“เฮ้อ เพราะไม่มีใครคิดจะสนใจ ก็เลยเจ็บหนักกันแบบนี้ยังไงล่ะ!”
คนที่ได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนแล้วออกจากบ้านมาดูทําให้พวกเขารอดพ้นจากหายนะมาได้ส่วนคนที่ได้ยินแต่ไม่คิดจะสนใจแล้วนอนหลับคลุมโปงตามเดิมพวกเขาต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า
ความรุนแรงของแผ่นดินไหวถือว่าไม่มากนักแต่หมู่บ้านหยวนเจียดูเหมือนจะตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างพิเศษมันอยู่ใกล้กับจุดศูนย์ของแผ่นดินไหว เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นหมู่บ้านที่อยู่ห่าง ออกไปไม่ไกลกลับไม่มีปัญหาอะไรพวกเขาแค่รู้สึกถึงแผ่นดินสันไหวก็เท่านั้นและหลายคนไม่ได้รู้ถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ํา
มันเป็นเรื่องแปลกที่เกิดแผ่นดินไหวขึ้นในเขตเหลียนชาน
“อาจารย์ เมื่อคืนเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในเขตเหลียนชาน อาจารย์อยู่ทางนั้นไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
แผ่นดินไหว? เกิดขึ้นที่ไหนเหรอครับ?” เมื่อได้ทราบข่าว หวังเย้าก็คิดถึงปรากฏการณ์บนท้องฟ้าเมื่อคืนก่อนขึ้นมา
“หมู่บ้านหยวนเจีย”
“ในเมืองหลี่หู” พันจวนเสริม เขากลัวว่าหวังเข้าจะไม่รู้ว่าหมู่บ้านตั้งอยู่ที่ไหน
“เมืองหลี่หที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือสินะ” หวังเฝ้าคิดถึงปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่เขาเห็น
“อาจารย์?” พันจวินไม่ได้รีบวางสาย
“มีคนเจ็บเยอะไหม?”
“มีคนเจ็บมากกว่า 20 คนแต่ส่วนใหญ่เจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักแล้วก็ไม่มีใครตาย”
“อืม ไม่มีคนตายก็ดีแล้ว”
“อาจารย์ยังมีอะไรอีกไหมครับ?”
“ไม่มีแล้วล่ะ”
“ครับ”
หลังจากวางสาย หวังเย้าก็หลับตา เขาย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง
หรือนั่นจะเป็นสัญญาณของการเกิดแผ่นดินไหว?
ในเมืองเล็กๆที่ห่างไกลออกไปหลายพันไมล์ในยูนนานใต้
“หมายความว่ายังไงครับ?”
“ผมได้ข่าวมาว่า ผู้กองหยางกําลังเดินทางไปที่หุบเขาพันโอสถครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด
“ผมกลัวว่า ถึงเขาจะไปที่นั่นก็คงไม่ได้อะไรกลับมา” เสวี่ยซินหยวนพูด
“เขาไปถึงที่นั่นแล้วก็คงจะรู้เองครับ” กั่วเจิ้งพูด “แต่ผมกังวลเกี่ยวกับตัวผู้กองหยางมากกว่าไม่ใช่คุณลุงเคยบอกว่าพวกเขาเก่งเรื่องพิษเหรอครับ?ผมหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเขาคดีนี้ยังต้องพึ่งพาความสามารถของเขาอยู่!”เขาเคยสืบเรื่องของผู้กองหยางมาแล้วเขาเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนที่มีชื่อเสียงในยูนนานและได้รับการฝึกฝนพิเศษจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติเขาเคยแก้ไขคดีใหญ่มาหลายคดีและเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา
“ผมคิดว่า พวกเขาคงไม่กล้าทําร้ายเขาที่ไปในฐานะของเจ้าหน้าที่รัฐหรอกครับไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งหรือสืบทอดความสามารถอะไรมา พวกเขาก็ยังเป็นแค่ชาวบ้านพวกเขาจะสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐได้ยังไง? ถ้าพวกเขารู้ว่าเจ้าหน้าที่จากตัวจังหวัดเข้ามาเพื่อสืบคดี ถึงอยากจะทําร้ายเขาแต่ก็คงทําไม่ได้พวกเขาอาจพยายามปกป้องผู้กองหยางด้วยซ้ําไป
ภายในห้องสืบส่วนคดีของเขต
“อะไรนะ? เพราะอะไรครับ?”
“โอ้ เรื่องนี้เป็นคําสั่งมาจากทางจังหวัด เราต้องใส่ใจเรื่องของสถานการณ์โดยรวมด้วย”
“อะไรคือสถานการณ์โดยรวมครับ? มีคนตายถึง 16 คน มีหลักฐานว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับคนในหมู่บ้านนั้นผมจะไปสืบเรื่องนี้ แล้วทําไมหัวหน้าถึงไม่เห็นด้วย?”
“พวกเขาถือเป็นชนกลุ่มน้อย และค่อนข้างปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกแล้วทําไมพวกเขาจะต้องเดินทางมาไกลหลายร้อยไมล์เพื่อฆ่าคนด้วย?”
“ถ้าผมสืบได้มากกว่านี้ เราก็จะได้เบาะแสของคดีนี้เพิ่มขึ้น ยิ่งพวกเขาปฏิเสธไม่ให้ผมเข้าไปมันก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเก็บซ่อนความลับบาอย่าง
เอาไว้ ยังไงผมก็ต้องไปดูให้เห็นกับตา” ผู้กองหยางเริ่มหัวเสีย “ไม่ได้ผมจะส่งเรื่องให้ทางเบื้องบนพิจารณาอีกครั้ง”
“เบื้องบน? หมายถึงเบื้องบนคนไหน? หยางกวนเพิ่งระวังเรื่องทัศนคติของคุณด้วยต้องให้ผมพูดเรื่องนี้กับคุณอีกกี่ครั้ง?”
“ช่วยพูดเรื่องนี้กับเบื้องบนด้วยนะครับ” หยางกวนเพิ่งพูด “เราทําทั้งหมดนี้ก็เพื่อไขคดีให้ได้เราต้องคืนความยุติธรรมให้กับคนตาย”
“ได้ ผมเข้าใจแล้ว” อีกฝ่ายที่อยู่ปลายสายจําต้องวางสายด้วยความไม่พอใจ
ชายหนุ่มที่อยู่กับเขายกนิ้วโป้งและพูดว่า “คุณกล้ามาก ที่ไปเถียงกับหัวหน้าของตัวเอง”
“การสืบสวนในสถานที่แบบนั้นคงส่งผลกับหลายคน ฉันไม่คิดเลยว่า ในหุบเขานั้นจะยังมีความลับอีกหลายอย่างซ่อนอยู่” หยางกวนเพิ่งพูดอย่างที่เขาได้พูดไปในสายยิ่งมีสิ่งกีดขวาง มากเท่าไหร่ และยิ่งพวกเขาพยายามหยุดยั้งเขามากแค่ไหนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นการเติมเชื้อเพลิงที่ทําให้เขาอยากเข้าไปในหุบเขาแห่งนั้นมากยิ่งขึ้นหุบเขาแห่งนั้นซุกซ่อนความลับอะไรเอาไว้ถึงได้เป็นสถานที่ต้องห้ามสําหรับคนนอก?
ข้าราชการแก่ๆพวกนั้นล้วนน่ารําคาญ!
ไกลออกไปหลายร้อยไมล์ ภายในอาคารไม้ที่สูงที่สุดในหมู่บ้านโบราณชายใบหน้าเหลืองซีดกําลังยืนอยู่ตรงหน้าชายวัยสามสิบคนหนึ่ง
“เจ้าหน้าที่สืบสวนจากจังหวัดเหรอ?”
“ครับ”
“ทําไมต้องมาที่นี่?”
“เกิดคดีใหญ่ขึ้นที่เขตเหออัน ที่ห่างจากที่นี่ไปหลายร้อยไมล์ มีคนตายไปถึง 16 คนภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ผลชันสูตรออกมาว่าพวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตจากพิษครับ”
“พิษเหรอ?” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่หรี่ตาลง
“ใช่ครับ มันเป็นพิษ เบาะแสถูกโยงมาที่หมู่บ้าน พวกเขาเลยต้องมาตรวจสอบที่นี่ด้วย”
“คดีนี้ถือว่าใหญ่มาก เราคงห้ามไม่ได้” เขาเสริม
“ถ้าพวกเขาอยากมาก็ให้มา ผ่านมานานหลายปีแล้วที่มีแขกอย่างพวกเขาเข้ามาที่นี่”ชายวัยกลางคนหัวเราะ
“ท่านมีเรื่องอื่นจะสั่งอีกไหมครับ?”
“ไม่มีแล้ว เธอจะไปทําอะไรก็ไปเถอะ ขอบใจมาก”
“ด้วยความยินดีครับ” ชายวัยสามสิบรีบพูด เมื่อเขาเดินออกมาจากตัวอาคารแล้วเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกถ้าไม่จําเป็นเขาก็มาอยากมาที่นี่เลยสักนิด
คนตายจากพิษไป 16 คน ชายวัยกลางคนกําลังนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งได้ยินมาเขาส่งเสียงเรียกออกไปครู่ต่อมาก็มีชายคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
“อาจารย์
“มีสองเรื่อง เรื่องแรก จะมีแขกมาที่นี่เร็วๆนี้ พวกเขาเป็นคนนอก แล้วยังเป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วยเธอไปจัดการให้คนคอยดูแลพวกเขาให้ดี เรื่องที่สองเธอต้องหาคนที่เชื่อใจได้ออกไปที่เขตที่ชื่อว่าเหออันที่นั่นเพิ่งมีคนตายไป 16 คนมีการเชื่อมโยงว่าอาจเป็นฝีมือของคนจากหุบเขา”
“คนจากหบเขา? เป็นไปไม่ได้ ช่วงนี้ คนของเราไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยนะครับ
“เธอต้องทําความเข้าใจสถานการณ์ก่อนถึงจะพูดได้”
“ครับ อาจารย์” ชายหนุ่มเดินออกไปจากอาคาร
หรือมันจะเป็นการใส่ร้าย? ชายวัยกลางคนมองขึ้นไปบนหลังคา
ครั้งนั้นฉันปล่อยแกไป แต่แกก็ยังไม่รอมรามือ
ภายในคลินิกที่หมู่บ้านกลางเขา ซึ่งห่างออกไปหลายพันไมล์
“อยู่ๆพ่อของฉันก็รู้สึกเจ็บ” หวังเจ๋อเข็งพูดด้วยสีหน้ากังวล
“เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“ตอนกินข้าวเมื่อคืน”
“พาพ่อของพี่มาที่นี่ กลางวันนี้ผมจะตรวจเขาให้” หวังเย้าพูด
“อ้อ ดีดี”
หลังจากหวังเจ๋อเชิงออกไปแล้ว หวังเย้าก็หยิบสมุดที่เขาบันทึกเรื่องโรคที่รักษาไม่ได้พ่อของหวังเจ๋อเชิงป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ เขาอยู่ในระยะสุดท้ายแล้วและอาการก็เริ่มแสดงออก มาเรื่อยๆ ความจริงเขาควรจะตายไปตั้งนานแล้วแต่โชคดีที่หวังเจ๋อเชิงไม่ใช่ลูกเนรคุณอีกต่อไปหวังเย้าจึงจ่ายยาให้เขาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและยื้อชีวิตของเขาเอาไว้แต่มันช่วยได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น มันไม่สามารถรักษาให้หายได้
ฉันก็แค่ต้องพยายามให้ถึงที่สุด
สําหรับเรื่องอาการป่วยของชายชราในตอนนี้ หวังเย้าสามารถลองรักษาดูอีกครั้งเพื่อดูว่าเขาจะสามารถช่วยชีวิตอีกฝ่ายได้หรือไม่
ตอนกลางวัน หวังเจ๋อเชิงพาพ่อของเขามาที่คลินิก
“เสี่ยวเย้า ขอโทษที่ต้องมารบกวนเธอนะ”
“อย่าเกรงใจไปเลยครับ คุณลุง มานั่งตรงนี้สิครับ” หวังเย้ารีบพูด เขาเทน้ําใส่แก้วให้กับชายชรา
สีหน้าของชายชราดูไม่ดีนัก มันดูคล้ํา ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องดี
“ดื่มน้ําก่อนนะครับ”
“ขอบใจ ฉันดื่มมาจากที่บ้านแล้วล่ะ” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยบอกผมทีนะครับ ว่าคุณลุงเจ็บตรงไหนบ้าง?”
“เอ่อ ตรงนี้” ชายชราชี้ไปที่ใต้ซี่โครงด้านขวา ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ของตับ
“มาครับ ผมขอตรวจดูหน่อย”
หวังเข้าตรวจร่างกายของชายชราอย่างละเอียด
มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังตับ, ปอด, และต่อมน้ําเหลือง
“ตรงนี้เจ็บไหมครับ?” หวังเย้าชี้ไปที่หน้าอกของชายชรา
“อืม ตรงนี้เจ็บเป็นบางครั้งเท่านั้น” หลังจากคิดดูสักพัก ชายชราก็ให้ค่าตอบ
“ดีครับ ตอนนี้คุณกลับได้เลย ผมจ่าต้มยาให้ พอยาเสร็จแล้ว ผมจะให้เจ๋อเชิงมาเอาไปนะครับ
“อ้อ ดีดี” ชายชรายิ้ม
“เอ่อ” ชายชราเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาอีกครั้ง
“คุณลุงมีอะไรอีกไหมครับ?”
“ไม่มี ไม่มี” ชายชราดูเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่เขาก็ไม่พูด