวางจากการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดไปกวาดไปทางเซี่ยวหยุนเหมือนกับคลื่นลูกใหญ่ซึ่งดูราวกับว่ามันจะพาทุกอย่างจมไปในเส้นทางของมัน ผู้ฝึกตนแต่ละคนแกว่งดาบหรือเปิดใช้ทักษะการต่อสู้ไปยังเซี่ยวหยุน ปิดกั้นเส้นทางทั้งหมดและทำให้เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะหนี
ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายของตระกูลฝางเฝ้ามองด้านข้างด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็นบนใบ้หน้าพวกเขา ซึ่งไม่ได้ตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้ ด้วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดห้าคนโจมตี ทำไมพวกเขาจึงต้องเข้าร่วม?
ด้วยการคิดน้อยของเซี่ยวหยุน จิตวิญญาณการต่อสู้ซึ่งยังคงอยู่ในแก่นแท้ฤดูใบไม้ผลิ ได้กระพริบขณะที่มันฟาดไปยังผู้โจมตี มันเหมือนกับแส้ที่บรรจุไปด้วยพลังป้องกันที่ไม่สามารถผ่านไปได้ ผู้ที่โจมตีก็ไม่สามารถผ่านมันไปได้
เคล้ง! เคล้ง!
จิตวิญญาณการต่อสู้กระพริบขณะที่มันปิดกั้นการโจมตีที่รุนแรง
“คนเลว!” ในขณะเดียวกัน เถาวัลย์ม่วงก็กระทำอีกครั้งหนึ่ง
ชวิ้ง!
แสงสีม่วงกระพริบขณะที่เถาวัลย์จำนวนไม่มากขยายออกมาจากเซี่ยวหยุน ไปยังผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดด้วยความเร็ว เถาวัลย์นั้นเร็วและทะลวงผ่านอากาศได้อย่างรวเร็วอย่างเหลื่อเชื่อ ก่อนที่พวกเขาจะได้ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น เถาวัลย์ม่วงก็ได้มาถึงร่างกายของพวกเขาแล้ว
“อ๊ากกก!”
เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดออกมา และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดได้มองลงไปและพบกับเลือดที่ได้ไหลพุ่งออกมาจากข้อมือที่ถูกเจาะผ่านเป็นรูของเขาอย่างรวดเร็ว
ต่อไปนี้ หัวใจของคนอื่นๆได้ถูกเจาะผ่านเป็นรูและเขาก็ยังร้องออกมาขณะที่เขาล้มลง
“เถาวัลย์ทรงพลังอะไรขนาดนี้กัน!”
“สิ่งเหล่านี้คืออะไร?” ผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดคนอื่นก็ตกใจอย่างสมบูรณ์และถอยหนีอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่พวกเขาเปิดเผยความกลับออกมา ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายซ่อนอยู่ข้างหลังพวกเขาด้วยความกลัวที่มากยิ่งกว่า
ฝูงชนมองไปและเห็นหน้าผากของเซี่ยวหยุนสว่างขึ้น ด้วยหยกสีเขียวและกิ่งสีม่วงและเถาวัลย์ที่ยื่นออกมาจากมัน
เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหลานี้ได้ปิดกั้นการโจมตีของพวกเขา จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนกระพริบและถอยกลับไปยังทะเลแห่งจิตสำนึก ราวกับว่ามันได้รับบาดเจ็บระหว่างการตอบโต้และไม่กล้าที่จะต่อสู้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามเถาวัลย์สีม่วงยังคงเคลื่อนไหวไปรอบๆภายนอก นี้ทำให้เซี่ยวหยุนรู้สึกเศร้าซึมมาก ทำไมจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาถึงได้ขี้ขลาดแบบนี้?
เมื่อเขาส่งจิตใจของเขาเข้าไปยังทะเลแห่งจิตสำนึก เขาพบจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาได้รับบาดเจ็บโดยแท้จริงและปัจจุบันมันกำลังรักษาตัวเอง ในทางกลับกัน เถาวัลย์สีม่วงดูเหมือนดีกว่าไม่มากก็น้อย ปรากฏว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ความแข็งแรงบึกบึนของเขาไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับความแข็งแรงเถาวัลย์สีม่วงได้
“พี่ใหญ่อย่ากังวัล ม่วงน้อยจะช่วยท่านกำจัดคนเลวเหล่านี้เอง” สหายตัวน้อยกล่าวอย่างจริงใจขณะที่มันกะพริบตาภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเซี่ยวหยุน (เปลี่ยนจากน้องสาวสีม่วงเป็นม่วงน้อยนะครับ)
เซี่ยวหยุนรู้สึกเคลื่อนไหวได้มากโดยสหายตัวน้อย
“เอาล่ะไปกำจัดคนเลวเหล่านี้ด้วยกันเถอะ” เซี่ยวหยุนหยิบกระบี่ของเขาขณะที่เขามองอย่างเย็นชาไปที่ผู้ฝึกตนตระกูลฝาง
จากห้าผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิด หนึ่งในนั้นตายและอีกหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คนอื่นอีกสามคนสบายดี สองคนอยู่ในขั้นกลางของขอบเขตต้นกำนิด ขณะที่ผู้นำได้อยู่ในขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิดที่เป็นคนที่ทำให้จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนได้รับบาดเจ็บ เซี่ยวหยุนหมุนเวียนปราณพิษภายในจิตวิญญาณการต่อสู้แล้วยิงมันออกไปยังพวกเขา
วูซ
ปราณพิษฉีดออกไปในหมอกทำให้ปลดปล่อยกลิ่นอายพิลึกออกมา
“มันเป็นหมอกพิษ!” สายตาของฝางหรุยกลายเป็นจริงจังขณะที่คลื่นได้กระเพื่อมออกมาจากร่างกายของเขาและแก่นแท้แห่งปราณของเขาได้ปิดกันหมอกพิษไป
เซี่ยวหยุนขมวดคิ้ว ขั้นปลายขอบเขตต้นกำเนิดนั้นทรงพลังเกินไป พวกเขายังสามารถป้องกันจากตัวเองจากหมอกพิษได้ด้วย
ม่วงน้อยก็กังวลมาก ร่างกายของมันได้ผลิตพิษถึงตายไว้ ซึ่งผสมผสานเข้ากับพิษของตัวมันเองเพื่อสร้างสิ่งที่ผสมขึ้นถึงตายเพื่อฆ่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิด อย่าไรก็ตามนี่เป็นค่าใช้จ่ายจำนวนของแก่นแท้แห่งชีวิตของมัน พิษนั้นมันได้ผลิตด้วยมันเองอย่างจำกัด
“สารเลว เจ้าแปลกประหลาดทีเดียวแต่นี่คือทั้งหมดที่เข้ามีแล้ว เจ้าก็เพิ่งก้าวเข้ามาสู่ขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้นและถูกลิขิตให้ตายนี่” รอยยิ้มอุบาทว์ปรากฏขึ้นบนหน้าของฝางหรุยขณะที่เขากล่าวอย่างเลือดเย็นว่า “หลังจากเจ้าตาย ตระกูลเซี่ยวก็ถึงโชคชะตาแห่งตาย”
ขณะที่เขากล่าว เขาได้พลิกฝ่ามือทำให้แก่นแท้แห่งปราณกระเพื่อมออกมา ผนึกวิเศษปรากฏบนฝ่ามือของเขา
ผนึกวิเศษที่ขรุขระได้ปกคลุมไปทั่วฝ่ามือของเขาและอักษรรูนสดใสได้ไหลอยู่ภายในของมัน ทำให้อากาศหนักหนา
ชายคนนั้นได้พลิกฝ่ามือของเขาอีกครั้งและผนึกวิเศษทันใดนั้นก็มีขนาดเป็นสองเท่า มันทำให้เกิดกลิ่นอายที่เกรียงไกรและครอบงำขณะที่พุ่งไปยังข้างหน้า ทำให้อากาศสั่นสะเทือนและแก่นแท้แห่งปราณในบริเวณนี้กระจายไป
“นี่คือผนึกภูเขาหนักของตระกูลฝาง! เมื่อชำนาญมันจนสมบูรณ์ จะสามารถปลดปล่อยผนึกที่หนักราวกับภูเขาได้ ซึ่งเกือบจะไม่สามารถขวางมันได้ ถ้าคนถูกโจมตีโดยมัน พวกมันจะถูกขยี้จนตาย” สายตาของเซี่ยวหยุนกลายเป็นร้ายแรงขณะที่กระบี่ของเขาฟันออกไป แสดงของดาบกระพริบเหมือนแสงสีรุ่งไปยังผนึกวิเศษที่บรรจุแก่นแท้แห่งปราณ
เคล้ง!
เมื่อกระบี่โจมตีไปยังผนึกวิเศษ เสียงกระทบกันของเหล็กก็ดังออกมา
“นี่เป็นพลังต่อสู้ในขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิด?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกราวกับว่ากระบี่ของขาแทงลงบนกระดานเหล็ก ขั้นสุดท้ายของขอบเขตต้นกำเนิดทรงพลังเกินไป แม้ว่าเซี่ยวหยุนจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว แต่ช่องว่างระหว่างพวกเขามันใหญ่เกินไป
คลื่นแห่งพลังภายในไหลออกมา และเซี่ยวหยุนรู้สึกร่างกายสั่นเทาในง่ามระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ขณะที่เขาถูกส่งกลับหลังไป 7 ก้าว เขารู้สึกราวกับว่ามีภูเขายักกดทับลงบนและใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่สามารถหายใจได้
การโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิดนั้นไม่ใช่บางสิ่งที่เขาจะขัดขวางได้ นี่ยิ่งมากขึ้นไปอีกเพราะว่าฝางหรุยได้ใช้ทักษะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงของตระกูลฝาง
ทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์!
ความที่โผล่ขึ้นมาในใจของเซี่ยวหยุนอย่างกะทันหัน ขณะที่เขาเริ่มเปิดใช้งานทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
บุซซ!
กระแสน้ำวนปรากฏขึ้นในตันเถียนของเขา ซึ่งเริ่มที่จะกลืนกินแก่นแท้ปราณแห่งสวรรค์และโลก แม้แต่ความกดดันจากผนึกภูเขาหนักก็เริ่มถูกกลืนกิน ลดความเครียดบนเซี่ยวหยุนลง สิ่งนี้อนุญาตให้เขาหายใจได้ในที่สุด
ทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นี้ดูราวกับว่ามันสามารถกลืนกินสวรรค์ได้จริงๆ
มันน่าเสียดายที่เซี่ยวหยุนนั้นไม่ได้บ่มเพาะทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานาน และก็ยังไม่ถึงขอบเขต กลืนกินสวรรค์ , ทำลายจิตวิญญาณ การใช้ทักษะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์สามารถช่วยเขาลดความกดดันได้บางส่วน แต่ผนึกภูเขาหนักก็ยังคงปล่อยแสงสดใสขณะที่มันกดลงบนเขา
ในเวลาเดียวกัน สองผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดก็ได้โจมตีไปที่เขาจากทั้งซ้ายและขวา
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ทำร้ายพี่ใหญ่ เจ้าคนเลว!” เถาวัลย์ม่วงได้ลงมือรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ เถาวัลย์ของมันได้ยิงออกมาเหมือนกับแส้ไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดขณะที่กิ่งของมันแทงไปยังผนึกภูเขาหนัก
สองผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดถูกส่งถอยหลังหลับไป ไม่สามารถแข่งขันกับเถาวัลย์ได้
เคล้ง!
ผนึกภูเขาหนักได้สั่นสะเทือนและถูกปิดกั้นเอาไว้จริงๆ
เถาวัลย์ม่วงมีความสามารถในการต่อสู้กับผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดขั้นสุดท้ายได้ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีร่างเนื้อและแก่นแท้ชีวิตก็มีจำกัด มันก็ยังมีชิวิตอยู่ภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา มันดูดซับแก่นแท้ชีวิตแห่งชีวิตไปเป็นจำนวนมากและได้กลายแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาก่อน
“ของเวรบ้านี่คืออะไรกัน?” เห็นกิ่งสีม่วงปิดกั้นทักษะการต่อสู้ของเขา ฝางหรุยตกตะลึงโดยสมบูรณ์ สายตาของเขาได้กลายเป็นเย็นเยียบขณะที่เขาดึงออกมาจากความมืด ดึงกระบี่สีดำอ่อนวออกมาและพึมพำ “ฮึ่ม ดูซะขณะที่ข้าตัดกิ่งพวกนี้ออกเป็นส่วนๆ”
ชวิ้ง!
ฝางหรุยฟันออกไปด้วยกระบี่อ่อนซึ่งปล่อยแสงสีดำออกมา มันดูเหมือนจะเฉือนผ่านท้องฟ้าขณะที่มันฟันลงไปบนกิ่ง เหมือนกับไม่สามารถหยุดได้ นี่เป็นกระบี่ล้ำค่าที่ถูกหลอมโดยการกลั่นสกัดเหล็กดำ และเป็นอาวุธระดับสีดำด้วย มันสามารถกล่าวได้ว่ากระบี่นี่สามารถตัดผ่านเหล็กเช่นโคลนได้
ขณะที่กระบี่อ่อนฟันไปทางเซี่ยวหยุนและเถาวัลย์ม่วง มันได้ปลดปล่อยปราณกระบี่หนาวเหน็บออกมา
“คนเลว!” เถาวัลย์ม่วงตะโกนออกมาด้วยเสียงของเด็กทารก หลังจากตะโกนออกไป มันก็ควบคุมเถาวัลย์และกิ่งเพื่อโจมตีฝางหรุย
“ดีมาก” ฝางหรุยหัวเราะเย็นชา “นี่คือทักษะกระบี่เมฆาลื่นไหลของข้า!”
ความรู้สึกที่กระบี่ปล่อยออกมาเปลี่ยนไป กลายเป็นเหมือนเมฆที่ลอยผ่านและไหลเหมือนกับสายน้ำ ความรู้สึกนี้ค่อนข้างเหมือนกับโลกอื่น ซึ่งทำให้มันเป็นเรื่องยากที่คาดเดาวิถีของกระบี่
ชวิ้ง , ชวิ้ง!
ในเวลาเพียงไม่นาน ฝางหรุยปลดปล่อยแสงกระบี่ออกมานับสิบ ทุกครั้งของพวกมันเหมือนกับเมฆที่ลอยผ่านและแม่น้ำที่ไหลไป พวกมันไม่สามารถหยั่งถึงไม่เพียงแค่ปิดกั้นการโจมตีของเถาวัลย์ม่วงเท่านั้น แต่พวกมันยังฟันไปยังเถาวัลย์และกิ่งด้วยความเร็วที่ทำให้รู้สึกตาพร่า
เห็นการโจมตีของฝางหรุย การแสดงออกของเซี่ยวหยุนกลายเป็นร้ายแรง เห็นได้ชัดว่าคนๆนี้ค่อนข้างรอบรู้เกี่ยวกับทักษะกระบี่สูงมาก และฝ่ายตรงข้ามที่สู้ด้วยยากลำบาก เถาวัลย์ม่วงยังคงโจมกระบี่อ่อนอย่างต่อเนื่อง แล้วเถาวัลย์กับกิ่งของมันก็รีบถอยกลับไป พวกมันจำนวนมากถูกปกคลุมไปด้วยแผลจากกระบี่
“พี่ใหญ่ ทักษะกระบี่ของชายคนนั้นทรงพลังมาก ทั่วทั้งร่างกายของม่วงน้อยได้รับบาดเจ็บ!” ภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเซี่ยวหยุน ดวงตาของม่วงน้อยวูบวาบ มองดูน่าสงสารอย่างยิ่ง
การตอบโต้นั้นเร็วเกินไปและทุกการโจมตีก็เหมือนฟ้าผ่า ตอนนี้เซี่ยวหยุนสุดท้ายตัวเขาก็สงบลงภายใต้ความกดดันของภูเขา
มองดูเถาวัลย์ม่วงที่ดูน่าสงสาร เซี่ยวหยุนรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขามีเลือดออก เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะไร้พลัง – นี่เป็นความแตกต่างระหว่างการบ่มเพาะ!
ดวงตาของเซี่ยวมุ่งเน้นไปที่การจ้องมองลงไปฝางหรุย เขาไม่เคยหมดหวังกับพลังมาก่อน
“ไปตาย!” เห็นเถาวัลย์สีม่วงถอยกลับ สามผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดสามคนส่งเสียงต่ำอย่างเย็นชาขณะที่พวกเริ่มโจมตีอีกครั้งหนึ่ง มันดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ต้องการจะสังหารเซี่ยวหยุนในการโจมตีรอบสุดท้ายนี้
“ตระกูลฝาง วันหนึ่งข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องชดใช้สำหรับเรื่องนี้” ดวงตาของเซี่ยวหยุนส่องประกาย เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องสำหรับเขาที่จะต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิด เช่นนี้ เขาจึงเริ่มถอยหลังและวางแผนหนี
“ฮ่าฮ่า เจ้าต้องการให้พวกข้าชดใช้? มันน่าเสียดายที่เจ้าจะไม่ได้มีโอกาสอีกต่อไป” สามผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดขนาบข้างเซี่ยวหยุน ล้อมรอบเขาและไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสถอยกลับ ถ้าพวกเขาปล่อยเด็กนี้ไป จะไม่เท่ากับการปล่อยเสือกลับสู่ภูเขาหรือ?
“ตาย!” ในการตอบสนอง ใบหน้าของเซี่ยวหยุนยังคงเย็นและไม่เสียสติ เขามองไปยังชายคนหนึ่งที่ข้อมือถูกแทงโดยเถาวัลย์ม่วง คลื่นพลังวิญญาณหนาแน่นกวาดออกมาจากจิตใจของเขา กระแทกเข้ากับจิตใจชายคนนั้น
บุซ!
ขณะที่พลังวิญญาณเข้าสู่จิตใจของเขา ใบหน้าของชายคนนั้นทันใดนั้นก็เปลี่ยนไปราวกับว่าเขาโดนฟ้าผ่า เขายืนอยู่ที่นั่น เยือกแข็ง มีเพียงร่องรอยความกลัวในดวงตาของเขาเท่านั้น มันดูราวกับว่าจิตใจของเขาได้ทิ้งเข้าไว้ตามเวลาที่เขาฟื้นตัว รังสีแสงกระบี่ได้วูบวาบไปยังเขา
จิ๊!
เลือดพึ่งออกกมาขณะที่เซี่ยวหยุนแทงลำคอของชายคนนั้นในการโจมตีเดียว! เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดที่ล้มลง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดคนอื่นได้เหลือบมองไปยังคนอื่นๆ ดูตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยสมบูรณ์ พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพี่น้องของพวกเขายืนอยู่ที่นั่นและอนุญาติให้ตัวเองถูกฆ่าโดยเด็กหนุ่ม
“สารเลวยังมีกลใต้แขนเสื้อของเขา!” การแสดงออกของฝางหรุยกลายเป็นเย็นเยียบขณะที่สายตาของเขากลายเป็นฆาตกร
หลังจากเถาวัลย์ม่วงถอยกลับ เขารู้สึกราวกับว่าการต่อสู้ถูกตัดสินไปแล้วและผ่อนคลายลง ใครจะไปคิดว่าในช่วงเวลาที่เขาผ่อนคลาย หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดของตระกูลฝางจะล้มลง?