หยางกวนเพิ่งพบมือของผู้ตายที่ชั้นใต้ดิน มือถูกตัดด้วยอาวุธมีคมบางอย่าง ดูเหมือนเพิ่งจะถูกตัดไปได้ไม่นาน เพราะส่วนมือเพิ่งเริ่มเกิดการแข็งตัวได้ไม่นาน
“คุณช่วยอธิบายมือที่ถูกตัดขาดนี้ได้ไหมครับ?” หยางกวนเฟิงถามเมี่ยวชิงชานเรื่องมือของผู้ตายที่เขาถืออยู่
เมี่ยวชิงชานไม่พูดอะไร และเลือกที่จะหันไปมองเมี่ยวซีเหอแทน
“ผู้นํา นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ชิงชาน เธอทําอะไรลงไป?” เมี่ยวซีเหอถาม
“ผมไม่ได้ทําอะไรเลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามือข้างนี้มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!” เมี่ยวชิงชานพูดตะคอก
“คุณไม่รู้งั้นเหรอ?” หยางกวนเพิ่งหัวเราะ
“ตอนนี้คุณได้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสําคัญแล้ว ช่วยให้ความร่วมมือกับทางเราด้วยนะครับ” น้ําเสียงของหยางกวนเฟิงฟังดูเคร่งเครียด
ชายหนุ่มข้างเขาได้ถือปืนเตรียมเอาไว้ในมือแล้ว เขาจับจ้องไปทางชายร่างใหญ่ตรงหน้าเขาโดยไม่กระพริบตา
“ชิงชาน ให้ความร่วมมือในการสืบสวนของผู้กองหยางซะ” เมี่ยวซีเหอพูดด้วยน้ําเสียงเฉียบขาดที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“ผมไม่ได้ฆ่าใครนะ ผู้นํา แล้วทําไมผมต้องให้ความร่วมมือกับเขาด้วย? พวกเขาก็แค่คนจากด้านนอกเท่านั้น!” เมี่ยวชิงชานไม่เข้าใจ
“แม้แต่เรื่องที่มาของมือข้างนี้เธอก็ยังอธิบายไม่ได้เลยด้วยซ้ํา!”
“ผู้นําหมายความว่ายังไง ที่ว่าผมบอกที่มาของมือข้างนี้ไม่ได้? มันจําเป็นต้องอธิบายเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ? ในหมู่บ้าน…”
“พอได้แล้ว!” เสียงตะคอกของเมี่ยวซีเหอดังขัดเสียงพูดของเมี่ยวชิงชาน
อ้าก!
เสียงตะคอกของเขาดังมาก หยางกวนเพิ่งรู้สึกว่าในหูของเขาได้ยินแต่เสียงดังอื้ออึง ราวกับมีใครกําลังตีกลองอยู่ข้างหูเขา
ไม่คิดเลยว่าเสียงของเขาจะดังได้ขนาดนี้!
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น” อยู่ๆเมี่ยวชิงชานก็งอตัว
ปัง! อยู่ๆเขาก็ปาผงสีชมพูดออกไปหนึ่งก่ามือ
“บ้าเอ๊ย!”
“ระวัง กลั้นหายใจเอาไว้ใ” เมี่ยวซีเหอตะโกน
“นี่มันผงอะไรกัน?”
หยางกวนเพิ่งกลั้นหายใจ แต่มันก็สายเกินไป อยู่ๆเขาก็เริ่มหายใจติดขัด ราวกับผงที่อีกฝ่ายขว้างออกมากําลังติดอยู่ภายในล่าคอของเขา
ซีดดดด ฮูววว…
ภาพเบื้องหน้าของเขาเริ่มพล่ามัว ร่างกายของเขาเริ่มสูญเสียการควบคุม
“บ้าเอ้ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
ตุบ!ตุบ! เขากับลูกน้องต่างพากับล้มลงไปกองกับพื้น
“ฉันอยู่ที่ไหน?” เขาลกขึ้นนั่งและเอื้อมมือไปจับที่ข้างเอว โชคดีที่ปืนของเขายังอยู่ที่เดิม
เขาลุกออกจากเตียงและถึงได้รู้สึกว่าร่างกายของเขาอ่อนปวกเปียก เขาไม่มีแรงเหลืออยู่เลย ในหัวของเขาก็ปวดอย่างมาก เมื่อมองดูสิ่งของก็เห็นเป็นภาพซ้อนกันอยู่
“เป็นฝีมือของเมียวชิงชาน!” เขานึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะหมดสติไป
“คุณฟื้นแล้ว!” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นเป็นเยี่ยวชิงเฟิง
“เกิดอะไรขึ้นกับผมครับ? หรือว่าผมถูกพิษเข้า?”
“ใช่ครับ คุณถูกพิษ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “มันคือผงพิษที่ชิงชานทําขึ้นมา โชคดีที่ผู้นําอยู่ตรงนั้นด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องยุ่งยากกว่านี้มาก!”
“เขาอยู่ไหนครับ?”
“เขาหลบหนีเขาไปในเขาแล้วครับ”
“หนีไปแล้ว?” หยางกวนเพิ่งตกตะลึง
“ใช่ครับ แต่ผู้นําได้รวบรวมคนให้ออกไปค้นหาตัวเขาแล้ว” เมี่ยวชิงเฟิงตอบ
พวกเขายังจะค้นหาอะไรอีก? ในป่าเขาที่ทั้งลึกและกว้างใหญ่แบบนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะค้นหาคนคนหนึ่งที่หลบซ่อนตัวอยู่ในนั้นเจอ?
“ลูกน้องของผมเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาเพิ่งฟื้นก่อนหน้าคุณได้ไม่นาน” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“แล้วตอนที่คุณยังไม่ได้สติ เพื่อนร่วมงานของคุณที่มาพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ ได้เข้าไปค้นบ้านที่ชิงชานอาศัยอยู่ พวกเขาพบอีกศพหนึ่งอยู่ในห้องของเขา มันเป็นศพของคนจากด้านนอก ตอนนี้พวกเขากําลังทําการยืนยันตัวตนของศพกันอยู่”
เมื่อได้ยินข่าว หยางกวนเฟิงก็เงียบไป
เขามั่นใจว่า คนที่ก่อคดีฆาตกรรมในหุบเขาแห่งนี้คือเมี่ยวชิงชาน แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเขาหนีไปทางไหนแล้ว
“เมียวชิงชานหนีเข้าไปในหุบเขาลึกเหรอครับ?”
“ใช่ครับ”
“แล้วคนในหุบเขาจะหาเขาพบไหมครับ?”
“เราจะพยายามสุดความสามารถครับ แต่ความหวังน้อยมาก” เมี่ยวชิงชานตอบ “ป่าเขากว้างใหญ่มาก มันง่ายมากที่จะซ่อนตัวอยู่ในนั้น”
หยางกวนเฟิงไม่ได้พูดอะไรอีก เขายังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
เขากําลังนอนคิดเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง
จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเขาก็คือการตรวจสอบหุบเขาพันโอสถ เพราะคดีที่มีคนเสียชีวิตที่ด้านนอกไปถึง 16 คน จากที่สืบมา พวกเขายังไม่ได้เบาะแสที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย แต่กลับต้องมาพบเจอกับคดีฆาตกรรมในหุบเขาแทน มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ หรือว่ามีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างสองคดีนี้?
“เราไม่อยู่รบกวนเวลาพันผ่อนของคุณแล้ว ถ้าคุณต้องการอะไรก็เรียกหาผมได้เลยนะครับ จะมีคนคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก เขารู้ว่าต้องไปหาผมที่ไหน”
“ขอบคุณครับ”
“มันเป็นความสะเพร่าของเราเอง ที่ทําให้คุณกับลูกน้องของคุณต้องตกอยู่ในอันตราย” เบี้ยวชิงเฟิงเอ่ยขอโทษก่อนจะออกไป
หยางกวนเฟิงยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผ่านไปประมาณ 20 นาที ลูกน้องของเขาก็เดินเข้ามาในห้องของเขา เขายังคงเดินโงนเงนเล็กน้อย และสีหน้าของเขาก็ยังดูไม่ดีเท่าไหร่นัก
“หัวหน้าเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ดีขึ้นแล้ว คุณล่ะ?”
“อย่าไปพูดถึงเลยครับ ผมปวดเหมือนหัวจะระเบิด ร่างกายของแทบไม่มีแรง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งดื่มเหล้าหมดไปสองขวด ตอนนี้เหมือนจะตายให้ได้ยังไงยังงั้น ผมได้ยินมาว่า เดี๋ยวชิงชานที่ทําร้ายพวกเราหนีเข้าไปในหุบเขาแล้ว”
“ใช่ เขาหนีไปแล้ว แต่เราไม่รู้ว่าเขาหนีไปทางไหน”
“หัวหน้า ไม่คิดเหรอครับว่าเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกๆอยู่?”
“แปลกยังไง?”
“ตอนที่นอนอยู่บนเตียง ผมก็คิดถึงเรื่องนี้ไปด้วย จุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี้ก็เพื่อสืบเรื่องคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในเขตเล็กๆที่ด้านนอกนั้น เรามาที่นี่ก็เพราะตามเบาะแสบางอย่างมา แต่แทนที่จะได้เบาะแสคดีนั้นเพิ่ม พวกเขากลับมาเจอคดีฆาตกรรมคดีใหม่แทน ครั้งนี้ ทุกอย่างดูราบรื่นมาก เราเจอตัวฆาตกร แต่พอเราคิดจะจับเขา เขาก็ดันหนีไปแล้ว!”
“แล้วมันมีปัญหาที่ตรงไหน?” หยางกวนเฟิงถาม
“ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง”
“ผมก็คิดว่ามันไม่ถูกต้องเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีหลักฐาน เวลาที่ต้องแก้ไขคดี เราจําเป็นต้องหาหลักฐานให้ได้ก่อน”
ในตอนที่พวกเขากําลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีอีกคนเดินเข้ามา เขาก็คืออดีตเพื่อนร่วมงานของหยางกวนเฟิงที่เดินทางมากับเฮลิคอปเตอร์
“สวัสดี เหล่าหลิว”
“สวัสดี กวนเฟิง เป็นยังไงบ้าง?”
“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว แค่ตอนนี้ไม่ค่อยมีแรงกับปวดหัวนิดหน่อย”
“พักผ่อนให้มาก เราเจอบางอย่างในที่พักของเมี่ยวชิงชาน หนึ่งในนั้นเป็นบันทึกที่เขียนบันทึกเป็นภาษาท้องถิ่นของที่นี้ หลังจากตรวจสอบเบื้องต้น ก็พอจะยืนยันได้แล้วว่า คดีฆาตกรรมในเขตเหอมีความเกี่ยวข้องกับเขา”
“อ้อ?”
ทั้งหยางกวนเฟิงและลูกน้องของเขาต่างก็ประหลาดใจ
“แล้วหลักฐานล่ะครับ?”
“เขาเขียนถึงเขตเหอเอาไว้ในบันทึกและมีการเขียนเกี่ยวกับเรื่องการทดลองบางอย่างด้วย เขาได้ใช้ร่างของคนในเขตเหอในการทดลอง ผมได้ปรึกษาเรื่องนี้กับผู้นําเมี่ยวแล้ว เขาคิดว่าเมี่ยวชิงชานคงกําลังคิดค้นยาบางอย่าง และใช้คนเหล่านั้นเป็นหนูทดลอง”
“จริงเหรอ? มันบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?!” ชายหนุ่มถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ มันบังเอิญมากเลยล่ะ” หยางกวนเฟิงพูด
“เราได้ส่งบันทึกเล่มนั้นให้ทางผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาแปลและตรวจสอบแล้ว”