“คุณชาย เวลาที่ติดตามฝึกฝนกับอาจารย์ คุณชายควรปล่อยวางเรื่องอื่นไปก่อนและจดจ่อแค่กับการฝึกเพียงอย่างเดียว” อาหาวพูด
“ใช่ ฉันยังตั้งใจไม่มากพอ” ซุนหยุนเชิงพูด “เวลาที่ฝึกการหายใจจากอาจารย์ฉันกลับอดคิดถึงเรื่องอื่นไม่ได้”
“ตอนนี้ คุณชายเป็นลูกศิษย์ของเชียนเชิงแล้ว” อาหาวพูด “มันจะเป็นการดีที่สุดหากคิดในมุมมองของลูกศิษย์คนหนึ่งแทนที่จะคิดในฐานะของคนตระกูลซุนเรื่องนี้สําคัญมากพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือคุณจะคิดแต่เรื่องผลประโยชน์จากเรื่องนี้ไม่ได้!”
ซุนหยุนเชิงใช้เวลาคิดเพิ่นนาน ในที่สุดเขาก็พูดว่า “ใช่ คําพูดของนายมีเหตุผลที่สุดฉันคอยแต่คิดเรื่องผลประโยชน์ของตระกูล แม้แต่เรื่องที่เขียนเชิงรับฉันเป็นลูกศิษย์ด้วยสิ่งที่ฉันให้ความ สําคัญก็คือความสามารถการรักษาที่ยอดเยี่ยมและเส้นสายของเขาโดยไม่ได้นึกถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงทุกอย่างมีแต่เรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
สําหรับคนคนหนึ่ง ความคิดเรื่องบุญคุณ,กําไร,และผลประโยชน์เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ความวุ่นวายของโลกเกิดจากผลประโยชน์และความวุ่นวายของโลกจากไปก็เพื่อผลประโยชน์
ทุกคนมีความคิดในเรื่องผลประโยชน์ต่างกัน ในสังคมวัตถุนิยม คนส่วนใหญ่ถูกครอบงําด้วยความต้องการในเรื่องผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลาพวกเขาเลือกที่จําร่ำไห้อยู่ในรถบีเอ็มมากกว่าที่จะหัวเราะร่าอยู่บนรถจักรยานความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เป็นไปในทางที่ได้ประโยชน์ร่วมกันแม้แต่ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนและสัมพันธ์กับคนในครอบครัวก็เปลี่ยนไปมันช่วยไม่ได้สังคมเป็นเหมือนกับถังน้ําใบใหญ่ที่ถูกย้อมสีมันเป็นเรื่องยากที่จะแตกต่าง
ในครอบครัวใหญ่อย่างตระกูลซุน ซุนหยุนเชิงต้องแบกหลายอย่างเอาไว้บนบ่ามันเป็นเรื่องยากที่เขาจะสลัดทิ้งความคิดเรื่องผลประโยชน และจดจ่ออยู่กับการฝึกตน
“ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด” ซุนหยุนเชิงพูด
ค่ำคืนนั้น บนเนินเขาหนานชาน เปลวไฟลุกไหม้อีกครั้ง ในเมื่อเขาจะต้องเดินทางไปยูนนานใต้พรุ่งนี้หวังเข้าจึงต้องการต้มยาในคืนนี้
คืนนั้น เขาเตรียมยาแก้พิษ, ซุปเปุ๋ยหยวน, และยาฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เขาเตรียมสมุนไพรไปให้มากพอเพื่อที่เขาจะได้ต้มยาเมื่อไปถึงที่กองทัพเวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งตี 3 เขาจึงดับไฟเพื่อพักผ่อน
เช้าวันต่อมา หวังเย้าลูบหัวซานเซียนและพูดว่า “ซานเซียน ฉันจะไม่อยู่สักพักนะที่นี้คงต้องฝากนายดูแลแล้ว”
โฮ่งโฮ่ง! ซานเซียนเห่ารับ
“ดี” หวังเย้าพูด “ต้าเซียด้วยนะ”
พรึ่บ! อินทรีย์ที่เกาะอยู่บนยอดไม้กระพือปีก
เขาลงจากเขาและไปบอกกับคนที่บ้าน
“จะเดินทางอีกแล้วเหรอ?” แม่ของเขาถาม
“ครับ อาจจะนานสักหน่อย สักสองสามอาทิตย์” หวังเย้าพูด “แม่กับพ่อคงต้องล่าบากดูแลเรื่องบนเขาหน่อยนะครับ”
“เข้าใจแล้วจ๊ะ” แม่ของเขาพูด
