Chapter 11 – บีบบังคับ
ผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยวทั้งหมดขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำข่มขู่ของฝางเฮ่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจอย่างมาก แต่พวกเขาก็ได้แค่กล้ำกลืนความโกรธลงไป หลังจากคนที่เป็นเด็กหนุ่มในรุ่นของพวกเขาได้ปลุกขยะจิตวิญญาณการต่อสู้รักษาออกมา
ลุงสองของตระกูลเซี่ยวขมวดคิ้วอยากจะตำหนิเขา อย่างไรก็ตามเซี่ยวหงนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักได้โบกมือให้เขาเพื่อบ่งบอกว่าเขาจะไม่พูด
ดูเหมือนว่าลุงคนโตของตระกูลเซี่ยว ผู้รับผิดชอบดูแลตระกูลได้ให้ความระมัดระวังกับตระกูลฝาง
ผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลเซี่ยวยิ้มอย่างขอโทษขณะที่ภายในของพวกเขาสาปแช่งอยู่
“ทำไมต้องให้ขยะเซี่ยวหยุนทำให้เกิดความบาดหมางกับคนตระกูลฝางทั้งหมด?!”
บางคนบ่นอยู่ภายในใจ “เขานำความโชคร้ายมาสู่ตระกูลอย่างแท้จริง ทำไมเขาไม่สามารถอยู่บ้านและเป็นหมอ?”
เมื่อพวกเขาเห็นพวกผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยวทำแบบนี้ คนตระกูลฝางยิ้มอย่างเย็นชา มีลักษณะของการเสียดสีบนใบหน้าของพวกเขา เมื่อฝางเฮ่าออกจากเขตเมฆาม่วงและก้าวเข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้ เขตเมฆาม่วงนี้จะกลายเป็นของพวกเขา
คนนั่งหรือยืนอยู่ที่นี่ แต่หลังจากครึ่งชั่วโมง เซี่ยวหยุนยังไม่ได้ปรากฏตัว
ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากตระกูลของฝาง มีแสดงออกที่ดำคล้ำเมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องโถง “มีอะไรเกิดขึ้น ทำไมเจ้าสารเลวเซี่ยวหยุนยังไม่มาอีก?”
เซี่ยวหงยิ้มอย่างขอโทษและกล่าวว่า “เซี่ยวหยุนออกไปเมื่อวานก่อนหน้านี้ ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถหาเขาได้ในเร็วๆนี้ ข้าคงจะต้องขอให้ทุกคนรอสักหน่อย”
กางจ้องมองของฝางเฮ่ากลายเป็นน่ากลัวและเขาก็ตะโกนออกมา “รอ? น้องชายของข้าได้รับความทุกข์ทรมานจากพิษที่ร้ายแรงนี้อย่างเหลือเชื่อและสามารถตายได้ทุกเมื่อ เหตุใดเราจึงควรรอ?”
“หยุดพูดไรสาระ รีบหาเศษขนะเซี่ยวหยุนได้แล้วและขอให้เขาเอายาแก้พิษให้เรา” ฝางซุนกล่าวขณะที่เขาเค้นเสียงต่ำที่เย็นชา
ดวงตาของเซี่ยวไห่แคบลงขณะที่กล่าว “ฝางซุนระวังคำพูดของเจ้าไว้ด้วย หยุนเอ๋อไม่ใช่ขยะ นอกจากนี้เราจำเป็นต้องได้ยินเรื่องของทั้งสองฝ่าย เจ้าคิดว่าเราจะยอมรับทุกสิ่งที่เจ้าพูด? อย่าคิดว่าตระกูลเซี่ยวของเราสามารถถูกรังแกได้อย่างง่ายดาย”
“หมายความว่าคุณกำลังเตรียมพร้อมที่จะปกป้องเซี่ยวหยุน ขยะนั้น?” ฝางเฮ่าจ้องเขม็ง ขณะที่การแสดงออกของเขากลายเป็นน่ากลัว
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดคุย ไอ้เด็กสารเลว” เซี่ยวไห่โกรธมาก เมื่อใดกันที่ตระกูลเซี่ยวตกลงมาอยู่ในสถานะแบบนี้?
“เซี่ยวหงนี่คือท่าทีของตระกูลเซี่ยวของเจ้า” ฝางซุนถามขณะที่เขามองไปที่ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลัก
เซี่ยวหงหัวเราะ, ก่อนที่จะมองข้ามและพูด “ฮ่า ๆ มันเป็นความเข้าใจผิด มันก็เป็นเพียงความเข้าใจผิด เซี่ยวไห่เรามีแขกที่นี่ โปรดอย่าพูดมากเกินไป”
“ฮึ่ม! พี่ใหญ่ ท่านกลายเป็นคนอ่อนแอ!” เซี่ยวไห่พูดอย่างเย็นชา ขณะที่เขาสะบัดแขนเสื้อและออกไป
“ทุกท่าน โปรดอย่าได้ถือโทษ” เซี่ยวหงกล่าวขณะที่เขายิ้ม
ฝางเฮ่ายืนขึ้นขณะที่มองไปรอบๆ ต้องการจะท้าประลองหนึ่งในคนรุ่นเยาว์ตระกูลเซี่ยว “ข้าได้ยินมาว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของตระกูลเซี่ยวนั้นไม่ธรรมดา หลานชายหคนนี้อยากจะเป็นพยานในเรื่องนี้ ข้าสงสัยว่ามีสมาชิกรุ่นเยาว์คนใดของตระกูลเซี่ยวเต็มใจที่จะสู้กับข้า”
พวกผู้อาวุโสตระกูลฝางพยักหน้า “นั้นมันดีที่สุด มิฉะนั้นก็น่าเบื่อมากที่จะนั่งรอบๆและรอ”
“ตกลง อย่างนั้นได้โปรดไปที่สังเวียนศิลปะการต่อสู้” เซี่ยวหงขมวดคิ้วเล็กน้อย, และขอร้องให้คนบางคนพาคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเซี่ยวออกไป
ปัง!
มีเวทีซ้อมต่อสู้ภายในสังเวียนศิลปะการต่อสู้ ซึ่งใช้สำหรับการแข่งขันในตระกูล ผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยวและตระกูลฝางอยู่ด้านตรงข้ามของเวทีซ้อมต่อสู้
ใต้เวทีซ้อมการต่อสู้มีคนนับไม่ถ้วนจากตระกูลเซี่ยว
คนเหล่านี้เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น และทั้งหมดได้มาดู – หลังจากทั้งหมดนี้มีผลต่อชื่อเสียงตระกูลของพวกเขา
บนเวที ฝางเฮ่ายืนอยู่พร้อมมือของเขาอยู่เบื้องหลัง ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าเขามองทุกสิ่งอย่างเหยียดหยาม
“นั่นคือฝางเฮ่า? ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นความภาคภูมิใจและความปลาบปลื้มของตระกูลฝางและปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็งขึ้นมาได้”
เด็กหนุ่มในตระกูลเซี่ยวคนหนึ่งมองไปฝางเฮ่าด้วยความชื่นชมและกล่าวว่า “ภายในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดในเขตเมฆาม่วง มีเพียงฝางเฮ่าเท่านั้นที่สามารถปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ได้ เขาเป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของพวกเราโดยไม่ต้องสงสัย! เขาถูกกำหนดให้เป็นคนพิเศษ”
มีคนถามด้วยเสียงไม่พอใจ, “ไม่มีใครในตระกูลเซี่ยวของเราปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ได้ด้วยเช่นกัน?”
เด็กหนุ่มตอบ “เจ้ากำลังพูดถึงถังขยะนั้นใช่ไหม เซี่ยวหยุน? สิ่งที่เขาปลุกขึ้นมานับว่าเป็นวิญญาณการต่อสู้หรือไม่?”
“เขาเป็นได้แค่หมอ ศักยภาพประภทไหนกันที่เขามี?”
“อ่า น่าเสียดาย!” คนอื่น ๆ ยังส่ายหัวด้วยความผิดหวัง
วูซซซ!
ในขณะนี้เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นไปบนเวทีซ้อม
“นั่นคือเซี่ยวเฉียน”
“เขาจะไปสู้กับฝางเฮ่า?”
“บางทีคนเดียวในรุ่นของเราในตระกูลเซี่ยว ที่สามารถลุกขึ้นยืนไปเผชิญหน้ากับฝางเฮ่าได้ก็คงมีแต่เซี่ยวเฉียนเท่านั้น”เยาวชนของตระกูลเซี่ยวยิ้มเมื่อเห็นเขากระโดดขึ้นไปขณะที่พวกเขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นและหวังว่าเขาจะนำพวกเขารุ่งโรจน์มาได้
การท้าทายของฝางเฮ่าเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดว่าคือการเสียดสีต่อตระกูลเซี่ยว – ใครจะอดทนต่อสิ่งนั้นได้?
เซี่ยวเฉียนสวมชุดสีขาวและเขาดูพิเศษขณะที่ผมของเขาลอยเป็นคลื่นบนอากาศ เขาก็อยู่ในก็ “สมบูรณ์” ของระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกายเช่นกัน และกำลังจะเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิด เขายังเป็นอัจฉริยะภายในเขตเมฆาม่วงอีกด้วย
ก่อนหน้าเซี่ยวเฉียนได้ปิดประตูฝึกตนเพื่อพยายามทะลวงผ่านไปสู่ขอบเขตต้นกำเนิด อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินว่าฝางเฮ๋าได้ท้าทาย เขาก็ได้ออกมาเพื่อต่อสู้
“ฮ่าฮ่า เซี่ยวเฉียนไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน!” ฝางเฮ่ายังคงยืนอยู่พร้อมมือของเขาอยู่เบื้องหลัง คิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อยในขณะที่เขามองไปที่เด็กหนุ่มที่กระโดดขึ้นมาบนเวทีซ้อมต่อสู้ แม้ว่าเขาจะยิ้ม, เห็นได้ชัดว่าเขาได้ดูถูกเซี่ยวเฉียน แม้ว่าทั้งสองจะเป็นอัจฉริยะ แต่ฝางเฮ่าไม่ได้เห็นเซี่ยวเฉียนอยู่ในสายตา
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี เริ่มกันเลย” การจ้องมองของเซี่ยวเฉียนกลายเป็นจริงจังขณะที่เขาเดินตรงไปยังจุดนั้น
เขารู้ถึงเจตนาของฝางเฮ่า จึงไม่จำเป็นต้องหยอกล้อกัน
ฝางเฮ่าหัวเราะเสียงดังขณะที่เขาลดแขนลงและสายตาของเขาก็กลายเป็นเย็นชา “ฮ่า ๆ คุณยังคงหยิ่งเหมือนเดิม ข้าไม่จำเป็นต้องโจมตีก่อนเพื่อจัดการกับเจ้า” ฝางเฮ่ายกคิ้วขณะที่เขามองไปที่เยาวชนคนอื่นๆ อย่างไม่สนใจ
“ฝางเฮ่าหยิ่งอะไรขนาดนี้?”
หนึ่งในเยาวชนตระกูลคนเซี่ยวคนหนึ่งได้โกรธและกล่าวว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่เห็ฯใครอยู่ในสายตาเขาเลย” เซี่ยวเฉียนเป็นอัจฉริยะในรุ่นของพวกเขา และเกือบจะเป็นตัวแทนคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเซี่ยวทั้งหมด และเขายังได้รับการปฏิบัติเช่นนี้โดยฝางเฮ่า มันไม่ใช่การตบหน้าของพวกเขา?
“รับมือ!” การแสดงออกของเซี่ยวเฉียนก็เย็นชาเมื่อเขาก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างขยับขึ้นไปบนอากาศ มองดูกล้าหาญและยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อขณะที่เขาโจมตีฝางเฮ่า
ลมแกว่งไกวไปมาขณะที่มือของเซี่ยวเฉียนฉีกอากาศให้ขาดออก ทำให้หนังศีรษะของผู้ชมมึนงง
“นี่คือทักษะการต่อสู้ระดับสีดำของตระกูลเซี่ยวของพวกเรา ศิลปะจิตมังกรงู!”
