719 หาเรื่องใส่ตัว
“โอ๊ย” พี่หนานขมวดคิ้ว เขาเริ่มรู้สึกเจ็บที่ท้องของเขาอีกครั้งแล้ว มันคล้ายกับมีแมลงตัวเล็กๆจำนวนมาเคลื่อนไหวและกัดกินอยู่ภายในท้องของเขา “ไปเซ่!”
“ครับ เข้าใจแล้ว พี่หนานดูแลตัวเองด้วย” อาหลินพูด
มีเหงื่อออกอยู่เต็มหน้าผากของหงหนาน(พี่หนาน) ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง “เรียกหมอมาเร็ว!”
“ครับๆ!” คนของเขาที่อยู่ภายในห้องรีบวิ่งออกไปเรียกแพทย์มา
หลังจากนั้นไม่นาน แพทย์ก็เดินเข้ามาภายในห้อง
“ฉันเริ่มเจ็บที่ท้องอีกแล้ว” หงหนานกัดฟันพูด ตอนนี้เขากำลังทรมานมาก มันเร็วร้ายยิ่งกว่าตอนที่ถูกแทงและบิดด้วยมีดเสียอีก “เอายาแก้ปวดมาให้ฉัน!”
“ได้ๆ รอเดี๋ยวนะ” แพทย์ออกไปเอายาและกลับมาด้วยความรีบร้อน นางพยาบาลที่ตามมาด้วยทำหน้าที่ฉีดยาให้กับเขา
“เฮ้อ พระเจ้า!” หงหนานถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาคิดว่า เขาจะหายปวดไปได้อีกสักพัก
“ฮืม!?” อยู่อาการปวดก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
หลายวันที่ผ่านมา อาการปวดของเขาจะกำเริบขึ้นแทบจะทุกวัน โดยเฉพาะที่ท้องและศีรษะ ปกติแล้ว หากเขาได้รับยาบรรเทาอาการปวด มันก็จะสามารถช่วยให้เขาหายปวดไปได้ระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับเปลี่ยนไป อาการปวดกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เขาเพิ่งจะได้รับยาแก้ปวดไปได้ไม่นาน
พวกเขาเอายาให้เขาผิดตัวหรือเปล่า?
“เรียกหมอมาเดี๋ยวนี้!” เขารู้สึกเจ็บปวดทรมานจนตัวงอราวกับกุ้งที่ถูกต้มจนสุก เขางอตัว แต่ความเจ็บก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม อาการเจ็บยิ่งกลับแย่ลงกว่าเดิมจนเขาทนแทบไม่ไหว
แพทย์ที่เข้ามาดูอาการของเขารู้สึกประหลาดใจ “นี่มันอะไรกัน?”
หลังจากที่ได้รับยาบรรเทาอาการปวดแล้ว หงหนานควรที่จะไม่มีอาการเจ็บแบบนี้อีก
“เอายาให้เขาอีกหนึ่งโดส” แพทย์สั่ง
พยาบาลเข้ามาทำตามคำสั่งของแพทย์ แต่ยาที่ฉีดไปกลับไม่ได้ผลเลย
ยาบรรเทาอาการปวดมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ครู่ต่อมา นางพยาบาลก็ได้นำยาบรรเทาอาการปวดอีกตัวหนึ่งฉีดให้กับหงหนาน แต่มันก็ไม่ได้ผลเช่นกัน เขายังคงกรีดร้องออกมาด้วยความทรมานอยู่บนเตียงนอนคนไข้
“ช่วยทำอะไรสักอย่างได้ไหม? ทำอะไรสักอย่างสิโว้ย!” หงหนานตะคอก
เสียงร้องของเขาไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการให้ลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว
“เอามอร์ฟีนมาให้เขา” แพทย์สั่ง
ในทางการแพทย์นั้น มอร์ฟีนยังถือเป็นยาที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ดีที่สุดในโลก มอร์ฟีนสามารถรักษาอาการเจ็บปวดได้เกือบทุกชนิด แต่มันก็มีผลข้างเคียงตามมาด้วย ซึ่งก็คือ ผู้ใช้อาจจะเกิดการเสพติดได้
มันได้ผล ความเจ็บปวดจางหายไป หงหนานหายใจอย่างหนักหน่วง เขาต้องอาการอากาศเพื่อหายใจ
“ฉัน…ฉันต้องการออกซิเจน” เขาพูด
“เอาออกซิเจนมาให้เขา” แพทย์สั่ง
ในขณะเดียวกัน ก็มีคนไข้อีกคนกรีดร้องอยู่ในห้องของโรงพยาบาลเดียวกัน
“โอ๊ย!”
นางพยาบาลรีบวิ่งออกมาจากห้องคนไข้ด้วยท่าทีตื่นตระหนก เลือดไหลอาบอยู่ทั่วร่างกายท่อนบนของ พร้อมกับมีดหนึ่งเล่มที่ปักคาอยู่บนไหล่ขวาของเธอ เลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด
“อาติง!” เพื่อนร่วมงานของเธอรีบวิ่งเข้ามาช่วย
“รีบพาเธอไปแผนกคนไข้ฉุกเฉิน เร็วเข้า” นางพยาบาลคนหนึ่งพูด
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?” นางพยาบาลอีกคนถาม
“หัวหน้า ใจเย็นๆ! ใจเย็นๆหน่อยเถอะครับ” ชายคนหนึ่งที่อยู่ภายในห้องพูด
ชายหลายคนที่อยู่ภายในห้องคนไข้ กำลังช่วยกันกดร่างของชายหัวล้านคนหนึ่งเอาไว้กับเตียงนอนคนไข้
“ไม่! ไม่! ไม่!” ชายหัวล้านกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
อยู่ๆเขาก็กัดแขนของหนึ่งในคนที่กดตัวเขาเอาไว้ เขากัดจนสุดแรงและไม่ยอมปล่อย
“โอ๊ย! หยุด! มันเจ็บ! ปล่อยผม!” ชายคนนั้นพยายามดึงแขนของเขาให้หลุดจากปากของชายหัวล้าน แต่ชายหัวล้านก็ไม่ยอมปล่อย
“ง้างปากเขาเร็ว!” ชายคนหนึ่งตะโกน “ทำให้เขาสงบเร็วเข้า!”
เจ้าหน้าที่เข้ามาฉีดยาให้กับชายหัวล้าน แต่ยาก็ยังไม่ออกฤทธิ์ในทันที
“ฉีดให้เขาอีกหนึ่งโดส” แพทย์สั่ง
นางพยาบาลฉีดยาให้เขาอีกครั้ง และในที่สุด ก็สามารถทำให้เขาสงบลงได้
พระเจ้า” หนึ่งในคนของชายหัวล้านพูด
“เชี่ย!” ชายหนุ่มที่โดนกัดถลกแขนเสื้อของเขาขึ้นเพื่อดูแผล บนแขนของเขามีรอยฟันอยู่สองรอย และมีเลือดกำลังไหลออกมาไม่หยุด
“รีบไปทำแผลซะ! ไม่อย่างนั้นมันอาจจะติดเชื้อได้” แพทย์พูด
“อาการของเขาเป็นโรคระบาดเหรอ?” ชายหนุ่มถาม
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” แพทย์พูด
ชายหนุ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา เขาจึงรีบไปรักษาแผลในทันที เขาไม่อยากติดเชื้อและกลายเป็นคนบ้าแบบชายหัวล้าน
“เตรียมเอกสารให้พร้อม แล้วส่งตัวไปที่แผนกจิตเวช” แพทย์พูด
“ได้ค่ะ” นางพยาบาลพูด
“พี่หนานครับ หัวหน้าเพิ่งถูกส่งไปแผนกจิตเวชครับ” หนึ่งในคนของหงหนานเข้ามารายงาน
“ส่งไปทำไม?” หงหนานถาม
“เขาเพิ่งจะแทงนางพยาบาลไปคนหนึ่งครับ” คนของเขาพูด
“แล้วตายไหม?” หงหนานถาม
“ไม่ตายครับ เขาแทงไปที่ไหล่ของเธอ” คนของเขาพูด
“งั้นก็ดี หัวหน้าอารมณ์ขึ้นง่าย” หงหนานพูด “ฉันไม่คิดว่าเขาจะป่วยทางจิตหรอก หมอพวกนี้มันไร้ประโยชน์ ไปคุยกับหมอที่ดูแลเขาซะ แล้วถ้าจำเป็นก็จ่ายเงินให้สักหน่อยก็พอแล้ว”
“ครับ” คนของเขาพูด
“เชี่ย!” หงหนานสบถออกมา
มันเป็นเพราะหวังเย้า ที่ทำให้เขากับพี่ของเขาต้องมาอยู่โรงพยาบาลแบบนี้ เขาจะต้องแก้แค้น เขาอยากให้หวังเย้าต้องตายอย่างทุกข์ทรมานที่สุด
ในขณะเดียวกัน หวังเย้านั้นอยู่ที่ด้านบนเนินเขาหนานชาน
“ฉันรู้ ซานเซียน ฉันรู้ ฉันแค่กำลังทดลองเท่านั้นเอง” เขาพูด
