“เย่เฉินเฟิงออกมาเเล้ว!”
เมื่อจ้องมองไปที่ปากทางเข้าเเละเห็นใบหน้าที่เปื้อนเลือดของเย่เฉินเฟิงเดินออกมาศิษย์นิกายเพลิงผลาญฟ้าทุกคนจ้องมองเขาอย่างตื่้นตะลึง
ความเเข็งเเกร่งของเย่เฉินเฟิงได้เอาชนะใจของพวกเขาเหล่านี้
“อันดับที่ 8”
เย่เฉินเฟิงเยหน้าขึ้นมองไปที่กระดานผนังหยกเขาเห็นอันดับรายชื่อของตนเองอยู่ในอันดับที่ 8 เขานั่งลงบนพื้นพร้อมกับใช้ทักษะกลืนวิญญาณอย่างลับ ๆ เพื่อเรียกคืนพลังวิญญาณที่เสียไป
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างของ เสิ่นถู๋เฮิง ที่อ่อนเเอ ก็ออกมาจากประตูพื้นที่วิญญาณสวรรค์ เขาเเทบหมอบคลานอยู่กับพื้นตอนนี้
เสิ่นถู๋เฮิง ค่อย ๆ ดันร่างของตัวเองขึ้น เเละจ้องมองเห็น เย่เฉินเฟิง ที่นั่งอยู่ไม่ไกล มุมปากของเขาปรากฏความเย้ยหยันเล็กน้อย
“เย่เฉินเฟิง ดูเหมือนว่าผลงานในพื้นที่วิญญาณสวรรค์ของเจ้าจะไม่ค่อยราบรื่นนะ”เสิ่นถู๋เฮิงกล่าวพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน อีกฝ่าย
ได้ยินคำพูดของ เสิ่นถู๋เฮิง เหล่าศิษย์นิกายเพลิงผลาญฟ้าทุกคนกลับเผยรอยยิ้มเเปลก ๆ ปากคนก็หัวเราะออกมา
“เสิ่นถู๋เฮิง เจ้าไม่รู้สึกละอายมั้งเลยเหรอ?”เย่เฉินเฟิงได้เปิดเปลือกตาขึ้นเเละจ้องมองไปที่ เสิ่นถู๋เฮิง อย่างเยือกเย็น
“รู้สึกละอาย…”
เสิ่นถู๋เฮิง ที่ได้ยินเสียงของ เย่เฉินเฟิง เขาบิดร่างด้วยความสงสัยเเละจ้องมองไปยังตำเเหน่งกระดานหยก ตอนนี้เขาราวกับถูกสายฟ้าฟาดผ่า
อารมณ์ตกใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาใบหน้าของเขาตอนนี้ล้วนซีดเผือกอย่างมาก
“เป็นไปไม่ได้ ด้วยความเเข็งเเกร่งของเจ้า จะสามารถกลายเป็นลำดับที่ 8 ของทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้าได้อย่างไร เจ้าจะต้องโกงเเน่ ๆ “เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวตะโกนออกมา
“เสิ่นถู๋เฮิง ดูเหมือนว่าเจ้าไม่อยากที่จะยอมรับความจริงนี้สินะ”เย่เฉินเฟิงสั่นศีรษะเเละพูดอย่างเหยียดหยาม
“อาวุโสถาน,อาวุโสหลิว เย่เฉินเฟิง จะต้องโกงอย่างเเน่นอน ข้าวอนขอให้อาวุโสทั้งสองตรวจสอบอย่างละเอียดเเละให้คำอธิบายเเก่พวกเรา”เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวพูดขึ้น
“โกง?”อาวุโสถานกล่าวพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด”เจ้าจะบอกว่าพื้นที่วิญญาณสวรรค์ที่เป็นรูปแบบก่อตัวที่บรรพบุรุษของนิกายสร้างขึ้นโดยใช้ผู้ใช้จิตอสูรระดับสวรรค์หลายคน มีข้อตำหนิหรือไม่ เจ้ากำลังสงสัยในความเเข็งเเกร่งของผู้อาวุโสของนิกายเพลิงผลาญฟ้างั้นหรือ?”
“ข้า…”
เมื่อได้ยินคำถามที่รุนเเรงของอาวุโสถาน,เสิ่นถู๋เฮิง ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“เสิ่นถู๋เฮิง เจ้าไม่ต้องตื่นเต้นมากก็ได้”เย่เฉินเฟิงกล่าวเย้ยหยันออกมา”อย่าลืมว่าพวกเราได้สัญญากกันว่าจะไปที่ลานประลองวิญญาณ ทีนี้เจ้าจะได้รู้ว่าข้าโกงหรือไม่โกงกันเเน่”
“ก็ได้หลังจากข้าฟื้นพลังเสร็จพวกเราจะไปที่ลานประลองวิญญาณกัน”เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวพยักหน้าด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
เเม้เเต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่า เย่เฉินเฟิง จะสามารถจัดการผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้นสูงที่เเม้เเต่ตัวเขาเองยังพ่ายเเพ้ไม่ได้
เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปหลังจาก เสิ่นถู๋เฮิง ออกมาได้ไม่นาน หลินเก๋อซู่ ก็ออกมาจากพื้นที่วิญญาณสวรรค์
“อันดับที่ 8 !”
เมื่อหลินเก๋อซู่ มองเห็นอันดับของ เย่เฉินเฟิง เธอก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ก่อนหน้านี้ หลินเก๋อซู่ ประเมินว่า เย่เฉินเฟิง จะต้องได้อันดับที่ดีอย่างเเน่นอน เเต่เมื่อเห็นอันดับที่เย่เฉินเฟิงทำได้ เธอก็พบว่าเธอยังประเมินเขาต่ำเกินไป
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เสิ่นถู๋เฮิง ที่ใช้โอสถฟื้นวิญญาณก็สามารถกลับไปอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมอีกครั้ง
“เอาล่ะข้าพร้อมเเล้ว ไปที่ลานประลองวิญญาณเถอะ”
เสิ่นถู๋เฮิง ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ เเละจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ที่กำลังพูดคุยกับ หลินเก๋อซู่ อย่างใจเย็น ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะรอสั่งสอนเย่เฉินเฟิงได้
“อืม”
เย่เฉินเฟิง หันมายิ้มพร้อมกับเดินไปที่ ลานประลองวิญญาณ กับ เสิ่นถู๋เฮิง
นอกจากนี้ศิษย์ของนิกายเพลิงผลาญฟ้าร่วมร้อยคนที่อยากรู้อยากเห็นความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง พวกเขาได้ติดตามไปดูด้วย
“ลานประลองวิญญาณไม่อนุญาติให้ฆ่ากัน ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนเเรง”
อาวุโสถาน กล่าวออกมา เขาได้กล่าวเตือนทั้งสองคน เนื่องจากเห็นความเกลียดชังในสายตาของทั้งคู่
“ไม่ต้องกังวลไปอาวุโสถาน ข้าจะไม่ฆ่าเขา”เสิ่นถู๋เฮิง จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ที่สงบ เขากล่าวพูดกระซิบเบา ๆ
หลังจากนั้น เสิ่นถู่เฮิง ก็หยิบอาวุธวิญญาณของเขาออกมาจากถุงจักรวาลดาบวารีจันทร์สีคราม มันเป็นอาวุธวิญญาณระดับกลาง
ทันทีที่ ดาบวารีจันทร์สีคราว ถูกหยิบออกมาโดย เสิ่นถู๋เฮิง กลิ่นอายพลังวิญญาณสีฟ้าที่เด่นชัดก็ออกมาจการ่างกายของเขาอย่างช้า ๆ
“อาวุโสถาน พวกเราสามารถเริ่มต่อสู้ได้เลยหรือไม่?”
เมื่อเห็น เสิ่นถู๋เฮิง เตรียมพร้อม เย่เฉินเฟิง ไม่ได้ไหวติง เขากล่าวถามอาวุโสถานอย่างรวดเร็ว
“เย่เฉินเฟิง เจ้าไม่นำอาวุธวิญญาณออกมาใช้หรือไม่?”อาวุโสถานจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ที่ยังคงนิ่งสงบ
“เเค่จัดการเขาไม่จำเป็นจะต้องใช้อาวุธวิญญาณ”เย่เฉินเฟิง กล่าวออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“เย่เฉินเฟิง เจ้าหยิ่งผยองได้ก็เเค่ตอนนี้เเหละรอข้าจัดการเจ้าซะก่อนข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถยิ้มเช่นนี้ได้อีกครั้ง”เสิ่นถู๋เฮิง ตะโกนออกมา
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็เริ่มได้”
อาวุโสถาน ได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละ เสิ่นถู๋เฮิง ในเวลาเดียวกัน ก่อนที่จะกล่าวเริ่มการต่อสู้
คลื่นดาบสีน้ำเงินได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของ เสิ่นถู๋เฮิง มันได้พุ่งเข้าใส่ เย่เฉินเฟิงอย่างรุนเเรง
“หึ่ม…”
เย่เฉินเฟิงที่เห็นการโจมตีจากดาบวารีจันทร์สีครามเขาหาได้สนใจการโจมตีของอีกฝ่ายไม่
“ฟุ่บ!”
จากนั้นพละกำลังที่มากกว่า 60,000 จิน ก็ปะทุออกมาจากร่างกายของ เย่เฉินเฟิง มันได้ซัดเข้าใส่พลังของดาบวารีจันทร์สีครามที่พุ่งเข้ามา
“เป็นไปได้ยังไง ?มันจะครอบครองความเเข็งเเกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร”
เสิ่นถู๋เฮิง รู้สึกชาที่เเขน สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปมาก เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า เย่เฉินเฟิง ที่เป็นเพียงผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 5 จะมีความเเข็งเเกร่งทางร่างกายมากกว่าเขาเกือบสิบเท่า
“ตราประทับอสรพิษโลหิต!”
ช่วงเวลาที่ เสิ่นถู๋เฮิง เเปลกใจ สองมือของ เย่เฉินเฟิง ก็สร้างตราประทับขึ้น อสรพิษสีเเดงฉานได้ปรากฏออกมาพร้อมกับเลื้อยพุ่งไปที่ร่างของ เสิ่นถู๋เฮิง
“ไม่ดีเเล้ว!”
เห็นอสรพิษสีเเดงที่ผสานเข้ากับหมัดของ เย่เฉินเฟิง พุ่งเข้ามา,เสิ่นถู่เฮิง รู้สึกตกใจอย่างมาก
“ปั้ง!”
ดาบของ เสิ่นถู๋เฮิง ได้สั่นสะเทือนอย่างหนัก ดาบของเขาถูกเย่เฉินเฟิงต่อยจนเเนบเข้ากับหน้าอก ส่งผลให้ เสิ่นถู๋เฮิง ได้รับบาดเจ็บรุนเเรง
โลหิตจำนวนมากได้พุ่งออกมาจากปากของเขา