“ศิลปะจิตวิญญาณนี้เป็นบางสิ่งที่ผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำดนิดเท่านั้นสามารถเรียนรู้ได้และมันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พี่ใหญ่เซี่ยวเฉียนเรียนรู้มันอย่างเต็มที่ขณะอยู่ที่ระดับ 9 ขั้นหลอมร่างกาย เขาสมควรแล้วที่ได้รับชื่อเสียงว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลเซี่ยว ถ้าเขาก้าวเข้าไปในขอบเขตต้นกำเนิดและใช้มัน มันคงจะเหมือนกับว่ามังกรและงูปรากฏตัวขึ้นอย่างแท้จริง”
“พี่ใหญ่เซี่ยวเฉียน ล้มฝางเฮ่าลงมา” เมื่อพวกเขาเห็นเซี่ยวเฉียนโจมตี ทุกคนในตระกูลเซี่ยวรู้สึกว่าเลือดของพวกเขาเดือดพล่าน
“พรสวรรค์ของเซี่ยวเฉียนคนนี้ดีทีเดียว อย่างไรก็ตามก็น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของตระกูลเซี่ยวขึ้นมาได้” หนึ่งในอาวุโสของตระกูลเซี่ยวพยักหน้าเล็กน้อย ขณะที่ร่องรอยของความผิดหวังปรากฏในดวงตาของเขา ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้ได้ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของตระกูลเซี่ยวขึ้นมาได้ จะไม่ใช่แค่ในเขตเมฆาม่วง มันจะมีคนน้อยมากที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ในราชอาณาจักรจันทราวายุ
ย้อนกลับไปเมื่อเซี่ยวซางทียนได้ใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ที่ถูกปลุกขึ้นมาของเขา กวาดไปทั่วแผ่นดินในการปกครองและเข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้!
“คู่มังกรงูเพนจร!” บนเวที ฝางเฮ่าหัวเราะอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขาปล่อยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “เทคนิคเหล่านี้ล้วนไร้ประโยชน์ต่อข้า มองดูให้ดีขณะที่ข้ามอบความปราชัยให้แก่เจ้าที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะของตระกูลเซี่ยว”
หลังจากพูดแล้ว มือของเขาเดินขณะที่ปราณเย็นเริ่มปรากฏขึ้นภายในฝ่ามือของเขา ดูเหมือนว่าอากาศภายในสังเวียนศิลปะการต่อสู้จะแข็งตัวและลมที่หนาวเย็นไปถึงขั้วกระดูกก็พัดออกมา
“ช่างเป็นกลิ่นอายที่เย็นเช่นนี้”
“นี่คือพลังจากจิตวิญญาณการต่อสู้น้ำแข็ง?” เมื่อพวกเขารู้สึกถึงปราณเย็น เยาวชนที่อยู่ใต้เวทีซ้อมต่อสู้รีบก้าวถอยหลังออกไป มองขึ้นไปบนเวทีด้วยความตกใจและความกลัว การแสดงออกของฝางเฮ่ายังคงเย็นชาเหมือนฝ่ามือของเขา ทำให้น้ำค้างแข็งปรากฏในอากาศ
“เวร!” เซี่ยวเฉียน ผู้ที่ซึ่งเพิ่งโจมตีไป ได้ขมวดคิ้วลึกและรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังจะถูกแช่แข็ง ร่างกายของเขาเข้มแข็งและแข็งแรง และขณะที่ฝ่ามือของเขาประสานกันแล้วปล่อยผ่านอากาศไป มันดูเหมือนมีมังกรและงูที่พุ่งผ่านอากาศ
แต่ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกแช่แข็งและสูญเสียโอกาสชี้ขาดที่เขามี
ต่อจากนี้ เงาของฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังเย็นถูกที่ปล่อยมาจากฝ่ามือของฝางเฮ่าพุ่งไปยังร่างของเซี่ยวเฉียน
กับร่างกายของเขาเกือบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้จากปราณเย็น เซี่ยวเฉียนไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีนี้ได้
ปัง!
ในขณะที่เสียงระเบิดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเซี่ยวเฉียนสั่นสะท้าน, ราวกับว่าเขาโดนธารน้ำแข็งโจมตี เขาลอยขึ้นไปในอากาศในขณะที่เขากระแทกลงบนพื้นด้านล่างเวทีซ้อมต่อสู้ เขาพูดเสียงต่ำๆในลำคอแล้วเลือดไหลก็ออกมาจากปากของเขา ดวงตาของเขาปิดลงและฝ่ามือของเขาถูกปกคลุมด้วยคริสตัลน้ำแข็ง
“จิตวิญญารการต่อสู้พิเศษจริงๆ” เซี่ยวเฉียนถอนหายใจ, ความต้องการต่อสู้ในดวงตาของเขาหายไป ในขณะที่ แต่ยอมรับการสูญเสียของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“พี่ใหญ่เซี่ยวเฉียนแพ้จริงๆ!”
เยาวชนทุกคนในตระกูลก็ส่ายหน้าของพวกเขาและถอนหายใจ “คนที่ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้เป็นมังกรอย่างในหมู่มนุษย์อย่างแท้จริง!”
พวกผู้อาวุโสบนเวทีทุกคนมองด้วยสายตากว้างขณะที่อารมณ์ของพวกเขาดิ่งลง
เซี่ยวหงโบกมือของเขา ส่งสัญญาณให้กับผู้อาวุโสคนหนึ่งข้างๆเขาเพื่อเอาตัวเซี่ยวเฉียนออกไปและถอนพิษปราณเย็น
พวกผู้อาวูโสของตระกูลฝางกำลังยิ้มแย้มแจ่มใสและพวกเขาก็หยิ่งยิ่งขึ้น
ฝางเฮ่ามองไปรอบๆ ด้วยมือข้างหลังและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า มีคนอื่นอยู่ในตระกูลเซี่ยวจากคนรุ่นเดียวกันที่อยากจะท้าทายข้าอีกไหม?”
คำพูดของเขาหยิ่งและสีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงการดูถูก ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกรังเกียจต่อเขา อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายเขา
แม้แต่เซี่ยวเฉียนก็ยังพ่ายแพ้ – คนอื่นในรุ่นของพวกเขาใครจะสามารถต่อสู้ฝางเฮ่าได้?
ฝางเฮ่าเป็นคนที่ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ขึ้นมาได้ เป็นเรื่องที่ยกไม่ได้ว่าเขาจะไม่อยู่เพียงแค่ขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าไม่มีใครในตระกูลเซี่ยวของเข้า” ฝางเฮ่ายิ้มเย้ย
คำพูดของเขาหยิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ และใบหน้าของผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยวแสบร้อนราวกับว่าพวกเขาถูกตบหน้า
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“ฮ่าฮ่า หลานชายฝางมีพรสวรรค์มากมายและไม่สามารถเปรียบเทียบกับคนธรรมดาได้” เซี่ยวหงกล่าวในขณะที่เขาหัวเราะ
“เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายินดีจะส่งมอบขยะเซี่ยวหยุนหรือไม่?” ฝางเฮ่าตะโกนออกมาขณะที่เขาจ้องมองที่เซี่ยวหง
“นี่….” ฝางเฮ่าขมวดคิ้ว
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่มีเคราสีขาวข้างเซี่ยวหงกล่าว “เมื่อนายน้อยฝางกล่าวเช่นนั้น เราจะส่งมอบเซี่ยวหยุนให้อย่างแน่นอน ลูกชายที่ไร้ยางอายให้แก่ท่าน อย่างไรก็ได้โปรดรอ ข้าได้ส่งคนไปหาขยะนั้นแล้ว และเขาควรจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้”
เซี่ยวหงขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยินผู้อาวุโสกล่าว
อย่างไรก็ตามมีบางคนได้กระโดดเข้ามา
“เด็กสารเลวที่น่าชังเซี่ยวหยุนไม่เคยฝึกอย่างเหมาะสมและไปเรียนรู้เทคนิคชั่วเหล่านั้นเท่านั้น เขาควรถูกลงโทษอย่างถูกต้อง”
คนเหล่านี้เป็นผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลเซี่ยว แต่หลังจากที่ได้เห็นว่าพลังฝางเฮ่าเป็นเช่นไร พวกเขาตัดสินใจที่จะยอมแพ้ในตัวเซี่ยวหยุน
เซี่ยวหงเม้มริมฝีปากของเขา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ตัดสินใจที่จะไม่พูดออกไป
ถ้าเขาไม่ยอมมอบเซี่ยวหยุนให้พวกเขา เด็กหนุ่มคนนี้แน่นอนจะแก้แค้นพวกเขาในอนาคต นำภัยพิบัติในตระกูลเซี่ยว