“ข้าไม่คิดเลยว่าสถานที่ตั้งสมบัติของนิกายปีศาจสวรรค์จะถูกซ่อนอยู่บนเกาะลึกลับในทิศตะวันตกเฉียงเหนือในทะเลเหนือ ข้าไม่รู้ว่าสมบัติที่ว่านี้คืออะไรกันเเน่”
เย่เฉินเฟิงได้รับตำเเหน่งเเผนที่สมบัติมา เขาได้จดจำมันไว้ในหัวด้วยสมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่จะบังคับลบเเผ่นที่สมบัตินี้ภายในกะโหลกลึกลับเเละเก็บมันไว้ในถุงจักรวาลของเขา
เพื่อความปลอดภัย เย่เฉินเฟิง ไม่กล้านำสิ่งของที่มีความเกี่ยวข้องกับ ปีศาจอมตะผ่าสวรรค์ออกมา เขาได้ย้ายผลึกวิญญาณ,โอสถ ,หญ้าวิญญาณสวรรค์ปฐพี,เเละวัตถุสร้างรูปแบบก่อตัว จำนวนมาก มาใส่ถุงจักรวาลของตัวเอง จากนั้นเขาก็หาสถานที่ขุดหลุมลึกนับ 10 เมตร เเละ ฝังถุงจักรวาลทั้งสองใบเข้าไปข้างในก่อนที่จะปิดหลุมผนึก
ในคืนนั้น เย่เฉินเฟิง ได้นั่งผ่อนคลายท่ามกลางสภาพเเวดล้อมที่เงียบสงบ
เมื่อเขาได้เห็นความเเข็งเเกร่งของ ปีศาจอมตะผ่าสวรรค์ เย่เฉินเฟิง ก็รู้ว่าเส้นทางการฝึกฝนของเขายังคงอีกไกล เขาจะต้องรีบเเข็งเเกร่งขึ้นให้ได้โดยเร็วที่สุด
เย่เฉินเฟิง ได้เดินไปที่ใต้ต้นไม้โบราณเเละเริ่มนั่งไขว่ห้างอีกครั้งเขาได้เตรียมการฝึกฝนขั้นต่อไป
หลังจากผ่านประสบการณ์ชีวิตเเละความตายในป่าสุสานเเห่งความตาย เย่เฉินเฟิง ก็ได้เรียนรู้เเก่นเเท้ที่เเท้จริงของปราณดาบในจิตใจของเขา
เขาได้รวบรวมข้อมูลเหล่านั้นเเละทำความเข้าใจเพื่อพัฒนาปราณดาบขั้นย่อยของตัวเองเพื่อฝึกฝนให้กลายเป็นปราณดาบเเท้จริง
เมื่อเวลาผ่านไป เย่เฉินเฟิง ได้นั่งอยู่ใต้ต้นไม้โบราณอย่างต่อเนื่อง
เขาไม่รู้สึกหิวหรือรู้สึกเมื่อยล้าเเม้เเต่น้อยในการฝึกฝนครั้งนี้
นอกจากนี้วันเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปไม่รู้กี่วัน เย่เฉินเฟิง ที่เข้าใจอะไรได้บางอย่างได้ลืมตาตื่นขึ้น
จากนั้นปราณดาบที่รวดเร็วเเละเเข็งเเกร่งก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากฝ่ามือของเขา
มันถูกยิงออกไปด้านหน้าถูกกระทบเข้ากับม่านปราการป้องกันของรูปแบบก่อตัวทำให้พื้นที่ภายในนี้สั่นไหวอย่างรุนเเรง
“ปราณดาบเเท้จริง ในที่สุด ข้าก็สำเร็จ ขั้นปราณดาบเเท้จริง”
เย่เฉินเฟิง เบิกตากว้างขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จในขั้นปราณดาบเเท้จริง
เเม้ว่าเขาจะเข้าใจปราณดาบเเท้จริง เเต่เย่เฉินเฟิง รู้ว่า มันค่อนข้างลึกลับอย่างมากกว่าเขาจะเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยพลังฝีมือในปัจจุบันของเขา สามารถเข้าใจได้ถึงระดับนี้ก็นับเป็นพรสวรรค์ที่น่าเเตกตื่นใจเเล้ว
ปราณดาบเเท้จริงของเขาในตอนนี้ สามารถเพิ่มพลังโจมตีให้กับเขาได้มากกว่าสองเท่า มันเพียงพอเเล้วที่เขาจะสามารถสับสังหารผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้นเเรก ได้ในทันที
หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน เย่เฉินเฟิง ก็รู้สึกหิวโหยอย่างมาก เขารีบออกจากลานเล็ก ๆ ไปที่ห้องอาหารวิญญาณทันที
เขาได้รับประทานอาหารวิญญาณที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์วิญญาณเสร็จ เย่เฉินเฟิง ก็ไม่ได้ไปที่ตำหนักทักษะวิญญาณ
เขาที่เข้าใจปราณดาบเเท้จริงไม่ได้มีความสนใจในทักษะวิญญาณเเม้เเต่น้อย เพราะพลังที่เกิดจากปราณดาบเเท้จริงของเขา มีพลังที่รุนเเรงเหนือกว่าทักษะวิญญาณระดับสูงเสียอีก
“ไปที่พื้นที่วิญญาณสวรรค์เลยเเล้วกัน”
เย่เฉินเฟิง คิดไตร่ตรองเล็กน้อย เเล้วเดินไปที่พื้นที่วิญญาณสวรรค์ เขาเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบครั้งที่สอง โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะติดหนึ่งในสิบอันดับเเรกบนทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้า
เมื่อ เย่เฉินเฟิง เดินเข้าไปในห้องโถงด้านนอก เขาก็พบกับ เสิ่นถู๋เฮิง ที่อยู่ในห้องโถง เขาได้มาพร้อมกับ เสิ่นถู๋ปิง น้องสาวของเขา
“เย่เฉินเฟิง เจ้ากลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 5 เเล้ว ไม่เลว เจ้าไม่ทำให้ข้ารู้สึกผิดหวัง ยังไงก็เถอะ ข้อเสนอของข้า ยังคงอยู่ ประตูของตระกูลเสิ่นถู๋ เปิดรับเจ้าตลอดเวลา”เสิ่นถู๋เฮิง ที่เห็น เย่เฉินเฟิง เขาได้กล่าวพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ต้องขอโทษด้วย ข้าไม่ได้มีความประทับใจที่ดีเกี่ยวกับน้องสาวของเจ้า อีกทั้งข้าไม่ได้สนใจที่จะเข้าตระกูล เสิ่นถู๋ ของเจ้าด้วย”เย่เฉินเฟิง กล่าวอย่างเย็นชา
หลังจากตัดผ่านกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 5 เเล้ว เย่เฉินเฟิง ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว เสิ่นถู๋เฮิง อีกต่อไป ในตอนนี้เขาไม่ลังเลเลยที่จะพูดยั่วยุอีกฝ่าย
“เจ้า…”
ในฐานะคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของตระกูล เสิ่นถู๋,เสิ่นถู๋ปิง รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า สีหน้าเเห่งความไม่พอใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ หากไม่ใช่เพราะว่า เย่เฉินเฟิง เเข็งเเกร่งเกินไป เธอคงเข้าไปจัดการอีกฝ่ายด้วยตัวเองเเล้ว
“เย่เฉินเฟิง ตระกูลเสิ่นถู๋ของข้า ไม่ต้องการทำลายคนมีพรสวรรค์เช่นเจ้า เจ้าจะไม่ลองคิดเกี่ยวกับมันดี ๆ หน่อยหรือ ?”เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวด้วยสีหน้าอาลัย”อีกอย่างน้องสาวของข้า ก็มีความงามที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครในนิกายเพลิงผลาญฟ้าเเห่งนี้ มีบุรุษหลายคนที่คิดจะตบเเต่งเธอ เเล้วเจ้าเล่า ไม่สนใจบ้างหรือ?”
“พี่สาม ท่านพูดอะไร ? ท่านต้องการให้ข้าเเต่งงานกับผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ? ให้ข้าตายซะยังจะดีซะกว่าไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่เเต่งกับเขา”เสิ่นถู๋ปิง มีความภาคภูมิใจในตัวเอง เธอได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง อย่างไม่พอใจ
“เจ้าสามารถมั่นใจได้ข้าเองก็ไม่มีทางเเต่งกับเจ้า”เย่เฉินเฟิงตอบกลับเบา ๆ
“เจ้า…”เสิ่นถู๋ปิง รู้สึกว่าใบหน้าของเธอถูกอีกฝ่ายทำลายอย่างสสมบูรณ์เธอจับไปที่ชายเเขนเสื้อของเสิ่นถู๋เฮิงเเละพูดว่า”พี่สามสอนบทเรียนมันเลย เเสดงให้เห็นว่า ตระกูลเสิ่นถู๋ของพวกเราเเข็งเเกร่งขนาดไหน”
“เย่เฉินเฟิง ข้าผิดหวังกับการตัดสินใจของเจ้ามาก”เสิ่นถู๋เฮิง สั่นศีรษะ อย่างผิดหวัง จากนั้นเขาก็ปล่อยกลิ่นอายพลังที่เเข็งเเกร่งพุ่งเข้าไปหา เย่เฉินเฟิง”เช่นนั้นข้าคงจะต้องมอบบทเรียนให้เจ้าเล็กน้อย”
“เฉินเฟิง เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”
ขณะที่ เสิ่นถู๋เฮิง กำลังหาเรื่อง เย่เฉินเฟิง เสียงที่คุ้นเคย ก็ได้ปรากฏขึ้น
สตรีในชุดสีดำที่มีร่างกายที่ยั่วยวนร้อนเเรง เดินออกมา ผมยาวสลัวสีเขียวได้กระจัดกระจายอยู่บนไหล่ของเธอ ,เธอก็คือ หลินเก๋อซู่ เธอได้เดินมาขัดจังหวะบรรยากาศในตอนนี้
“ไม่จำเป็น”เย่เฉินเฟิงยิ้มเล็กน้อย เเละไม่ได้สนใจเเรงกดดันของ เสิ่นถู๋เฮิง
“หลินเก๋อซู่ เจ้าคิดจะทำอะไร คิดจะปกป้อง เย่เฉินเฟิง ? เจ้าคงรู้ผลที่ตามมาดีหากคิดจะยั่วยุตระกูลเสิ่นถู๋ของข้าใช่หรือไม่”เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวด้วยสีหน้ามืดมน เห็นได้ชัดว่า การปรากฏตัวของ หลินเก๋อซู่ ทำให้สีหน้าของเขากลายเป็นหน้าเกลียด
“ถ้าข้าไม่ไว้หน้าตระกูลเสิ่นถู๋ของเจ้าเเล้วจะทำไม?”เหลินเก๋อซู่ กล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม จากนั้นเธอก็ปลดปล่อยเเรงกดดันใส่อีกฝ่าย
“เย่เฉินเฟิง เจ้ามันดีเเค่หลบหลังผู้หญิงหรือยังไง?”
เเม้ว่าเสิ่นถู๋เฮิงจะโกรธ เเต่เขาก็ไม่สามารถเทียบพลังกับ หลินเก๋อซู่ ได้ ดังนั้น เขาจึงได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละ ยั่วยุอีกฝ่าย
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไร หากเจ้าคิดจะประลองกับข้าไว้รอหลังจากจบการทดสอบพื้นที่วิญญาณสวรรค์ ข้าจะไปที่ลานประลองวิญญาณกับเจ้า”เย่เฉินเฟิง กล่าวพูดด้วยความเย้ยหยัน
“เเล้วข้าจะมั่นใจได้อย่างไร?”
เย่เฉินเฟิงเป็นอัจฉริยะอย่างไม่ผิดเเน่ เสิ่นถู๋เฮิง ต้องการทำลายอีกฝ่าย ก่อนที่อีกฝ่ายจะเเข็งเเกร่งมากไปกว่านี้
“ข้าให้คำมั่นสัญญา”เย่เฉินเฟิง ตอบกลับ
ครั้งนี้เขาไม่ได้เดิมพันกับ เสิ่นถู๋เฮิง เพราะเขา ต้องการทำลาย ความภาคภูมิใจในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ของ เสิ่นถู๋เฮิง โดยสมบูรณ์ เเละ เขาต้องการเตือนตระกูลเสิ่นถู๋ อีกด้วย
“เช่นนั้นเรามาเเข่งจัดอันดับบนทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้ากันก่อนเป็นอย่างไร?”เย่เฉินเฟิง กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“หึ ข้ากลัวเเต่ว่าเจ้าจะไม่กล้า”
“เตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ ข้าจะทำให้เจ้ายิ้มไม่ออก”เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวพูดเบา ๆ เเละเดินเข้าไปในพื้นที่วิญญาณสวรรค์
“เฉินเฟิง ข้ารู้สึกสงสารศัตรูของเจ้ามากจริง ๆ “หลินเก๋อซู่ จ้องมองไปที่ ใบหน้าของ เย่เฉินเฟิง เเละ กล่าวพูดอย่างเเผ่วเบา จากนั้นเธอก็จ้องมองอีกฝ่ายเดินเข้าไปในพื้นที่วิญญาณสวรรค์
การท้าทายของ เย่เฉินเฟิง เเละ เสิ่นถู๋เฮิง กลายเป็นที่สนใจอย่างมาก พริบตาเดียวทั่วทั้งห้องโถงพื้นที่วิญญาณสวรรค์เเห่งนี้ก็เต็มไปด้วยผู้คน
เหล่าบรรดาศิษย์จำนวนมากต้องการที่จะรู้ว่า เสิ่นถู๋เฮิง หรือ เย่เฉินเฟิง นั้น ใครเเข็งเเกร่งมากกว่ากัน