“เวลาขึ้นไปบนเขาแม่ต้องระวังเรื่องที่ผมเคยบอกให้ดีนะครับ”หวังเย้าพูด“ผมต้องค่ายกลเอาไว้บนเขาถ้าแม่กับพ่อลืมแค่ตะโกนเรียกออกไปซานเซียนก็จะมาพาเข้าไปเองนะครับ”
เขาบอกพ่อกับแม่ของเขาเรื่องที่เขาตั้งค่ายกลเอาไว้บนเขาแล้ว พร้อมทั้งบอกวิธีเข้าออกและวิธีแก้ไขต่างๆเขาบอกไปแล้วหลายครั้งและยังพาพวกเขาเข้าออกอีกหลายรอบด้วย
“เราจ่าทุกอย่างได้แล้ว” แม่ของเขาพูด
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ” หวังเฝ้าพูด “ถ้ามีเรื่องอะไร แม่ก็ไปหาหลิวชวนได้ผมบอกเขาไว้
แล้ว”
“ได้ เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ” แม่ของเขาพูด
“ครับ” หวังเย้าพูด
“อย่าลืมล่ะ ว่าพี่สาวของลูกแต่งงานวันที่ 1 ตุลา ลูกต้องกลับมาก่อนหน้านั้นนะจ๊ะ”แม่ของเขาพูด
“ผมรู้ครับ” หวังเย้าพูด
เขานั่งแท็กซี่ไปเมืองเตและขึ้นเครื่องที่นั่น หลังจากเครื่องลงจอด เขาก็เช่ารถคันหนึ่งและเดินทางไปถึงที่ค่ายตอนสองทุ่มกว่า
“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง” ซูจองและมู่เฉิงโจวที่หวังเย้าเคยพบที่ปักกิ่งมาต้อนรับเขาที่ค่ายทหารด้วย
“ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“พวกเขาอยู่ในโรงพยาบาลทหาร” มู่เฉิงโจวพูด
“เราจะไปที่นั่นเมื่อไหร่ดีครับ?” หวังเย้าถาม
“เมื่อไหร่ก็ได้” มู่เฉิงโจวพูด
“เราเตรียมอาหารเย็นไว้รอแล้ว” ซูจือจึงพูด “เราไปกินข้าวกันก่อนดีไหม?”
“เราไปดูคนไข้กันก่อนดีกว่าครับ” หวังเย้าพูด
“ก็ได้ ฉันจะพาไปเอง” มู่เฉิงโจวพูด
พวกเขานั่งเฮลิคอปเตอร์เดินทางออกจากกองทัพไปยังโรงพยาบาลทหารในค่ำคืนที่มืดมิดการนั่งเฮลิคอปเตอร์ โดยเฉพาะของกองทัพในยามค่ำคืน
ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาจะทําได้
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลทหาร
“ที่นี่แหละ” ซูจือฉิงพูด
เจ้าหน้าที่กําลังรอเขาอยู่
มีทหารเจ็บหนักสามนาย คนหนึ่งได้รับบาดแผลจากกระสุน เขาถูกยิงเข้าที่หน้าท้องสองครั้งอีกคนได้รับบาดเจ็บจากมีดและพิษ คนที่สามค่อนข้างพิเศษเขาติดเชื้อจากแมลงชนิดหนึ่ง
“เอาให้พวกเขากินคนละเม็ดนะครับ” หวังเย้าหยิบขวดกระเบื้องที่บรรจุยาเอาไว้เก้าเม็ด
ถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่สีหน้าประหลาดใจของพวกเขาก็ปิดไม่มิดหรือบางคนก็ไม่คิดจะเก็บท่าที
“เขายังเด็กอยู่เลย!”
“นี่คือคนที่พวกเรากําลังรออยู่งั้นเหรอ?”
พวกเขาได้รับคําสั่งลงมาว่า จะมีแพทย์พิเศษเดินทางมารักษาทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็ บทั้งสามนาย พวกเขาได้รับคําสั่งให้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่พวกเขาไม่คิดว่า คนที่มาจะ อายุน้อยขนาดนี้
“หมอหวัง พวกเขากินยาแล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูด
หวังเย้าพยักหน้าและเริ่มต้นการรักษา เขารักษาทหารที่ได้รับพิษก่อน การล้างพิษเป็นเรื่องยากสําหรับเจ้าหน้าที่เหล่านี้เพราะมันคือพิษที่พวกเขาไม่รู้จักแต่มันกลับเป็นเรื่องง่ายสําหรับหวังเย้า
อยู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้ว่า ซูจือฉิงได้เอายาแก้พิษไปจากเขาก่อนหน้านี้ เขาจึงถามขึ้นมาว่า “ทําไมพี่ไม่ใช้ยาแก้พิษที่เอาไปครั้งก่อนล่ะครับ?”
“เอ่อ เราใช้หมดแล้วน่ะสิ” ซูจือฉิงตอบ
“หมดเลยเหรอครับ? ทําไมถึงเร็วขนาดนี้?” หวังเย้าตกใจ
เขาได้ให้ยาไปทั้งหมดสองขวดใหญ่ ทําไมถึงได้ใช้หมดเร็วขนาดนี้?
“เราไปเจอพืชมีพิษตอนฝึกซ้อมครั้งหนึ่ง”ซูจือจึงพูด“พิษรุนแรงมาก ยาสองขวดที่ได้มาเลยหมดไปตอนนั้นมันเหลือแค่นิดเดียว เราเอาให้เขากินถึงได้รอดมาได้จนถึงตอนนี้ยังไงล่ะ
หวังเย้าคิด ใช้กันเก่งจริงๆ!
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว” หวังเย้าหยิบยาแก้พิษที่เตรียมมาและเอาให้คนไข้กิน “รอสักพักเราไปดูคนไข้อีกคนก่อน”
หลังจากรักษาคนไข้อีกเตียงและยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าชีพจรของเขาปกติหวังเย้าก็ลุกขึ้นและ ไปดูอาการของคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนเขาบอกได้ทันทีว่าอวัยวะภายในของคนไข้รายนี้เสียหายอย่างหนัก
“ทุกคนออกไปก่อนครับ” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” เจ้าหน้าที่ต่างตกตะลึง
“ออกไป ออกไปให้หมด” มู่เฉิงโจวนําทุกคนออกไป
หวังเย้าเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้อง
“อะไรกัน? ทําไมต้องทําเป็นมีลับลมคมในด้วย?” นางพยาบาลบ่นเสียงเบา
แพทย์ที่รับหน้าที่นี้ไม่ได้พูดอะไรเขามองออกว่ามู่เฉิงโจวและซูจือจึงให้ความเชื่อใจชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมากซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก
แผลที่หน้าท้องได้รับการรักษาไปแล้ว แต่อวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหายไม่สามารถรักษาได้ด้วยการแพทย์ของที่นี่
หวังเย้าหยิบขี้ผึ้งตัวนชื่อออกมาจากช่องเก็บของของระบบสําหรับบาดแผลชนิดนี้มีเพียงยาตัวนี้เท่านั้นที่สามารถใช้รักษาได้เขาควักขี้ผึ้งออกมาเล็กน้อยและทาลงไปบนแผลจนทั่วขี้ผึ้งเป็นเหมือนยาวิเศษมันซึมเข้าสู่บาดแผลของคนไข้รวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากนั้นเขาก็พันแผลเอาไว้
เขาอยู่ภายในห้องคนไข้เกือบหนึ่งชั่วโมง เมื่อดูจากชีพจรของทหารทั้งสามนายพวกเขาถือได้ว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว หวังเย้าเปิดประตูห้องและพูดว่า “ต่อไปครับ”
ถ้าหากแพทย์ยังพอมีทางรักษาทหารสองนายแรกอยู่บ้าง ถ้าอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่มีหนทางให้รักษาทหารคนที่สามได้เลยเพราะเขาติดเชื้อจากแมลง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอเคสแบบนี้ ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง คงไม่มีใครเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและไม่ใช่เรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมาจากนิยายหรือภาพยนต์
มันเป็นเรื่องที่หวังเย้าสามารถจัดการได้ หญ้าพิษเพียงหนึ่งใบก็เพียงพอที่จะจัดการกับพิษจากแมลงได้ทุกชนิด
“ทุกคนออกไปก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด
เจ้าหน้าที่พากันออกไปจากห้องหวังเย้าใช้ครึ่งหนึ่งของยาจากหญ้าพิษและป้อนซุปเปยหยวนให้เขาเล็กน้อยเขากลัวว่าหญ้าพิษจะรุนแรงเกินไปเขาจึงใช้ซุปเป่ยหยวนเข้าช่วยเพื่อให้ร่างกายของคนไข้ทนรับไหว
“เรียบร้อย!”
เขารักษาคนไข้ทั้งสามด้วยยาทั้งหมดสี่ชนิด