“ทำไมท่วงท่าเเละการเคลื่อนไหวของเขาถึงดูเหมือนเช่นนี้?”
ขณะเดียวกัน จี้ฉิงเสวี่ย ที่หลบอยู่ด้านข้างก็เห็นการเคลื่อนไหวของ เย่เฉินเฟิง ที่ลอบโจมตี โหย่วซานเสียน ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็ทอประกายเเววตาครุ่นคิด
“หรือว่า เฉินเฟิง เเท้จริงเเล้วจะเป็นคน ๆ เดียวกับ ปรมาจารย์เฉิน”
ความคิดที่น่าเหลือเชื่อนี้ได้ปรากฏในหัวใจของ จี้ฉิงเสวี่ย คราวนี้ เธอจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ราวกับว่าต้องการให้สิ่งที่เธอคิดทั้งหมดนั้นเป็นความจริง
“สารเลว เจ้ากล้าทำร้ายข้า ,ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
โหย่วซานเสียน ที่กระอักโหลิตออกมาคำโตพร้อมกับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาเเทบจะกลายเป็นบ้า เขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าเขาถูกทำร้ายโดย เย่เฉินเฟิง
“อาวุโสหลิว อาวุโสถาน รบกวนท่านดูเเล จี้ฉิงเสวี่ย ด้วย”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความกระหายในการฆ่าของ โหย่วซานเสียน,เย่เฉินเฟิง รู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ตอนนี้เขาจะต้องหลบหนีก่อน ดังนั้นเขาจึงฝาก อาวุโสหลิว เเละ อาวุโสถาน ในการปกป้อง จี้ฉิงเสวี่ย จากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็ใช้ทักษะร่างเเปลงเงา ในการหลบหนี
“เจ้าคิดจะหลบหนีงั้นเหรอ?”
โหย่วซานเสียน ที่เห็น เย่เฉินเฟิง หลบหนีไป ทันใดนั้น ธนูวิญญาณสีม่วง ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“ฟุ่บ”
ช่วงเวลาที่ เย่เฉินเฟิง กำลังหลบหนี คันศรสีม่วง ก็ถูกยิงออกไป เเต่ทว่า มันกลับไม่สามารถโจมตีโดนตัวของ เย่เฉินเฟิง ได้
ขณะเดียวกัน จู่ ๆ กลิ่นอายพลังที่เเข็งเเกร่ง ก็ระเบิดออกมาจากทิศทางตรงกันข้ามของ เย่เฉินเฟิง พลังนี้ทำให้ เย่เฉินเฟิง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้จู่ ๆร่างกายของเขาก็ถูกตรึงเเละถูกบังคับให้ล้มลง
“ซานเสียน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าทำไมเจ้าได้รับบาดเจ็บ”
ชายคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อคลุมสีเเดงได้ปรากฏตัวขึ้นเเละกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ
เเรงกดดันที่ทรงพลังนั้นมาจากร่างของชายคนนี้มันได้กดทับร่างกายของ เย่เฉินเฟิง
จากนั้นข้างหลังของเขาก็เดินตามมาด้วย ชายเสื้อคลุมสีเเดงอีกหกคนเเม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุในตอนเเรก เเต่เพราะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเฉียบไวดังนั้นจึงรีบมาที่นี่
“หมิงเต๋าสือซู่ เจ้ามาก็ดีเเล้ว เจ้าเด็กนี้ ไม่เพียงเเต่กล้าทำตัวหยาบคายกับข้า เเต่มันยังทำร้ายข้าอีกด้วย”โหย่วซานเสียน ที่เห็นผู้ส่งสารเพลิงสวรรค์มาถึง เขารู้สึกดีใจอย่างมาก
“เขาทำร้ายเจ้า?”หมิงเต๋าสือซู่ ได้พยายามลอบตรวจจับความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง จากนั้นเขาก็เผยให้เห็นสีหน้าเเปลก ๆ
เเม้ว่า โหย่วซานเสียน จะไม่ใช่อัจฉริยะอันดับต้น ๆ ในนิกายเพลิงผลาญฟ้าส่วนใน เเต่สำหรับศิษย์ของนิกายเพลิงผลาญฟ้าส่วนนอก มันไม่น่ามีใครที่น่าจะสามารถเทียบชั้นกับเขาได้
เเละตอนนี้ พอเห็น โหย่วซานเสียน ถูกทำร้ายโดนผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 6 เขาจึงเเปลกใจอย่างมาก
“เป็นข้าประมาทเเละมันได้ใช้อาวุธลับบางอย่างในการลอบโจมตีข้า”โหย่วซานเสียน ได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละ เผยเเววเจตนาฆ่าที่รุนเเรง
“ทำไมเจ้าถึงกล้าโจมตีพวกเรา เจ้าไม่รู้สถานะของพวกเราหรือไม่?”หมิงเต๋าสือซู่ กล่าวถาม เย่เฉินเฟิง
“ข้าไม่ได้มีเจตนาจะทำให้พวกท่านขุ่นเคือง เเต่เพราะเขาได้รังเเกเพื่อนของข้า ข้าจำเป็นจะต้องลุกขึ้นเพื่อต่อสู้กับเขา”เย่เฉินเฟิง ที่ไม่สามารถต่อต้านเเรงกดดันนี้ได้ เขาได้พยายามอธิบายอย่างง่าย ๆ
“ผู้ส่งสารทั้ง 7 พวกเราสามารถเป็นพยานให้กับ เย่เฉินเฟิง ได้ เขาไม่ได้หลอกพวกท่าน”ในตอนนี้ อาวุโสหลิว เเละ อาวุโสถาน ได้จ้องมองไปที่ ใบหน้าที่ เย็นชาของ ผู้ส่งสารทั้ง 7 คน เขาก้มโค้งด้วยความสุภาพ
“หึ่ม,อะไร ข้าเพียงเเค่สนใจผู้หญิงคนนั้นเเละต้องการตามจีบ ข้ามีความผิดงั้นหรือไม่?”โหย่วซานเสียน กล่าวด้วยน้ำเสียงเเข็งอย่างไม่เกรงกลัว
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?”
ขณะที่ความเครียดเข้าปกคลุมจู่ ๆ เสียงที่อบอุ่น ก็ได้ดังลอดเข้ามา ชายในชุดคลุมสีเขียวได้ปรากฏตัวขึ้น
“หืม…”เมื่อเห็นการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของ เฉียนตว๋อไป๋ โหย่วซานเสียน ที่เห็นได้กล่าวพูดอย่างเย็นชา”ทำไมเจ้าไม่ลองถามลูกศิษย์ของเจ้าดู?”
“เย่เฉินเฟิง เจ้าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ?”เฉียนตว๋อไป๋ ได้กล่าวถาม
“ข้าได้รับบาดเจ็บจริง”เย่เฉินเฟิงพยักหน้า”เป็นเพราะเขาต้องการจะฆ่าข้า ข้าไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินพวกเขา”
“เย่เฉินเฟิง เจ้ากล้าใส่ร้ายข้า ? เชื่อหรือไม่ว่า เเม้ เฉียนตว๋อไป๋ จะอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้?”โหย่วซานเสียน กล่าวพูดออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“นายน้อย ข้าไม่รู้ว่า ทำไม เย่เฉินเฟิง ถึงไปทำให้ท่านขุ่นเคือง เเต่ท่านไม่สามารถฆ่าเขาได้”เฉียนตว๋อไป๋ กล่าวตอบเบา ๆ
“เฉียนตว๋อไป๋ เจ้าเป็นเพียงอาวุโสฝ่ายนอก คิดจะขัดขวางข้าหรือไม่?”โหย่วซานเสียน กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง เขาไม่ได้เห็น เฉียนตว๋อไป๋ อยู่ในสายตา
“ข้าไม่กล้า…เเต่ข่าวที่ เย่เฉินเฟิง นำกลับมา มีค่ามากสำหรับ ท่านจ้าวนิกาย หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในเวลานี้ ท่านจ้าวนิกายอาจจะไม่พอใจ ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”เฉียนตว๋อไป๋ กล่าวตอบ
“เจ้า…”
โหย่วซานเสียน สามารถมองข้ามหัวของ เฉียนตว๋อไป๋ ได้ เเต่เขาไม่กล้ามองข้ามนิกายเพลิงผลาญฟ้า หากเขาทำให้ทั่วทั้้งนิกายเพลิงผลาญฟ้าโกรธ เเม้เเต่ปู่ของเขาก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้
“เอาล่ะ เรื่องในวันนี้ก็ให้มันจบกันไปอย่าได้เก็บมาถือสา ซานเสียน เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ พวกเรามาที่นี่เพราะข่าวของ ปีศาจอมตะผ่าสวรรค์”หมิงเต๋าสือซู่ ได้กล่าวพูดขึ้น
“สารเลวน้อย ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตรอดไปก่อน หากเราตรวจสอบเเละพบว่าเรื่อง ปีศาจอมตะผ่าสวรรค์ เป็นเรื่องเท็จเเล้วล่ะก็ เจ้ารอการลงทันฑ์จากพวกเราได้เลย”โหย่วซานเสียน ที่เหมือนกับ หมาป่าที่หิวโหย เขาจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง โดยมีเจตนาที่จะฆ่า
หลังจาก โหย่วซานเสียน เเละ คณะผู้ส่งสารเพลิงสวรรค์ กลับไป บรรยากาศโดยรอบก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
“เฉินเฟิง เจ้าตามข้ามา”
หลังจาก โหย่วซานเสียน เเละ คนอื่น ๆ จากไป เฉียนตว๋อไป ก็เรียก เย่เฉินเฟิง ไปที่สนามลานบ้านของเขาก่อนที่จะเปิดใช้ รูปแบบก่อตัวขึ้น
“เฉินเฟิง คราวนี้ เจ้าบ้าบิ่นเกินไป”เฉียนตว๋อไป จ้องมองไปที่ ใบหน้าของ เย่เฉินเฟิง ที่ซีดเล็กน้อย รวมถึงกระดูกซี่โครงของเขาที่ได้รับบาดเจ็บ
“ขอบคุณท่านจ้าวตำหนักที่ช่วยเหลือ”เย่เฉินเฟิง กล่าวขอบคุณจากใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะ เฉียนตว๋อไป๋ ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อหยุดเหตุการณ์ทั้งหมด เขาอาจจะถูกฆ่าไปเเล้ว
“เห้อ,ข้าก็สามารถช่วยเหลือเจ้าได้เเค่นี้เท่านั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษโกรธข้า”เฉียนตว๋อไป๋ ถอนหายใจออกมาอย่างไร้ประโยชน์”หากพวกเขาไม่พบร่องรอยของ ปีศาจอมตะผ่าสวรรค์ในป่าสุสานเเห่งความตาย โหย่วซานเสียน จะต้องตอบโต้เจ้าเเน่”
“ดังนั้นข้าเเนะนำว่าเจ้าควรจะหายตัวไปสักพักจากที่นี่ ออกไปฝึกฝนผจญโลกภายนอก รอจนถึงสิ้นปีหน้า ตราบเท่าที่เจ้าสามารถเข้าร่วมการทดสอบประจำปีเเละกลายเป็นผู้ชนะสามอันดับเเรกได้ ข้าจะอนุญาติให้เจ้าเข้าสู่ อาณาจักรวิญญาณเเท้จริง”
“อาณาจักรวิญญาณเเท้จริง?ท่านจ้าวตำหนัก อาณาจักรวิญญาณเเท้จริงอยู่ที่ไหนกัน?”เย่เฉินเฟิง กล่าวถามอย่างสงสัย
“อาณาจักรวิญญาณเเท้จริงนั้น เป็นซากปรักหักพังโบราณที่เปิดทุก ๆ สามปี มีสมบัติมากมายตกทอดหลงเหลือมาตั้งเเต่สมัยโบราณไม่ว่าจะเป็น โอสถรักษา อาวุธวิญญาณ หรือวัตถุวิญญาณต่าง ๆ “
“ทั้งสามนิกายใหญ่ของดินเเดนเเห่งนี้เป็นเจ้าของร่วมกัน เเต่ทว่า ก็มีข้อห้ามสำหรับการเข้าสู่อาณาจักรวิญญาณเเท้จริงอยู่ อย่างเเรก เจ้าจะต้องเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้นเเรกขึ้นไปถึงจะเข้าร่วมได้ อีกทั้งยังมีการเเข่งขันกับอีกสองนิกายใหญ่ที่เหลือ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับโอกาสใหญ่ในครั้งนี้”
“เเต่ข้าเชื่อว่าด้วยความเเข็งเเกร่งของเจ้า ตราบเท่าที่เจ้าได้รับโอกาสเข้าไปในอาณาจักรวิญญาณเเท้จริง เจ้าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากนั้น เจ้าจะสามารถกลายเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกาย จนถึงตอนนั้น ถึงเเม้ โหย่วซานเสียน ต้องการจะจัดการเจ้า เขาก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้อย่างง่ายดายอีกเเล้ว”เฉียนตว๋อไป๋ กล่าวพูดอย่างช้า ๆ
“ขอบคุณท่านจ้าวตำหนัก ที่อนุญาติให้ข้าออกไปฝึกฝนที่โลกภายนอก เเต่ข้ามีเรื่องรบกวนท่านบางอย่าง ในช่วงเวลาที่ข้าไม่อยู่ที่นี่ ข้าวอนขอให้ท่านช่วยปกป้อง จี้ฉิงเสวี่ย ได้หรือไม่?”เย่เฉินเฟิง กล่าวถาม
“ไม่มีปัญหา เรื่อง จี้ฉิงเสวี่ย เจ้าสามารถสบายใจได้ ข้าจะปกป้องเธอเเละจัดให้เธอออกไปฝึกฝน”เฉียนตว๋อไป๋ กล่าวตอบ
“ขอบคุณท่านจ้าวตำหนักอีกครั้ง ข้าจะออกจากที่นี่คืนนี้ทันที”
หลังจากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็หันหลังเดินจากไป