541 กองหินค่ายกล
“เราจะพาพ่อไปรักษา ไม่ว่าจะเสียเงินเท่าไหร่ก็ตาม” หวังเจ๋อเชิงพูด
“ได้” ภรรยาของเขาพูด
เธอสังเกตว่าสามีของเธอเปลี่ยนไป และมันก็เป็นไปในทางที่ดี
…
ในคืนนั้น เมื่อเขาอยู่บนเนินเขาหนานชาน เขาได้เปิดหน้าจอระบบขึ้นมา เพราะเขาได้รับการแจ้งเตือนจากระบบว่า เขาสามารถอัพเกรดระบบได้แล้ว
ฉันอัพเกรดได้แล้ว!
หวังเย้าเปิดหน้าจอเพื่อดูร้านค้าของระบบ มีสมุนไพรรากเพิ่มขึ้นมาอีกสามชนิด หนึ่งในนั้นคือ เฟยหลายเฟิง อยู่ด้วย แต่ราคาของมันก็สูงมาก เขาจำเป็นต้องใช้คะแนนถึง 100 คะแนน
ในตอนนี้ เขาก็ได้สมุนไพรทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับทำขี้ผึ้งต้วนชื่อ เขาสามารถทำมันขึ้นมาได้แล้ว
หวูเถิง, ปาเจียวถง, เฟยหลายเฟิง, กุยหยวน… ตัวยามีสมุนไพรรากถึงสี่ชนิด สามชนิดมีพร้อมแล้ว เขายังขาดแค่เฟยหลายเฟิงเท่านั้น
…
ในตอนเย็น เฉินหยิงเดินทางกลับมาถึงปักกิ่ง เธอโทรรายงานเรื่องการเดินทางมาปักกิ่งของหวังเย้ากับซงรุ่ยปิง เช้าวันต่อมา เธอเดินทางไปที่บ้านตระกุลซู
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณหนู” เฉินหยิงพูด
“อรุณสวัสดิ์ นั่งก่อนสิคะ แล้วบอกเล่าเรื่องหมอหวังให้ฉันฟังที” ซูเสี่ยวซวีพูด
เฉินหยิงเล่าเรื่องหมอหวังซ้ำอีกครั้ง เนื้อหาที่เล่าไม่ได้ต่างจากที่เธอบอกกับซงรุ่ยปิงไปเมื่อวานมากนัก
“หมอหวังบอกว่า เขาจะมาปักกิ่งเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ใช่ค่ะ” เฉินหยิงพูด
“เยี่ยมไปเลยค่ะ!” ซูเสี่ยวซวีพูดอย่างตื่นเต้น
เฉินหยิงคิดในใจ เธอดูจะชอบหวังเย้ามากจริงๆ
…
ในหมู่บ้าน หลินซือเทาและอาหาวกำลังเดินมาตามถนน หลินซือเทาฟื้นตัวได้เร็วกว่าอาหาว ตอนนี้เขาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว แต่อาหาวกลับฟื้นตัวอย่างช้าๆ มันยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่เขาจะหายดี
“เราเดินขึ้นไปบนเนินเขาหนานกันดีไหม?” หลินซือเทาเสนอ
“ก็ดีครับ” อาหาวพูด “ตั้งแต่มาที่นี่ ผมก็ไม่เคยได้เดินขึ้นเขาเลย โดยเฉพาะเนินเขาหนานชาน”
หลินซือเทาพูดถึงเนินเขาหนานชานให้เขาได้ยินมาแล้วหลายครั้ง อาหาวจึงรู้สึกอยากจะไปเห็นด้วยตาของตัวเองบ้าง
พวกเขาเดินไปตามเส้นทางขึ้นเขา จากทางทิศตะวันตกไปสู่ทิศใต้ ถนนสายนั้นค่อนข้างราบเรียบ พวกเขาพากันเดินไปอย่างไม่รีบร้อน ไม่มีใครอยู่บนเขาในช่วงเวลานี้ของวัน สามสิบนาทีต่อมา เนินเขาหนานชานก็ปรากฏสู่สายตาของพวกเขา มันเป็นภาพของเนินเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้และพืชพันธ์สีเขียว
“สุดยอด” อาหาวพูด
เนินเขาโดยรอบแห้งแล้งราวกับทะเลทราย ยกเว้นก็แต่เนินเขาหนานชาน ที่เปรียบเสมือนกับโอเอซิสที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย
“มันวิเศษมาก” หลินซือเทาพูด
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น ไม่นานไปถึงจุดสิ้นสุด ก้อนหินที่ถูกวางอย่างไร้ระเบียบได้ปิดทางพวกเขาเอาไว้ หินแต่ละก้อนล้วนมีขนาดและรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป บางจุดก็มีก้อนหินวางกองหลายก้อน บางจุดก็มีอยู่สิบกว่าก้อน หินที่เล็กที่สุดมีความสูงอยู่ที่ 1 เมตร
บางก้อนนั้นมีอยู่บนเขามาเป็นเวลานานมากแล้ว ส่วนบางก้อน ก็เป็นหวังเย้าที่เป็นคนขนมาจากที่อื่นเมื่อเขามีเวลาว่าง เขาตั้งใจที่จะใช้ก้อนหินเหล่านี้สร้างเป็นค่ายกลเพื่อปิดทางเข้าจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเนินเขา ความคิดนี้ เขาได้มาจากกองหินค่ายกลในเรื่องสามกก ซึ่งถูกสร้างเอาไว้เพื่อปิดทางของกองทัพขนาดใหญ่ ขงเบ้งก็ใช้วิธีนี้จนเกือบจะสามารถวางกับดักแม่ทัพลกซุนได้
ถึงแม้ว่ากองหินค่ายกลจะเป็นเรื่องที่อยู่ในนิยาย แต่มันก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับหวังเย้า
ในตอนนี้ ก้อนหินเหล่านี้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างของค่ายกลขึ้นมาบ้างแล้ว
หืมมม! หลินซือเทาและอาหาวค้นพบว่า ยิ่งพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ก้อนหินเหล่านั้นมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนเริ่มแรก ตรงหน้าของพวกเขาไม่มีก้อนหินเลยสักก้อน พวกมันเพียงกองกันอยู่ด้านข้างเท่านั้น แต่แล้วไม่นาน พวกเขาก็พบว่ามีก้อนหินวางอยู่ตรงหน้าของพวกเขา รวมทั้งด้านข้างทั้งสองด้านด้วย ที่แห่งนี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!
“ลุงหลิน?” อาหาวรู้สึกสับสน
“ที่นี่แปลกมาก” หลินซือเทาพูด เขาจำได้ดีว่า ครั้งก่อนที่มาที่นี่มันไม่มีก้อนหินอยู่ตรงนี้ “นี่จะต้องเป็นค่ายกลที่หมอหวังวางเอาไว้แน่ๆ”
ครั้งก่อนที่เขาเคยมา เขาก็ได้เห็นถึงความอัศจรรย์ของค่ายกลภาพลวงตาที่อยู่ด้านนอกของแปลงสมุนไพรไปแล้ว และหินที่วางกองกันสะเปะสะปะเหล่านี้ก็มีผลเช่นเดียวกัน
“แล้วเราจะผ่านมันไปได้ยังไงล่ะครับ?” อาหาวถาม
“เราต้องเดินตรงไป” หลินซือเทาพูด
เขาเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมกับอาหาว เมื่อเขาก้าวข้ามหินก้อนหนึ่งไป เขาก็เดินต่อ เมื่อพบก้อนหิน เขาก็จะลองเอามือจับดู หากเป็นของจริง เขาก็จะข้ามมันไปและเดินต่อ อาหาวเดินตามหลังเขาไปติดๆ
หืม? อยู่ๆหลินซือเทาก็หยุดเดิน
“มีอะไรเหรอครับ?” อาหาวถาม
“มีก้อนหินอยู่ตรงนี้” หลินซือเทาพูด เขามองไม่เห็นมัน แต่เขาสามารถสัมผัสได้ว่ามีหินก้อนหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าเขา
หากมองลงมาจากจุดที่สูงกว่า ก็จะพบว่า พื้นที่บริเวณนี้ไม่ได้กว้างมากนัก มันจึงมีหินวางอยู่ไม่มาก แต่คนทั้งสองกลับต้องเดินกลับไปกลับมาและหาทางออกไม่เจอ พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยก้อนหินแห่งนี้ เมื่อพวกเขาหลุดออกมาได้ แต่ละคนก็ล้วนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“น่ากลัวจริงๆ!” อาหาวหันหน้ากลับไปมองก้อนหินที่ดูไม่มีพิษมีภัยเหล่านั้น แต่หากได้ลองเข้าไปแล้ว ก็จะได้รู้ถึงความน่ากลัวของมัน
“ใช่” หลินซือเทาพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา “หมอหวังเป็นคนที่สุดยอดจริงๆ”
พวกเขาพากันเดินต่อไป ไม่นาน พวกเขาก็เดินมาถึงด้านนอกของแปลงสมุนไพร
“อย่ามองไปที่ต้นไม้” หลินซือเทาเตือนอาหาว
แต่อาหาวก็รู้สึกสงสัยจนไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้มองไปที่ต้นไม้ได้ ในตอนที่เขายืนห่างจากแปลงสมุนไพรไปไม่กี่เมตร เขาก็เงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ เขาคิดว่า ตัวเองอยู่ห่างจากแปลงสมุนไพรมากพอสมควร แต่แล้วเขากลับมองเห็นว่าต้นไม้กำลังส่ายไปมาและเคลื่อนที่ไม่หยุด ราวกับมีชีวิต แล้วอยู่ๆเขาก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึกเวียนหัว หลินซือเทาก็มีอาการไม่ต่างกัน ทั้งสองรู้สึกหน้ามืด, ตาลาย และอยากอาเจียน พวกเขารู้สึกอ่อนแรง ราวกับกำลังถูกดูดพลังออกไปจากร่างกาย
เพราะอะไรกัน?
ทั้งสองพยายามสูดลมหายใจเข้าอย่างยากลำบาก ราวกับรอบๆตัวไม่เหลืออากาศให้พวกเขาได้หายใจ หรือมีบางคนกำลังบีบคอของพวกเขาเอาไว้
เกิดอะไรขึ้นกัน? แมลงพวกนี้โผล่มาจากที่ไหนกัน?
อยู่ๆพวกเขาก็มองเห็นแมลงหน้าตาน่ากลัวจำนวนมาก มันดูคล้ายกับตะขาบที่มีปีกสามารถบินได้ แมลงเหล่านั้นกำลังบินตรงเข้าหาพวกเขา
“ออกไป!” อาหาวตะโกน
พวกเขาอยากจะขยับตัวหนี แต่กลับตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ราวกับว่า พวกเขาถูกโซ่มัดตัวเอาไว้
หมอหวัง! พวกเขาอยากจะกรีดร้องออกมา แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้
โฮ่ง!โฮ่ง!โฮ่ง! พวกเขาได้ยินเสียงเห่าดังมาจากด้านในแปลงสมุนไพร มันเป็นเสียงเห่าที่ดังมาก จนแทบไม่ต่างไปจากเสียงคำรามของสิงโตหรือเสือเลย
มีคนมาที่นี่ หวังเย้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เขาอยู่บนเนินเขาหนานชานในตอนเข้าเพื่อเตรียมสมุนไพร ในเมื่อเขามีสมุนไพรสำหรับทำขี้ผึ้งพร้อมแล้ว เขาก็อยากจะทำมันขึ้นมาให้เร็วที่สุด
ตุบ!ตุบ! หลินซือเทาและอาหาวล้มตัวลงไปที่พื้น พวกเขารู้สึกหายใจไม่ออก
ในตอนที่พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังจะหมดสติลง ก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาและเอาบางอย่างให้พวกเขาดื่มเข้าไป ไม่นานพวกเขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเงยหน้าขึ้นและพบว่าเป็นหวังเย้า
“หมอหวัง” หลินซือเทาพูด
“ทำไมพวกคุณถึงได้มาที่นี่กันล่ะครับ?” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้ยินเสียงเห่าของซานเซียน เขาก็เดินออกมาจากกระท่อม ไม่นานเขาก็เห็นหลินซือเทาและอาหาวนอนอยู่ที่พื้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นผลมาจากกลิ่นของเซียนชิวหลัว เมื่อได้รับผลจากค่ายกลรวมวิญญาณ มันจึงทำให้กลิ่นของเซียนชิวหลัวลอยออกไปได้ไกลขึ้น ใครก็ตามที่สูดกลิ่นของมันเข้าไป ก็จะรู้สึกหายใจไม่ออกและเริ่มเห็นภาพลวงตา ถ้าหากผลของมันรุนแรง พวกเขาก็อาจจะหยุดหายใจและตายได้
หวังเย้าหยิบยาแก้พิษออกมาป้อนให้กับหลินซือเทาและอาหาว ฤทธิ์ของเซียนชิวหลัวจางหายไปในทันที
“เราแค่อยากจะเดินขึ้นมาบนเขาจนมาถึงที่นี่ แล้วเราก็ติดกับดักที่ก้อนหินพวกนั้นเข้า พวกเราต้องใช้เวลานานมากกว่าจะหลุดออกมาได้ แล้วเราก็มาโผล่ที่นี่ ถ้าคุณไม่ช่วยพวกเราไว้ เราก็คงจะต้องตายที่นี่แล้วล่ะครับ” หลินซือเทาพูด “คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด “ก้อนหินพวกเขาขังพวกคุณเอาไว้เหรอครับ?”
“ใช่ครับ เราอยู่ในนั้นกันนานพอสมควรเลยล่ะ” หลินซือเทาพูด
“อ่อ ผมวางไว้ตอนที่ผมว่างๆน่ะครับ ไม่คิดว่ามันจะได้ผลด้วย” หวังเย้าพูด
“เราโชคดีที่หลุดออกมาจากที่นั่นได้ ถ้าเป็นคนอื่นบังเอิญเข้าไปติดอยู่ในนั้นละก็ พวกเขาอาจจะเจอปัญหาใหญ่เลยล่ะครับ” หลินซือเทาพูด
“คุณพูดถูก” หวังเย้าพูด เขาไม่ได้สร้างค่ายกลกองหินต่อ เพราะกลัวว่ามันอาจจะทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวได้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ค่ายกลที่สร้างเสร็จเพียงครึ่งเดียวกลับยังมีประสิทธิภาพเกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้
เขาไม่ได้เชิญหลินซือเทาและอาหาวเข้าไปในแปลงสมุนไพร เขาเพียงแค่พาคนทั้งสองเดินดูรอบๆเนินเขาหนานชานเท่านั้น
อาหาวหันไปมองค่ายกลภาพลวงตา แล้วเขาก็มีอาการเวียนศีรษะอีกครั้ง
น่าทึ่งจริงๆ! เขาเลือกที่จะไม่หันกลับไปมองต้นไม้เหล่านั้นอีกแล้ว
หลังจากที่ได้เดินดูพอสมควรแล้ว หลินซือเทาและอาหาวก็ลงไปจากเนินเขาหนานชาน หวังเย้าก็กลับไปต้มยาสมุนไพรของเขาต่อในกระท่อม
“ไม่คิดเลยนะครับ ว่าของแบบนี้จะมีอยู่จริงๆ” หลังลงมาจากเนินเขาหนานชานแล้ว อาหาวก็พูดขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะพูดมากกว่าปกติอีกด้วย
“นายสัมผัสได้แค่ค่ายกลเท่านั้นเหรอ? อย่างอื่นล่ะ?” หลินซือเทาถาม
“อย่างอื่นเหรอครับ?” อาหาวรู้สึกงุนงง
“นายไม่รู้สึกเหรอ ว่าอากาศมันเปลี่ยนไปน่ะ?” หลินซือเทาถาม
“โอ้ ใช่แล้ว!” อยู่ๆอาหาวก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่ออยู่บนเนินเขาหนานชาน เขารู้สึกได้ถึงอากาศที่อบอุ่น มันเป็นความรู้สึกที่สบายตัว แต่เมื่อออกมาแล้ว เขาก็รู้สึกว่าอากาศโดยรอบเย็นลงกว่าเดิม