เขาเก็บองุ่นป่ามาจากบนเขา ถึงพวกมันจะไม่ได้ดูน่ากินเหมือนกับองุ่นที่ปลูกอยู่ในไร่ แต่พวกมันก็มีรสชาติที่ดี หวังเย้าแบ่งบางส่วนไปให้พ่อแม่ของเขาได้ชิม และนำที่เหลือมาทำไวน์ เขาเพิ่งจะศึกษาวิธีการทำไวน์องุ่นไปได้ไม่นานและอยากลงมือทำในทันที ซานเซียนนั่งอยู่ข้างๆเขาและส่งเสียงเห่าออกมาเป็นครั้งคราว
หวังเย้าหาข้อมูลและวิดีโอเกี่ยวกับการทำไวน์ด้วยตัวเองเป็นจำนวนมาก และดูเหมือนการทำไวน์เองจะไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นัก
“ฉันจะลองทำสักถังหนึ่งก่อนแล้วกันนะ” หวังเย้าพูดพร้อมกับปรบมือครั้งหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน จงหลิวชวนก็ได้รับข้อความหนึ่ง ในขณะที่เขาอยู่ภายในบ้านเช่าในหมู่บ้าน
เขาขมวดคิ้ว เรื่องนี้ดูเหมือนจะยุ่งยากซะแล้ว!
เขาไปหาหวังเย้าหลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“หมอหวัง ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” จงหลิวชวนถาม
หวังเย้าตอบตกลงและเดินตามเขาออกไป จงหลิวชวนบอกเรื่องที่เขารู้มากับหวังเย้า
“เขาเสนอเงินห้าล้านหยวนเพื่อฆ่าผมกับคนในบ้านเนี่ยนะ!” หวังเย้าตกตะลึง
“ใช่ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว” จงหลิวชวนพูด
“ดูเหมือนว่าเขาจะรวยมากเลยนะเนี่ย” หวังเย้าพูด
“เขาน่ะใช่ แต่พวกแกงค์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนี้หรอกครับ เงินจำนวนนั้นมากพอที่พวกเขาจะเอาไปใช้จ่ายกับอะไรก็ได้” จงหลิวชวนพูด
“ผมขอคิดดูก่อนนะครับ” หลังจากที่เงียบไปสักพัก หวังเย้าก็พูดออกมา “ถ้าอยู่ๆสองพี่น้องหงเกิดตายขึ้นมา ผมคิดว่า คงจะไม่มีใครอยากทำงานนี้อีกแล้วสินะ”
“แน่นอนสิครับ พวกเขาไปเรียกร้องเอาเงินจากคนตายไม่ได้” จงหลิวชวนพูด
การดึงฟืนออกจากเตา คือทางออกที่ดี
“ผมคงต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย” หวังเย้าพูด
“ผมจะดูแลความปลอดภัยทางนี้ให้เอง” จงหลิวชวนพูด
“ขอบคุณมากนะครับ” หวังเย้าพูด
“ยินดีครับ” จงหลิวชวนพูด
ถึงจะมีจงหลิวชวนคอยดูแลอยู่ แต่หวังเย้าก็ยังคงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับพ่อแม่ของเขาอยู่ดี เขาจึงโทรไปหาคนรู้จักสองสามเบอร์ หนึ่งในนั้นคือซุนหยุนเชิง ซึ่งได้ส่งบอดี้การ์ดฝีมือสูงมาให้บางส่วนเพื่อปกป้องครอบครัวของหวังเย้า อีกสายคือโจวฉง ซึ่งมาจากตระกูลที่มีรากฐานมาจากกังฟู
“มีคนคิดจะทำร้ายหมอเหรอ?” ซุนหยุนเชิงถาม “ผมจะส่งคนไปให้ทันทีเลยนะครับ”
“ฉันจะไปหาหมอพรุ่งนี้นะ” โจวฉงพูด
เช้าวันต่อมา ซุนหยุนเชิงมาพร้อมกับบอดี้การ์ดมือดีแปดคน ส่วนโจวฉงก็เดินทางมาถึงเหลียนชานในตอนกลางวัน เขามาพร้อมกับชายหนุ่มร่างผอมที่เรียนมาจากอาจารย์คนเดียวกัน ชายหนุ่มยังอาศัยอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับโจวฉงด้วย ชื่อของเขาคือ โจวอันซิน
“ขอบคุณมากๆเลยนะครับที่อุตส่าห์มาถึงที่นี่กัน ได้โปรดช่วยปกป้องพ่อแม่ของผมด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ไม่มีปัญหาครับ” ซุนหยุนเชิงพูด
“หมอกำลังจะเดินทางไปที่ตะวันออกเฉียงเหนือเหรอ?” โจวฉงถาม
“ครับ ผมจะลองไปหาข้อมูลของหงหนานกับพี่น้องของเขาจากที่นั่นสักหน่อย” หวังเย้าพูด
“ผมสามารถจัดหาคนให้ไปด้วยกันกับหมอ หรือไม่ก็ทำงานให้หมอได้ เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับทางนั้นมาก” ซุนหยุนเชิงพูด
“ดูเข้าทีดีนะครับ” หวังเย้าพูด
แต่หวังเย้าก็คิดไม่ถึงว่า คนที่ซุนหยุนเชิงเอ่ยถึงจะเป็นอาหาวชายใบหน้าไร้อารมณ์ไปได้
“สวัสดีครับ หมอหวัง” อาหาวพูดด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อพอๆกับใบหน้าของเขา
หวังเย้าและอาหาวเดินทางมาถึงบ้านเกิดของหงหนานในคืนนั้น เติ้งโจวคือเมืองของการเริ่มต้นความมั่งคั่งของสองพี่น้องหง
ค่ำคืนในเติ้งโจวคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ตัวเมืองอยู่ติดกับทะเล อากาศจึงเย็นสบาย แม้จะอยู่ในช่วงหน้าร้อนก็ตามที
อาหาวจัดการทุกอย่างด้วยความเชี่ยวชาญ
“หมอหวัง ผมจองโรงแรมและติดต่อกับคนที่รู้จักหงหนานกับหงเหวินเอาไว้แล้ว” อาหาวพูด
“ผมอยากจะไปคุยกับคนคนนั้นก่อนครับ” หวังเย้าพูด
“ได้ครับ” อาหาวพูด
สามสิบนาทีต่อมา ภายในคาเฟ่แห่งหนึ่ง ชายสวมสร้อยคอสีทองเส้นใหญ่ได้มาพบกับหวังเย้าและอาหาว
“อาหาว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!” ชายคนนั้นมีท่าทียินดีเมื่อได้พบกับอาหาว เห็นได้ชัดว่า พวกเขารู้จักกันมานานแล้ว
“นั่งก่อนสิ หมอหวัง ผมขอแนะนำให้รู้จักกับ หลี่เฉิงเหว่ย เขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผมเอง” อาหาวพูด
“เรียกฉันว่า เฉิงเหว่ย ก็พอ” หลี่เฉิงเหว่ยพูด
“ได้ครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณสักหน่อยน่ะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้สิ ถามมาได้เลย” หลี่เฉิงเหว่ยพูด
“เราต้องการรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับหงหนานและหงเหวิน” อาหาวพูด
“สองคนนั้นเหรอ? พวกเขาไปหาเรื่องนายเหรอ?” หลี่เฉิงเหว่ยถาม
“ก็ไม่เชิงหรอก ฉันแค่อยากจะรู้เรื่องของพวกเขาสักหน่อยน่ะ” อาหาวพูด
หลี่เฉิงเหว่ยเข้าใจความต้องการของอาหาวได้ในทันที
“สองคนนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่เติ้งโจวอยู่พอตัวเลยล่ะ พวกเขาทำทุกอย่างตามความพอใจ แล้วก็มีคนมากมายกำลังคอยจับตาดูพวกเขาอยู่ด้วย” หลี่เฉิงเหว่ยพูด