ฟ้าเริ่มมืดลง ถึงจะไม่ใช่เรื่องฉลาดที่มุ่งหน้าเข้าป่าในเวลาแบบนี้ แต่ก็เพราะเป็นภารกิจเร่งด่วนพวกเขาหยุดพักเพียงช่วงเวลาสั้นๆก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปพวกเขาต้องค้นหาผู้บุกรุกให้เจอเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
ขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่พวกเขากําลังค้นหาต่างก็รุนงงที่กับดักของพวกเขาไม่ได้ผล
“ไม่มีใครตายเลยเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกัน?” ชายคนหนึ่งถาม
“นายแน่ใจเหรอ?” ชายผิวขาวผู้นําของกลุ่มถาม
“ฉันแน่ใจ” เขาพูด “มันจะต้องมีคนมีฝีมืออยู่ในทีมของพวกเขาแน่ๆ”
“เป็นไปได้ไหมที่กองกําลังของพวกเขาจะมาด้วย?” ชายอีกคนถาม
“กองกําาลัง? เป็นไปไม่ได้?” ชายคนแรกพูด
“รีบไปกันได้แล้ว” ชายที่เป็นผู้นํากลุ่มพูดด้วยความกังวล “ถ้าเป็นพวกเขาจริงๆคงยุ่งยากแน่”
ในตอนที่หวังเย้าเดินอยู่นั้น เขาได้จดจําพืชพันธุ์ที่อยู่รอบตัวเขาไปด้วยข้อมูลต่างๆโผล่เข้ามาในหัวของเขาอยู่ตลอด
ต้นนี้สามารถเอาไปทํายาได้ ต้นนี้มีพิษเล็กน้อย ต้นนี้มีพิษสูง…
มันอันตรายมากจริงๆกับการเดินป่าในเวลากลางคืนแบบนี้ตลอดทางพวกเขากระตุ้นการทํางานของกับดักไปแล้วหลายอันทหารนายหนึ่งถูกยิงด้วยอาวุธลับเคลือบยาพิษที่บริเวณแขนโชคดีที่หวังเย้าอยู่ที่นั่นและรักษาบาดแผลได้ทันเวลาหลังจากที่เขาล้างพิษแล้วทหารนายนั้นก็ปลอดภัยบาดแผลที่ได้รับไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขามีเพียงประสิทธิภาพในการสู้เท่านั้นที่อาจติดขัดบ้าง
บูม! เกิดเสียงระเบิดขึ้น
“หม เกิดอะไรขึ้นที่นั่นกัน?” หวังเย้าถาม
“มีการต่อสู้ข้างหน้า”ซูจือจึงพูด “รีบไป”
“ให้ผมนําหน้าดีไหม?” หวังเย้าถาม
“หา?” ซูจือฉิงตกใจ
“เชื่อผม”หวังเย้าก้าวออกไปเดินอยู่แนวหน้าของทีมความเร็วของเขามากกว่าไม่นานเขาก็พบกับดัก“มีกับดัก!เดินอ้อม!”
พวกเขาเดินต่อและพบเจอเข้ากับกับดักหวังเย้าหยุดเดินมีคนนอนอยู่ที่พื้น
“เขาตายรึยัง?” ทหารนายหนึ่งถาม
“เขาตายแล้ว” หวังเย้าพูด
เมื่อเข้าไปตรวจสอบใกล้ๆ พวกเขาก็พบว่าชายคนนี้เป็นทหาร กริชเล่มหนึ่งปักอยู่ที่เบ้าตาของเขา
“มีอยู่สองกลุ่ม” ซูจือฉิงพูด
เกิดเสียงปืนดังขึ้น
“เตรียมตัวสู้!” ซูจือฉิงตะโกน
ไม่นาน พวกเขาก็พบอีกร่างหนึ่ง การแต่งตัวของเขาแสดงให้รู้ว่าไม่ใช่ทหารเขาแต่งตัวผ้าทอมือแบบพิเศษที่มีกลิ่นประหลาดติดอยู่
“กลิ่นอะไร?” ซูจือฉิงถาม
“มันเป็นกลิ่นยาสมุนไพรครับ” หวังเย้าพูด “มันจะช่วยป้องกันพวกเขาจากง, แมลง,หนู,และ มดที่อยู่ในป่านี้ได้
ชายคนนี้พกคันธนูและธนู รวมไปถึงมีดที่คมกริบ มันมีความยาวประมาณห้าสิบเซนติเมตรและคมมาก
“คนพวกนี้เป็นใครกัน?” ซูจือจึงพูดพึมพําด้วยน้ําเสียงไม่อยากเชื่อ
พวกเขาไม่ได้พบเจอกับคนกลุ่มนี้ ในภารกิจครั้งก่อนที่พวกเขาต่อสู้กับผู้บุกรุกจากต่างถิ่น
“หรือพวกเขาจะเป็นคนที่ปกป้องป่าผืนนี้ครับ?” หวังเย้าถาม
“ผู้ปกป้อง? แล้วทําไมครั้งก่อนพวกเขาไม่แสดงตัวล่ะ? หรือพวกเขาไม่รู้ข่าว?” ทหารนายหนึ่งถาม
“อืม ฉันคิดว่าเรื่องนั้นอาจเป็นไปได้” ซูจือจึงพูด “ไปกันเถอะ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ต้องระวังเอาไว้ก่อน”
สภาพโดยรอบมืดสนิท เกิดการต่อสู้ของคนสองกลุ่มขึ้นภายในป่าสองครั้ง
“คนต่างชาติพวกนี้กล้าเข้ามาหาเรื่องถึงที่นี่” ชายคนหนึ่งพูด “เก็บพวกเขาไว้ให้ฉัน!”
“ระวังด้วย” ชายอีกคนพูด “มือดีสองคนถูกจัดการไปแล้ว ปล่อยแมลงออกมา!”
หรือ! แมลงจํานวนมากถูกปล่อยออกมาและบินไปทั่วป่า
ในความมืด ชายคนหนึ่งโยนไฟเข้าใส่ต้นไม้จนลุกไหม้ไปทั่ว ภายในป่าประเภทนี้เมื่อเปลวไฟลุกไหม้มันสามารถก่อให้เกิดไฟโหมกระหนาจนยากควบคุมและดับลงได้ไม่มีใครสามารถคาดคะเนได้ว่ามันจะก่อให้เกิดการสูญเสียไปมากเท่าไหร่
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูจือจึงหยุดเดินและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ในความมืดมิดของกลางคืนมีแสงไฟถูกยิงขึ้นบนฟ้า
“เราไม่มีเวลาไปจัดการกับเรื่องนั้น” ซูจือจึงพูด “ทางนั้น ทุกคนเตรียมพร้อมต่อสู้ได้ทุกเวลา”
ยังคงมีระยะห่างระหว่างจุดที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบันกับจุดที่เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น
“เราควรใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุด” หวังเย้าพูด
“ใกล้ที่สุด?” ซูจือฉิงถาม
“ส่วนของเส้นตรงคือเส้นทางที่สั้นที่สุดระหว่างสองจุด” หวังเย้าพูด
“โว้ว นายถึงขนาดพูดเรื่องเรขาคณิตเลยเหรอเนี้ย” ซูจือจึงพูด “ไปกันเถอะ”
หวังเย้าเคลียร์เส้นทางด้านหน้าพวกเขา ในเวลานี้ เขาไม่มีเวลาให้คิดมากนักเขาปลดปล่อยพลังฉีเพื่อสื่อสารกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเขา เขาราวกับมีดวงตาอยู่รอบตัวเขามองไปรอบๆเห็นแม้กระทั่งสายลมพัดอย่างไรและหญ้ากําลังส่ายไปมานก, สัตว์, งู,และแมลงต่างถูกเขาพบเห็นเขามองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนและสามารถจัดการทุกการเคลื่อนไหวหรืออันตรายตรงหน้าออกไปจนหมด การเดินทางของพวกเขาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
เกิดเสียงกรีดร้องดังขึ้น
“บ้าเอ๊ย ฉันถูกพิษ!” ชายคนหนึ่งตะโกน
“ถอนตัว!” ผู้นําทีมสั่งถอนกําลัง
“อะไรนะ?” ชายอีกคนตกตะลึง
“ฉันพูดว่าถอนตัว” ผู้นําทีมพูด“คนกลุ่มนี้เป็นคนท้องถิ่นที่เชี่ยวชาญเรื่องแมลงพิษที่หาได้ยากและนี่ก็เป็นเขตแดนของพวกเขาพวกเขาคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่าพวกเราเราที่อยู่ที่นี่เป็นฝ่ายเสียเปรียบถ้าเรายังไปต่อแบบนี้คนที่ตายก็จะเป็นพวกเราทั้งหมด”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืดราวกับภูตผี “พวกแกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว!”
“ใครอยู่ตรงนั้น!?” ผู้นําทีมถามบูช!
ผู้นําทีมกุมหน้าท้องของเขาเอาไว้ อีกมือยิงปืนไปทางที่เขาได้ยินเสียง
มีคนปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขา “ช้าเกินไป!”
ร่างนั้นยื่นมือออกไป แคร็ก เลือดสาดกระจายขึ้นสูงเกือบหนึ่งเมตร พร้อมกับศีรษะของผู้นําที่มที่หลุดออกจากบ่า กลายเป็นภาพที่สยดสยอง
คนที่เหลือสั่นกลัวอย่างที่สุด “แกเป็นใคร?”
“ฉันกําลังสงสัยอยู่ว่า พวกมันเข้ามาข้างในได้ราบรื่นขนาดนี้ได้ยังไง”เงานั้นพูดด้วยเสียงแหบเล็กน้อย“ที่แม้ก็มีคนทรยศอยู่ด้วยเราสามารถจัดการเรื่องภายในของเราด้วยวิธีไหนก็ได้ถึงเราจะต้องสู้จนตัวตายฉันก็ยินดีถ้าฉันพ่ายแพ้และตายแต่การสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกมาขโมยสมบัติแบบนี้เรียกว่าคนทรยศ แกคือกบฏและสมควรตายร้อยหน!”
“ไม่ ไม่ ไม่…” ชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวดูเหมือนกําลังคิดถึงบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวเขาวิ่งหนีเข้าไปในป่าโดยไม่หันกลับไปมองด้วยร่างกายที่ยังสันกลัวไม่หยุด
“คิดจะหนี้เหรอ?” ในวูบเดียว เงาร่างก็หายไปและปรากฏอยู่ด้านหลังของชายที่กําลังวิ่งหนีอยู่เขาเพิ่งหนีไปได้แค่ 10 เมตรเท่านั้น “ในเมื่อแกเคยอยู่ที่นั่นมาก่อนแกก็คงจะรู้กฎดี”
“ฉันผิดไปแล้ว” เขาอ้อนวอน “ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกสักครั้งเถอะ!”
“คนของเราตายไปสี่และพื้นที่ป่าเสียหายเป็นบริเวณกว้าง แต่แกก็ยังอยากให้ฉันให้โอกาสเงาร่างพูด “แกคิดว่ามันจะเป็นไปได้งั้นเหรอ?”
“ฉัน…”
เงาร่างบีบปากของเขาให้เปิดออกและบังคับส่งบางอย่างเข้าไปก่อนจะปล่อยเขา
“ไม่ ไม่ ไม่…” ชายคนนั้นดิ้นทุรนทุราย เขาพยายามควักเอาสิ่งนั้นออกจากปาก
อยู่ๆเขาก็กุมท้องและร้องคร่ำครวญกลิ้งเกลือกไปกับพื้น เขาตัวสั่นระริกในขณะที่หยิบปืนออกมาและจ่อไปที่ขมับของตัวเองเขาต้องการเหนี่ยวไกแต่กลับพบว่าร่างกายของเขาไม่สามารถ ควบคุมได้อยู่ๆนิ้วมือของเขาก็แข็งที่อจนไม่สามารถงอได้ปืนพกร่วงจากมือของเขาลงไปกองอยู่ที่พื้นดังตุบ
“อ้า!”
เสียงร้องในกลางดึกแบบนี้ฟังดูโหยหวนและสยดสยองเป็นพิเศษ
ซูจือฉิงและทีมของเขาหยุดเดินเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงร้องนั้น เขาพูด “เสียงนั้นดูทรมานมาก”
“มันอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่” หวังเย้าพูด
“เราต้องระวังตัวเอาไว้” ซูจือจึงพูด “ฉันว่านายไม่ควรนําหน้าต่อไป”
“ไม่เป็นไรครับ” หวังเย้าพูด “ให้ผมทําเถอะ ไป
ถ้าทหารนายอื่นมาแทนที่เขา การเดินทางของพวกเขาก็อาจล่าช้าลงได้ถ้าไม่มีคนอื่นมาด้วยเขาคงไปถึงที่นั่นได้ในทันทีและอาจสามารถจับคนที่ยังมีชีวิตอยู่กลับมาให้สอบสวนได้ด้วย
4
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่พวกเขาจะมาถึงจุดที่เพิ่งเกิดการต่อสู้ พวกเขาเห็นหลายร่างอยู่ที่พื้นทหารติดอาวุธสิ้นายนอนอยู่คนละจุด พวกเขาตายด้วยวิธีที่ต่างกันคนหนึ่งถูกยิงด้วยธนูพิษและอีกคนร่างถูกแยกออกจากกัน หนึ่งในนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ใบหน้าของเขาเสียโฉมและเต็มไปด้วยเลือดพวกเขาสามารถมองเห็นแมลงเคลื่อนตัวไปตามเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาในบางครั้งพวกมันก็ฝังตัวลึกลงไป
ชายคนนั้นต้องการส่งเสียงและพูดอะไรบางอย่าง แต่หลอดเสียงของเขาถูกแมลงกัดกินไปจนเกือบหมดแล้ว
“นี่มันอะไรกัน?” ซูจือจิงที่เห็นภาพนั้นตัวสั่นเทา
“มันคือแมลงพิษ ถอยออกมาครับ หวังเย้าพูด
เขาไม่กลัวแมลงพิษพวกนี้ แต่พวกทหารคงไม่สามารถรับมือกับพวกมันได้เมื่อพวกเขาได้รับเชื้อพวกเขาก็จะทรมานอย่างที่สุด