Chapter 25 – วิกฤติ
“เนื้อหนังของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตัวนี้ถูกทำลายจริงหรือ?” เซี่ยวหยุนตกตะลึง มันไม่สามารถคิดได้ว่าจะมีสิ่งนั้นอาจเกิดขึ้นกับนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ นี้ได้บอกกับเซี่ยวหยุนว่าผู้หญิงผิวขาวนั้นน่ากลัวแค่ไหน แน่นอว่านางต้องเป็นเซียนระดับสูงเช่นกัน
ในขณะนี้ แสงกระพริบอยู่ในอากาศขณะที่ผู้หญิงผิวขาวปรากฏตัวขึ้น
“นกกระจอกกลืนกินสวรรค์นั้นมีพลังมากเกินไป ถ้าข้าไม่มียุทธภัณฑ์ต้องห้ามละก็ มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะรอดชีวิตไปได้” หญิงสาวผิวขาวมองจากระยะไกลไปที่นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ที่หายตัวไปและขมวดคิ้ว ทันใดนั้นสีหน้าของนางได้เปลี่ยนขณะที่นางกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ฟู่!
เลือดตกลงมาผ่านอากาศขณะที่กลิ่นอายของผู้หญิงผิวขาวได้อ่อนแอลงมากอย่างเห็นได้ชัด เซี่ยวหยุนเฝ้ามองขณะที่นางลงมาในหุบเขาอย่างช้าๆ มันดูเหมือนว่านางได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัสและนางเกือบจะลอยไว้ไม่อยู่!
“นางก็บาดเจ็บเช่นเดียวกัน” เซี่ยวหยุนจ้องมองด้วยความตกใจ มันดูเหมือนว่านกกระจอกกลืนกินสวรรค์ก็มีความพิเศษเหมือนกัน แม้จะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ มันก็ยังสามารถทำร้ายผู้หญิงคนนี้ในขอบเขตดังกล่าวได้
ตอนนี้การต่อสู้ได้จบลงแล้ว ระลอกคลื่นของพลังก็บางเบาลง แต่เปลวไฟยังคงเผาไหม้ในที่ที่พวกเขาได้สู้กัน
เซี่ยวหยุนมองไปที่จุดสูงสุดในระยะไกลและเริ่มมุ่งหน้าไปที่นั่น หลังจากดูการต่อสู้ระหว่างเซียนครั้งนี้ เขารู้สึกว่ามีโอกาสที่เขาจะทะลวงผ่านได้
เขาปีนขึ้นไปบนเขาหลายยอดเขาและในที่สุดก็มาถึงภูเขาลำธาร แก่นแท้แห่งปราณอันหนาแน่นอย่างเหลือเชื่อที่ไหลออกมาเหมือนกับคลื่น เมื่อพิจารณา เขาค้นพบมันมีฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นที่มาของแก่นแท้แห่งปราณ
เซี่ยวหยุนนั่งลงบนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ข้างแก่นแท้ฤดูใบไม้ผลิขณะที่เขาปิดตกลง เขาดูราวกับว่าเขาได้เข้าใจสวรรค์และโลกแล้วภายในตันเถียนของเขา กระแสน้ำวนได้ปรากฏขึ้น ดูดซับแก่นแท้ปราณแห่งสวรรค์และโลกเข้ามาภายในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเดียวกัน กิ่งของหยกสีเดียวได้ออกมาจากหน้าผากของเขา ขยายออกเข้าไปในแก่นแท้ฤดูใบไม้ผลิ แน่นอนว่านี่เป็นจิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุน จิตวิญญาณการต่อสู้ได้ปล่อยแสงหยกสีเขียวสดใสออกมา ดูดซับแก่นแท้ปราณแห่งสวรรค์และโลกอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ตัวมันเองแข็งแกร่งขึ้น
ภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเซี่ยวหยุน กิ่งของจิตวิญญาณการต่อสู้ได้ขยายกว้างขึ้นและกว้างเกือบเท่าข้อมือของคน บนกิ่ง ได้มีก้านหยกสีเขียวเติบโตขึ้นมาและปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งชีวิตอันหนาแน่นออกมา
ตอนนี้ได้มี 3 ก้านบนจิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุน สองในพวกมันได้อยู่มานานแล้วและมีหยดน้ำค้างบางหยดอยู่บนในของพวกมัน มีหยดน้ำค้างสีแดงเข้มบนหนึ่งในใบของมันซึ่งมองดูเหมือนเพชรพลอยที่เหมือนไฟ
“เนื่องจากพี่ใหญ่กำลังบ่มเพาะอยู่ นั่นหมายความว่าข้าสามารถเอานมได้บางส่วน?” ภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเซี่ยวหยุน สหายตัวน้อยจ้องไปยังหยดน้ำค้างขณะที่น้ำลายของมันได้ไหลออกมา ขณะที่เซี่ยวหยุนกำลังบ่มเพาะอยู่ มันรีบวิ่งขึ้นไปบนจิตวิญญาณการต่อสู้ โดยต้องการที่จะขโมยหยดน้ำค้าง
จิตวิญญาณการต่อสู้ถูกครอบงำด้วยด้วยการดูดซับแก่นแท้แห่งปราณที่ดุเดือดเลือดพล่าน
และไม่ได้ให้ความสนใจกับสหายตัวน้อยเลย
เซี่ยวหยุนกำลังฝังอยู่กับความหยั่งรู้ของเขา (เปลี่ยนเป็นความหยั่งรู้นะครับ)
ในแง่ของการบ่มเพาะ ถ้าหากต้องการจะไปถึงขอบเขตต้นกำเนิดและไปเหนือกว่านั้น พวกเขาจำเป็นต้องมีความหยั่งรู้ในสวรรค์และโลกที่เพียงพอ เซี่ยวหยุนได้บ่มเพาะมาเป็นเวลาสามวันและมีหมอกหนาทึบอยู่รอบๆตัวเขา มันราวกับว่าเขาได้รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียว และกลิ่นอายทุกส่วนของเขาได้เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว เขาเหมือนกับปลาที่กระโดดข้ามผ่านประตูมังกร และห่างอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นจากขอบเขตต้นกำเนิด
ในระหว่างการบ่มเพาะของเซี่ยวหยุน แก่นแท้แห่งปราณในบริเวณนี้ได้เบาบางลงมาก ส่วนใหญ่ได้ถูกดูดซับโดยจิตวิญญาณการต่อสู้
ขณะที่เซี่ยวหยุนได้บ่มเพาะอย่างสุดชีวิต จู่ๆกลุ่มของผู้ฝึกตนก็ได้วิ่งเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว
“นี่คือที่มาแก่นแท้ต้นกำเนิดของภูเขาเมฆาม่วง”
“แก่นแท้แห่งปราณของที่นี่หนาแน่นมาก!”
“ฮ่าฮ่า บ่มเพาะอยู่ที่นี่วันเดียวก็เหนือกว่าบ่มเพาะในเขตเมฆาม่วงทั้งเดือน!”
“ขอบคุณนกกระจอกกลืนสวรรค์แสนดีที่ไล่สัตว์อสูรทั้งหมดไปจากที่นี่ มิฉะนั้น มันจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเราที่จะมาที่นี่” ผู้ฝึกตนเหล่านี้สวมใส่เสื้อผ้าที่หนาแน่นและหัวเราะอย่างดีใจ ราวกับว่าพวกเขาอยู่ในสวรรค์
ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนที่เรียกว่าฝางหรุย กลิ่นอายของเขาทรงพลังมากและเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิด ยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดคนอื่นอีก 4 คนมากับเขาด้วย รวมถึงผู้ชาย 15 คนระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกายด้วย
“อ่า มีคนอยู่ตรงนั้นด้วย!” หนึ่งในเด็กหนุ่มร้องออกมา
“แก่นแท้แห่งปราณส่วนมากในภูเขาลำธารแห่งนี้ได้ถูกดูดซับโดนเขา”
“อัตราการดูดซับที่มหาศาลอะไรกันนี่ เขาอาจจะเป็นอัจฉริยะบางอย่างหรือไม่?” ผู้คนมองไปข้างหน้าและพบว่าแก่นแท้แห่งปราณได้เป็นเกลียวพุ่งไปยังเด็กหนุ่ม
ผู้ฝึกตนธรรมดาไม่สามารถดึงดูดและดูดซับแก่นแท้แห่งปราณเช่นนี้ได้!
“เขาดูเหมือนกำลังจะทะลวงผ่านเข้าไปยังขอบเขตต้นกำเนิด!” ดวงตาฝางหรุยส่องประกายขณะที่เขารู้สึกคุ้นเคย
“ขอบเขตกำเนิด? ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายสามารถดึงดูดแก่นแท้แห่งปราณได้เช่นนี้?”
“อัจฉริยะดังกล่าวอยู่ภายในเขตเมฆาม่วงของพวกเรา?” ได้ยินสิ่งนี้ ผู้ฝึกตนทั้งหมดไปที่คนอื่นๆ
นอกเหนือจากการมีจิตวิญญาณการต่อสู้แล้ว เงื่อนไขในการเป็นอัจฉริยะหรือไม่นั้น เป็นความเร็วที่พวกเขาสามารถดูดซับแก่นแท้แห่งปราณได้ แก่นแท้แห่งปราณมากกว่าแล้วสามารถดูดซับได้และความเร็วของพวกเขาสามารถดูดซับมันได้ พรสวรรค์ของพวกเขามีมากกว่า หลังจากทั้งหมด นี่หมายความว่าพวกเขาสามารถจะทะลวงผ่านได้อย่างรวดเร็ว
อัตราซึ่งคนด้านหน้าพวกเขากำลังดูดซับแก่นแท้แห่งปราณมันกระทั่งมากกว่าบางคนที่อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิดอย่างมหาศาล!
“เราควรจะไปดู?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดทั้งหมดรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก และมองไปยังคนอื่น พวกเขาเริ่มเดินไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังบ่มเพาะบนหิน เพื่อมองว่าคนประเภทใดกันที่มีพรสววรค์ที่น่าสะพรึ่งกลัวเช่นนี้
หมอกค่อนหนาทึบ ทำให้มันเป็นเรื่องยากที่มองใบหน้าของเด็กหนุ่ม อย่างไรก็ตาม หลังจากเดินเข้าไปใกล้ๆ ผู้เชี่ยวชาญต้นกำเนิดสุดท้ายก็มองเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่ม ซึ่งทำให้รูม่านตาของพวกเขาหดลงและการแสดงออกถึงความตกใจก็ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา การแสดงออกบนใบหน้าของพวกเขาแสดงให้เห็นความงงงวยและตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“นั่นเขา!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดมองไปยังคนอื่น ที่ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความตกใจ
“มันคือใคร?” ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายวิ่งไปและถามด้วยความอยากรู้
คนประเภทใดกันที่สามารถทำให้ใบหนน้าผู้นำของพวกเขากลายเป็นตกใจ?
“มันคือเซี่ยวหยุน!” หลังจากคนเหล่านี้ขึ้นมาและเห็นเด็กหนุ่ม ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นตกใจกลัว
“เป็นเขาไปได้อย่างไร? เขาไม่ได้เป็นแค่ขยะ?”
“นี่เป็นไปได้อย่างไร? เซี่ยวหยุนไม่ได้อยู่เพียงระดับ 7 ขั้นหลอมร่างเท่านั้น?”
“พรสวรรค์ของเขากลับมาแล้ว?” ฝูงชนร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่สามารถเชื่อในสายตาของพวกเขาได้
กลุ่มของผู้คนได้หันไปมองยังผู้นำ
“หัวหน้าฝางหรุย พวกเราทำอะไร?”
“สารเลวนี้กำลังจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด อัตราที่เขาดูดซับแก่นแท้แห่งปราณมันกระทั่งมากกว่านายน้อยฝางเฮ่า เมื่อเขาก้าวเข้าไปในขอบเขตกำเนิด เขาจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของตระกูลฝางของพวกเรา!”
ไม่จำเป็นต้องพูด ผู้ฝึกตนเหล่านี้มาจากตระกูลฝาง ทุกตระกูลใหญ่ในเขตเมฆาม่วงจะส่งผู้คนออกไปรวมโอสถในภูเขา
ทีมนี้ได้ถูกส่งมาโดยตระกูลฝางเพื่อรวบรวมโอสถและล่าสัตว์อสูร ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยกล้าที่จะเข้ามาในส่วนลึกของภูเขาเช่นนี้ แต่เป็นเพราะนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ทำให้สัตว์อสูรที่ทรงพลังหวาดกลัวจนออกไป พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงโชคของพวกเขาที่นี่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะวิ่งมาหาเซี่ยหวยุน
“แน่นอน เราจำเป็นต้องฆ่าเขา!” สายตาของฝางหรุยกลายเป็นสายตาของฆาตกร ขณะที่เขาได้ทำการเคลื่อนไหวเพื่อทำให้คอของเซี่ยวหยุนขาด พวกเขาไม่ได้เห็นเขาเป็นเดือนและเด็กชายคนนี้เพิ่งจะอยู่ที่ระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายกลับได้เข้าใกล้ขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว พรสวรรค์ประเภทนี้ได้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อตระกูลฝางและถ้าพวกเขาไม่กำจัดเขาอย่างรวดเร็ว สักวันหนึ่งเขาจะทำให้เกิดภัยพิบัติกับพวกเขา มันเป็นไปได้เขาอาจจะแม้กระทั่งสามารถมีกำลังเหนือนายน้อยฝางเฮ่าของพวกเขา
“นั้นถูกต้อง ฆ่าเขากันเถอะ” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดคนอื่นพูดเย็นชาขณะที่พวกเขาพยักหน้าตกลง
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดสาวเท้าออกไปยังเด็กหนุ่มที่ปิดตา
“ฮ่าฮ่า สวรรค์ได้ช่วยพวกเราอย่างแท้จริงสำหรับการที่พวกเรามาพบเขาที่นี่ มิฉะนั้น พวกเราทุกคนจะถึงวาระสุดท้ายถ้าเด็กสารเลวนี้ได้รับอนุญาตให้เติบโต” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดเดินอย่างต่อเนื่องแต่เซี่ยวหยุนไม่ได้ตอบสนองเลย ซึ่งทำให้พวกเขาหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม
มันดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มกำลังอยู่ในขั้นวิกฤตในการทะลวงผ่าน!
“เจ้ายังสูญหายไปในความหยั่งรู้ของเจ้า? ไม่มีโอกาสให้เจ้าได้ทะลวงผ่านอีกต่อไป”
ขอบเขตต้นกำเนิดผู้ชั่วร้ายได้ยิ้มกว้างขณะที่ถือดาบของเขา เมื่อเขาเดินมาประมาณ 2 เมตรก็หยุดลงทันที
“สารเลวนี้รู้วิธีใช้พิษ บางเขาอาจจะรอให้ข้าเขามาใกล้จนเพียงพอ” ชายคนนั้นคิดกับตัวเขาเอง จากนั้นเขาก็ยิ้มเย้ยและพูดว่า “น่าเสียดายที่ท่านปู่คนนี้ของเจ้าเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิด ข้าสามารถปลดปล่อยแก่นแท้แห่งปราณออกมาจากร่างกายของข้าเพื่อป้องกันการโจมตีได้ มันไม่ง่ายสำหรับเจ้าที่จะแอบโจมตี”
ชายคนนั้นได้หมุนเวียนแก่นแท้แห่งปราณของเขาทันที ดาบของเขาเปล่งแสงสลัวขณะที่กลิ่นอายที่ทำให้หน้ามืดคนออกมารอบๆแก่นแท้แห่งปราณของเด็กหนุ่ม ขณะที่เขานึกกับตัวเอง “บ้าเอ้ย มีศัตรู” ภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเซี่ยวหยุน สหายตัวน้อยที่มูมมามได้เลื่อนลงมาจากจิตวิญญาณการต่อสู้ มันส่งจิตสำนึกวิญญาณของมันออกมาและตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีขณะที่มันขมวดคิ้ว
“พี่ใหญ่ยังคงบ่มเพาะอยู่และไม่สามารถปกป้องตัวเองได้” สหายตัวน้อยพบว่าเซี่ยวหยุนอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการทะลวงผ่าน
วูซ!
ในขณะรี้ ดาบในมือชายคนนั้นได้ผ่าลงมายังเซี่ยวหยุน
ขณะที่ใบมีดที่แหลมได้ลงมา มันตัดผ่านอากาศบนหัวของเซี่ยวหยุนออกเป็นแผ่น ทำให้แก่นแท้แห่งปราณรอบๆ กระจายไป ปราณดาบน่ากลัวอย่างยิ่งและสามารถตัดผ่านแม้กระทั่งหินได้ นับประสาอะไรกับผู้ฝึกตนระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกายกัน
“ฮ่าฮ่า สารเลวคนนี้ถึงวาระแล้ว!”
“เมื่อเซี่ยวหยุนตาย ตระกูลเซี่ยวจะสูญเสียความหวังทั้งหมดของพวกมันไป”
อย่างไรก็ตามขณะที่ฝูงชนหัวเราะ แสงสีม่วงก็ประกายระยิบระยิบระยับระหว่างคิ้วของเซี่ยวหยุนทันที
เคล้ง!
แสงสีม่วงเปล่งประกายออกมาแล้วโจมตีไปยังดาบ นี่เป็นเสียงของโลหะ ซึ่งทำให้มือของผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดสั่นสะเทือนขณะที่ดาบลอยออกไปจากการจับของเขา พลังที่กวาดออกมาผ่านทั่งทั้งร่างของเขา ทำให้เขาสะดุดกลับไปข้างหลังและเกือบจะล้มลงไป
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ฝึกตนตระกูลฝางตกตะลึงโดยสมบูรณ์
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มไม่ได้กระทำอะไรเลย เขาสามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้อย่างไร?
“จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาสามารถโจมตีได้ด้วยตัวมันเอง?”
“ไม่มีทาง! จิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนไม่ใช่เพียงแค่การรักษาเท่านั้น?” เห็นเช่นนี้ ผู้ฝึกตนตระกูลฝางรู้สึกงงงวยขณะที่พวกเขามองไปยังเด็กหนุ่มด้วยความไม่เชื่อถือและร่องรอยของความกลัว