ซูจือฉิงที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะและถามว่า “ทําไมเหรอครับ?”
“นายดูเองสิ” มู่เฉิงโจวส่งกล้องส่องทางไกลให้กับซูจือฉิง เขาหันหน้าไปถามหวังเย้าว่า“หมอหวัง อยากลองยิงปืนกลดูไหม?”
“เอาสิครับ!” หวังเย้าหยิบปืนไรเฟิลออโต้ขึ้นมา เขาเหนี่ยวไก กระสุนถูกยิงออกไปและเข้าเป้าที่ตั้งอยู่ไกล 100 เมตร จนเกิดเสียงดังปัง
“นี่มันของจริง!” ซูจือจึงวางกล้องลงและขยี้ตา เขาหันไปมองหวังเย้าที่ยืนอยู่ข้างเขา “น้องเขยบอกฉันมาตามตรง นายไม่เคยใช้เจ้านี่จริงๆเหรอ?”
“ไม่เคยเลยครับ” หวังเย้าพูด
“นายรู้ผลยิงของนายรึเปล่า?” ซูจือฉิงถาม
“น่าจะประมาณเก้าหรือไม่ก็สิบ” หวังเย้าตอบ มันอาจฟังดูเป็นการอวดว่าเขาสามารถมองเห็นได้ไกลแต่ด้วยการมองเห็นที่พิเศษของเขา เขาจึงสามารถมองเห็นตัวเลขที่อยู่เหนือเป้าได้
ท่าทางการยืนถือปืนของเขามั่นคงมากคนอื่นไม่สามารถมองเห็นว่าปืนขยับหรือสันได้เลยปืนไรเฟิลออโต้มีแรงถีบในตอนที่ยิงอย่างต่อเนื่องมันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ปืนจะเคลื่อนหรือสั่นในขณะที่ยิงออกไปแม้แต่ทหารเจนสนามยิงเขาก็ทําได้เพียงยืนให้มั่นคงและลดการเคลื่อนไหวลงให้น้อยที่สุดเท่านั้นแต่เมื่อหวังเข้าจับปืนมันก็ราวกับว่าปืนยึดแน่นอยู่กับที่โดยไม่มีการเคลื่อนแม้แต่น้อย
“นายทําแบบนั้นได้ยังไง?” ซูจือฉิงประหลาดใจมาก
“ผมก็แค่ยิงออกไป” หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ
“นายพูดเหมือนธรรมดา แต่มันมีพลังทําลายล้างเป็นหมื่นเท่า อย่างกับว่า ที่พวกเราฝึกกันมา หลายปีไปอย่างเสียเปล่า” ซูจือฉิงตบหัวตัวเอง “เรื่องแรก นายยิงได้แม่นยํามาก เรื่องที่สอง ปลายกระบอกปืนนิ่งมาก นายรู้รึเปล่าว่าสองอย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ? ถ้านายเป็นทหารที่ได้รับ การฝึก มันคงเป็นเรื่องที่พอรับได้ แต่นายเป็นแค่หมอที่ไม่เคยฝึกทหารมาก่อนด้วยซ้ํา มันน่า สับสนเกินไปแล้ว”
“ผมตอบเรื่องนั้นได้ครับ” หวังเย้าที่เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมา“เรื่องแรกผมสามารถมองเห็นได้ชัดกว่าคนอื่นผมก็เลยยิงได้แม่นเรื่องที่สองผมมีข้อมือที่แข็งแรงผมก็เลยสามารถจับ ปืนได้มั่นคง”
“ฟังดูธรรมดาเกินไปแล้ว!” ซูจือจึงพูด
“ไม่ใช่ว่ามันง่ายๆแค่นี้เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ช่างเถอะ มาเปลี่ยนเรื่องแล้วลองปืนแบบอื่นดีกว่า” ซูจือจึงพูด
“ครับ ผมจะลองปืนสไนเปอร์” หวังเย้าหยิบปืนยาวขึ้นมา
“เทคนิคการยิงสําหรับปืนชนิดนี้จําเป็นต้องมีทักษะในระดับสูง” ซูจือจึงพูด“มันต้องมีการคํานวณระยะทาง, ความเร็วลม, และความชื่น”
“มีข้อกําหนดหลายอย่างเลยนะครับ” หวังเย้าพูดในตอนที่สํารวจดูปืน
“แน่นอนส์ การยิงปืนเป็นเรื่องเชิงลึกโดยเฉพาะการยิงระยะไกล” ซูจือฉิงพูด “พูดได้ว่าคนที่ยิงสไนเปอร์ก็คือคนที่ยิงปืนแม่นแต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ยิงปืนแม่นทุกคนจะยิงสไนเปอร์ได้จะต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆเท่านั้นถึงจะทําได้”
“ยิ่งฟังผมก็ยิ่งอยากลอง” หวังเย้าพูด
เป้าถูกตั้งเอาไว้ไกลนับร้อยเมตรมันดูเล็กมากเมื่อมองด้วยตาเปล่า ทั้งยังมีลมพัดอ่อนๆด้วยหวังเย้าไม่เคยเรียนเทคนิคการคํานวณความเร็วลม,ความชื้น,และระยะทางมาก่อนเขาเพียงเหนี่ยวไกโดยไม่คิดอะไรมากเท่านั้นเกิดเสียงดังปังของกระสุนที่เข้าเป้า
“นายเล็งอะไรไว้?” ซูจือจึงถาม
“หัว” หวังเข้าตอบ
“ฟ้ว โชคดีที่คราวนี้นายยิ่งไม่ถูก ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันคงต้องสงสัยการฝึกตลอดหลายปีในกองทัพของตัวเองเป็นแน่”ซูจือจึงพูดในขณะที่วางกล้องลง
“มีปืนอะไรอีกบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“เรามีปืนสั้น, ปืนยิงลูกระเบิด, และปืนกล” ซูจือฉิงพูดแล้วชี้ไปที่ปืนชนิดต่างๆ “นายอยากลองอันไหนล่ะ?”
“ผมลองทั้งหมดเลยได้ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ได้สิ ลองได้ทั้งหมดเลย” ซูจือฉิงพูด
ภายในสนามยิงปืน เกิดเสียงลั่นไกอย่างต่อเนื่อง
มู่เฉิงโจวมองดูเวลาและพูดว่า “เอาล่ะ มันใกล้เที่ยงแล้ว เราไปกินข้าวแล้วค่อยกลับมาอีกทีแล้วกัน”
อาหารภายในโรงอาหารของกองทัพมีมากมายหลายอย่าง คุณภาพของอาหารสําหรับกองกําลังพิเศษสูงกว่ากองกําลังทั่วไป เพราะการฝึกของพวกเขานั้นหนักกว่ามากพวกเขาคือระดับ หัวกะทิพวกเขาถูกเลือกออกมาจาก 1 ใน 100 หรือ 1 ใน 1,000 หรือ 10,000 พวกเขารับภารกิจที่อันตรายที่สุดดังนั้นพวกเขาจึงมีสิทธิได้รับการดูแลเช่นนี้
“เป็นยังไง?” ซูจองถาม
“อม มันอร่อยครับ” หวังเย้าตอบ
“อยากดื่มหน่อยไหม?” มู่เฉิงโจวถาม
“ไม่ครับ ขอบคุณ ผมไม่ค่อยชอบดื่มเท่าไหร่” หวังเย้ายิ้มตอบ
ในตอนที่พวกเขากําลังทานอาหารกันอยู่นั้นมีทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาหามู่เฉิงโจวพูดอะไรบางอย่างแล้วเดินออกไปหลังจากนั้นสักพักเขาก็กลับมา
“มีภารกิจเหรอครับ?” ซูจือจิ้งถามเสียงเบา
“ไว้ค่อยคุยหลังกินข้าวเสร็จ” มู่เฉิงโจวพูด
หลังจากทานอาหารกันเสร็จ พวกเขาก็ไปที่ที่พักที่ทางกองทัพจัดเตรียมไว้สําหรับหวังเย้า
“ฉันเพิ่งได้รับรายงายว่า คนกลุ่มนั้นโผล่มาที่ชายแดนอีกแล้ว” มู่เฉิงโจวพูด “พวกเขาร้องขอความตายจากพวกเรา”
“ผมจะนําทีมครั้งนี้เอง” ซูจือจึงพูด
“ถ้าไม่ว่าอะไร ผมอยากขอไปดูด้วย” หวังเย่าพูด
“นายน่ะเหรอ?” ซูจือจึงตกตะลึง
“ทําไมครับ? มันมีกฎข้อบังคับเหรอ?” หวังเย้าถาม
“สนามรบไม่ใช่ที่ที่ใช้ศิลปะการต่อสู้” ซูจือจึงพูด “ทั้งปืนและมีดล้วนไม่มีตานายไม่ควรไป”
เขากังวลเกี่ยวกับหวังเย้า ในเมื่อพวกเขาต้องทําภารกิจ การที่เขามาด้วยจะเป็นอันตรายได้
“ผมอาจช่วยสกัดคนที่ใช่วิธีการโจมตีแบบพิเศษได้นะครับ” หวังเย้าพูด “พี่วางใจได้เลยว่าผมจะไม่ไปเป็นตัวถ่วง”
มู่เฉิงโจวลังเล พวกเขาไม่เคยทําแบบนี้มาก่อน
“เอาแบบนี้เป็นไง พี่เรียกนักสู้มาสักสองสามคน แล้วผมจะสู้กับพวกเขาให้ด”หวังเย้าพูด
ซูจือฉิงยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี “ฉันรู้ความสามารถของนาย แต่…”
“ผมอยากไปดูจริงๆ” หวังเย้าพูด
“ก็ได้ เราจะทําตามที่คุณเสนอและเลือกนักสู้มาสู้กับคุณดู” มู่เฉิงโจวพูด
ถ้าว่าตามความจริงในใจของเขา เขาก็หวังว่าหวังเย้าจะสามารถไปกับทีมได้เพื่อที่เขาจะสามารถช่วยชีวิตทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีแบบพิเศษแต่เขาก็ต้องนึกถึงความรู้สึกของซูจือจิ้งด้วย
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
ไม่นาน ทหารห้านายก็ถูกเลือกมา พวกเขามาจากหน่วยพิเศษระดับหัวกะทิพวกมีความเชี่ยวชาญทั้งปืน,การต่อสู้,การขับยานพาหนะ,และอื่นๆ
“สู้กับเขา?” หนึ่งในพวกเขาตกใจ “ทําไมครับ?”
ในหมู่พวกเขาคือเพิ่งหรูชวง ที่เกือบเสียชีวิตจากการได้รับบาดเจ็บและได้รับการรักษาจนหายโดยหวังเย้า“นี่มันหมอที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้นี่”
“จริงเหรอ?” ทหารอีกคนถาม
“ฉันจะโกหกนายไปทําไมล่ะ?” เพิ่งหวชวงพูด
“ถ้าอย่างนั้นเขาก็เป็นหมอสินะ” ทหารคนนั้นพบว่าสถานการณ์น่าสนใจเป็นอย่างมาก
หวังเฝ้ามองเหล่านักรบที่แข็งแกร่งและพูดว่า “ผมพอจะรู้กังฟูอยู่บ้างและต้องการสู้กับพวกคุณพวกคุณไม่จําเป็นต้องยั้งมือแล้วก็สามารถใช้อาวุธได้ด้วย”
“หัวหน้ากําลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?” เมิ่งหวชวงกระซิบถามซูจือจึง
“ไม่ได้ล้อเล่น ซูจือฉิงพูด “ฉันจะบอกอะไรนายอย่าง เขาเป็นยอดฝีมือกังฟู ที่ฉันเคยบอกนายครั้งก่อนยังไงล่ะ”
“แต่กังฟูก็ไม่ได้มีไว้เพื่อการสังหาร”เพิ่งหวชวงพูด
“เอาล่ะ พร้อมแล้วใช่ไหม?” มู่เฉิงโจวถาม
“พร้อมครับ” หวังเย้าพูด
“เริ่มได้!” มู่เฉิงโจวถอยออกไปเหลือที่ว่างไว้ให้พวกเขา
ทั้งสู้ทั้งหมดมองหน้ากันแต่ไม่มีใครลงมือ ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาดูสง่างามเขาดูไม่เหมือนคนที่รู้กังฟูเลยสักนิด
เมื่อเห็นท่าที่ลังเลของพวกเขา หวังเย้าก็ยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมจะลงมือก่อน”
“ได้ คุณเริ่มก่อนเลย” ทหารนายหนึ่งพูด
หวังเย้าก้าวเข้าไปและไปโผล่ที่หน้าพวกเขาในพริบตา เขาพลิกมือแล้วทหารทั้งห้านายก็ปลิวออกไปกองกันอยู่ที่พื้นทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียวเท่านั้น
“หา เกิดอะไรขึ้น?” ทหารทั้งห้าที่กองอยู่ที่พื้นต่างตกตะลึง
ซูจือจิ้งก็อึ้งไปเช่นกัน ดวงตาของมู่เฉิงโจวเบิกกว้าง พวกเขามองไม่ทันว่าหวังเข้าจัดการพวกเขาได้ยังไง
“ทําไมเขาถึงได้เร็วขนาดนั้น?” ทหารนายหนึ่งพูด
พวกเขาทั้งห้าเริ่มมีท่าทีจริงจังมากขึ้น พวกเขาลุกขึ้นยืนและเข้าไปลอมหวังเย้า
“หมอหวัง ระวังตัว!” เมิ่งหวชวงตะโกนออกไปก่อนที่จะโจมตี
แล้วเขาก็นอนกองอยู่ที่พื้นในเวลาไม่นาน ทหารทั้งห้าต่างอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“นี่ น้องเขยของนายเรียนวิชาอะไรกันแน่?” ในที่สุดมู่เฉิงโจวก็ถามคําถามที่เขาสงสัยมานานออกไป
เขาคิด เขาเป็นหมอฝีมือดีตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วเขาไปรู้วิชากังฟูแบบนี้มาได้ยังไง?เขายังเด็กอยู่แท้ๆ! มันไม่ดูลี้ลับเกินไปหน่อยเหรอ?”
เพิ่งหรูชวงพูดขึ้นก่อนคนแรก “ผมยอมแพ้!”
หวังเข้าไม่ใช่คนที่อยู่ระดับเดียวกับพวกเขา พวกเขามองไม่เห็นแม้แต่การเคลื่อนไหวของเขาถ้าเขาต้องการฆ่าพวกเขาพวกเขาก็คงจะจบชีวิตลงในไม่กี่วินาที
“พวกคุณคิดว่ายังไงครับ?” หวังเย้าหันหน้าไปหาลู่เจิ้งโจวและซูจือฉิง
“อึม ผมคิดว่าเราน่าจะลองดูได้” มู่เฉิงโจวพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปนาน
ซจือจึงดึงหวังเข้ามาคุยอีกด้าน “น้องเขย คิดให้ดีดีนะ มันอันตรายมาก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาฉันจะบอกที่บ้านของนายกับเสี่ยวซวียังไง?”
หวังเย้าคิดอยู่ครู่หนึ่งและเดินไปที่สนามยิงปืน “มาครับ”
“จะทําอะไร?” ซูจือฉิงถาม
“ยิ่งผม” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” ซูจือจึงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน