“บาดเเผลสาหัสมาก”
“เส้นชีพจรได้รับความเสียหายอย่างรุนเเรงเเละกระดูกซี่โครงตรงหน้าอกก็หักเเตกไม่เหลือชิ้นดี เส้นเลือดของเธอก็ฉีกขาด…”
เย่เฉินเฟิง ได้พึ่งพามรดกทักษะทางการเเพทย์ของเขาในการตรวจสอบสภาพร่างกายของ หลินเก๋อซู่ เขาพบว่า อาการบาดเจ็บภายในของเธอนั้นสาหัสอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะว่าเธอสวมใส่เกราะภายในไว้เเล้วล่ะก็ เธอคงถูกค้างคาวปีศาจนั่นเจาะทะลวงร่างจนตกตายไปเเล้ว
“เราจะต้องรีบช่วยเหลืออาการบาดเจ็บของ ศิษย์พี่หลินโดยเร็วที่สุด ไม่งั้นเธอคงตายเเน่ ๆ “
ในเวลานี้ท้องฟ้าก็มืดลงเรื่อย ๆ ป่าสุสานเเห่งความตายเองก็เริ่มอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงร้องโหยหวนของพวกภูติผีก็ดังเข้าผ่านช่องหูของเขา
เมื่อภูติผีจำนวนมากผุดออกมาจากพื้นดิน เย่เฉินเฟิง จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเเละไม่มีเวลามากพอจะรักษา เธอ
“ข้าไม่รู้ว่าในถุงจักรวาลของชายลึกลับนั่นจะมีโอสถรักษาอยู่หรือไม่”
หลังจากนั่งไขว่ห้างเเล้ว เย่เฉินเฟิง ก็ฝากความหวังไว้ที่ถุงจักรวาลของชายลึกลับ
เขาได้ใช้พลังของทักษะกลืนวิญญาณในการทำลาย รูปแบบก่อตัวบนถุงจักรวาล จากนั้นพลังวิญญาณของเขาก็สามารถเเทรกเข้าไปยังพื้นที่ด้านในมิติของถุงจักรวาลได้
“ผลึกวิญญาณระดับต่ำจำนวนมาก ในนั้นยังมีผลึกวิญญาณระดับกลางอยู่ด้วย”
เย่เฉินเฟิง ได้ใช้พลังวิญญาณของเขาเข้าไปสำรวจในถุงจักรวาลใบเเรกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เพราะเขาพบว่า ถุงจักรวาลใบนี้ เต็มไปด้วยผลึกวิญญาณจำนวนมาก มีผลึกวิญญาณระดับต่ำมากกว่า 30,000 ก้อน อีกทั้งยังมีผลึกวิญญาณระดับกลางมากถึง 123 ก้อน
มูลค่าของ ผลึกวิญญาณระดับกลางนั้นสูงกว่าผลึกวิญญาณระดับต่ำอย่างมาก โดยปกติเเล้ว จะไม่ค่อยเห็นผู้คนนอกนิกายใช้สอยกันเท่าไหร่
หลังจาก เย่เฉินเฟิง ปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในถุงจักรวาลใบที่สองเขาก็พบสิ่งประหลาดมากมาย เขาได้ควานหาสิ่งที่เขาต้องการภายในนั้น
“นี่มันโอสถรักษาวิญญาณ!”
เย่เฉินเฟิงค้นพบขวดหยกที่มีลวดลายปิดผนึกภายในถุงจักรวาล เขาได้หยิบมันออกมาพร้อมกับเปิดขวดขึ้นจนพบ โอสถรักษาวิญญาณที่ล้ำค่าอยู่ข้างใน
โอสถรักษาวิญญาณนั้นเป็น โอสถเม็ดระดับ 9 ที่ล้ำค่า มันถูกสกัดจากสมุนไพรล้ำค่าหลายสิบชนิด ทั้งยังเป็นหนึ่งในโอสถรักษาที่ดีที่สุด โอสถรักษาวิญญาณมีมูลค่าเทียบเท่ากับ ผลึกวิญญาณระดับต่ำ 3,000 ก้อน เเต่เพราะว่ามันน้อยมากที่จะพบเห็นมันขายตามท้องตลาด
“เท่านี้ก็สามารถช่วยเหลือศิษย์พี่หลินได้เเล้ว”
เย่เฉินเฟิง ได้หยิบโอสถรักษาวิญญาณออกมาก่อนที่จะยัดเข้าไปในปากของ หลินเก๋อซู่ ทันใดนั้นผลรักษาที่อ่อนโยนจำนวนมากก็ได้ไหลผ่านลำคอของเธอเข้าสู่ร่างกายภายใน
“ศิษย์พี่หลิน ข้าขอโทษ”
เเม้ว่า โอสถรักษาวิญญาณจะทรงอนุภาพ เเต่ก็ยังคงมีอาการบาดเจ็บอื่น ๆ ภายในร่างกายของ หลินเก๋อซู่ ที่มันรักษาไม่ได้ เช่นการเเตกหักของกระดูกภายใน เธอจะไม่สามารถฟื้นฟูกลับคืนสภาพเดิมได้เเม้จะใช้โอสถรักษาวิญญาณ
สถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน เย่เฉินเฟิง ไม่มีเวลามากพอจะชื่นชมร่างกายที่มีเสน่ห์ของเธอ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเเละพยายามอย่างที่ดีที่สุดเพื่อที่จะสงบจิตใจให้นิ่ง จากนั้นเขาก็หยิบเข็มเงินออกมาจากถุงจักรวาลเเละเริ่มใช้ทักษะเข็มวิถีฟ้าของเขา เพื่อสกัดจุดฝังเข็มให้เธอ
หลังจากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็ปล่อยพลังวิญญาณของเขาเข้าสู่ร่างกายของ หลินเก๋อซู่ เพื่อเชื่อมกระดูกที่เเตกหักของเธออีกครั้ง
ความเจ็บปวดระหว่างกระบวนการรักษาทำให้ หลินเก๋อซู่ ที่หมดสติ ได้ฟื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเธอเปิดตาที่เหนื่อยล้าขึ้นเเละพบ เย่เฉินเฟิง ที่นั่งอยู่ข้างเธอ พร้อมกับกดลงที่หน้าอกของเธอ เธอค่อนข้างรู้สึกเกร็งทันที
“ศิษย์พี่หลิน ไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยเชื่อมกระดูกให้ท่านใหม่ หากข้าไม่ทำการเชื่อมกระดูกให้ท่านตอนนี้ อาการบาดเจ็บของท่านอาจจะอันตรายถึงชีวิต”เย่เฉินเฟิง ได้อธิบายอย่างรวดเร็วเมื่อเขาสังเกตุเห็น หลินเก๋อซู่ ตื่นขึ้นมา
“ขอบคุณ”
เมื่อรู้ว่า เย่เฉินเฟิง กำลังรักษาเธอ หลินเก๋อซู่ ที่รู้สึกเหนียงอาย ก็พยายามไม่พูดอะไร เธอได้ปิดตาของเธอเเละอนุญาติให้ เย่เฉินเฟิง ทำการเชื่อมกระดูกให้เธอต่อ
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุด เย่เฉินเฟิง ก็สามารถเชื่อมกระดูกที่เเตกหักของ หลินเก๋อซู่ได้อีกครั้ง
จากนั้นเขาก็หยิบเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งออกมาจากถุงจกรวาลของเขายื่นส่งให้กับเธอเพื่อสวมใส่เเละคลุมร่างกายของเธอเอาไว้
“ศิษย์พี่หลินกอดข้าเอาไว้ พวกเราจะต้องรีบออกจากที่นี่ก่อนเป็นอันดับเเรก”
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บของ หลินเก๋อซู่ ได้สำเร็จ เย่เฉินเฟิง ก็โอบไปที่เอวของเธอพร้อมกับยกเธอขึ้นจากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ทางออกป่าสุสานเเห่งความตาย
ในเวลานี้ท้องฟ้าได้เปลี่ยนเป็นสีดำเข็ม พวกภูติผีจำนวนมากได้ผุดออกมาจากพื้นดินเเละพุ่งเข้าโจมตี เย่เฉินเฟิง รวมถึง หลินเก๋อซู่
เเต่ความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง ไม่ใช่สิ่งที่พวกมันจะสามารถต้านทานได้ เขาได้ระเบิดพละกำลังที่เเข็งเเกร่งเเละไล่บดพวกภูติผีที่น่าสังเวชที่เข้ามาใกล้พวกนี้ทีละตัว
“เย่เฉินเฟิง เจ้าตัดผ่านไปถึงขั้นที่ 5 ของผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญเเล้ว ?”เมื่อสัมผัสได้ถึงความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง หลินเก๋อซู่ ที่เเนบลำตัวของเขาเผยให้เห็นความตกใจอย่างรุนเเรง
“ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังทีหลังเมื่อเราออกจากที่นี่ได้”เย่เฉินเฟิง กล่าวพูดอย่างคลุมเครือ
ประมาณ 7 ชั่วโมงต่อมา รุ่งอรุณยามเช้าก็ได้เข้ามาเเทนที่ราตรีเเห่งความมืด ภายใต้เเสงอาทิตย์ยามเช้า เย่เฉินเฟิง ที่อุ้ม หลินเก๋อซู่ ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้พุ่งหายไปอย่างช้า ๆ จากป่าสุสานเเห่งความตาย
“ในที่สุดข้าก็ออกมาได้”
เเม้ว่า เย่เฉินเฟิง จะเเข็งเเกร่ง เเต่เขาก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ เขาวางร่างที่อ่อนนุ่มของ หลินเก๋อซู่ ลงบนพื้น ก่อนที่จะยืดเส้นยืดสายอย่างหมดเเรง
“เย่เฉินเฟิง ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยข้า”
เเม้ว่า เย่เฉินเฟิง จะล่วงเกินเเตะต้องร่างกายของเธอ เเต่ หลินเก๋อซู่ ก็รู้ดีว่ามันเเทบไม่ได้กับพระคุณที่ เขาช่วยชีวิตของเธอออกจากป่าสุสานเเห่งความตาย
“ศิษย์พี่หลิน ท่านรู้สึกยังไงบ้างตอนนี้?”
เย่เฉินเฟิง ได้สูดลมหายใจที่บริสุทธิ์จากข้างนอก เเละ เปิดปากกล่าวถามเบา ๆ ขณะเดียวกันเขาก็เช็ดเหงื่อจำนวนมากบนหน้าผาก
“ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก”
“จริงสิ เย่เฉินเฟิง ชายสวมหน้ากากปีศาจนั่นไปไหนเเล้ว ? ทำไมเขาถึงไม่ฆ่าพวกเรา”เมื่อถึงคิดฉากที่น่ากลัวเมื่อคืนที่ผ่านมา หลินเก๋อซู่ กล่าวถามอย่างสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าทำไม ชายสวมหน้ากากปีศาจถึงปล่อยพวกเธอให้รอดออกมาได้
“เมื่อคืนเราได้รับความช่วยเหลือบางอย่าง ในขณะที่ข้ากำลังเสียท่าให้กับ ชายที่สวมใส่หน้ากากปีศาจ จู่ ๆ ก็มีผู้เชี่ยวชาญลึกลับปรากฏตัวขึ้นเเละช่วยชีวิตของข้าเอาไว้รวมถึงให้โอสถรักษาบางอย่างเเก่ข้า”
“ด้วยโอสถรักษานั่นทำให้ ข้ากู้คืนอาการบาดเจ็บทั้งหมดเเละทะลวงขั้นพลังกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 5 ได้”
เย่เฉินเฟิง ที่รู้สึกว่า ชายสวมใส่หน้ากากปีศาจ มีความลึกลับมากมายซ่อนอยู่ บวกกับความจริงที่ว่า เขาได้ครอบครองขุมทรัพย์ของชายคนนั้นทำให้ เย่เฉินเฟิง ได้ตัดสินใจซ่อนความจริงเรื่องราวทั้งหมด
“โอสถที่สามารถทะลวงระดับขั้นพลังได้อย่างต่อเนื่อง…อย่าบอกนะว่านั่นคือ โอสถวิญญาณระดับวิญญาณ ?”
คำอธิบายที่ เย่เฉินเฟิง มอบให้เธอนั้นเเม้จะเต็มไปด้วยช่องโหว่จำนวนมาก เเต่ หลินเก๋อซู่ ก็ไม่สงสัยในคำพูดของเขา
เพราะอย่างไรก็ตาม ชายสวมหน้ากากปีศาจนั่นก็เป็นถึง ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับสวรรค์ ไม่มีทางที่ เย่เฉินเฟิง จะสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายด้วยความเเข็งเเกร่งในปัจจุบันของเขา มีเพียงคำอธิบายเดียวซึ่งนั่นก็คือมีคนช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้
“ข้าไม่คิดเลยว่า จะมีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนในป่าสุสานเเห่งความตายเเห่งนี้ ที่นี่ช่างน่ากลัวเหลือคณามากจริง ๆ “หลินเก๋อซู่ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“อืม,ศิษย์พี่หลิน ท่านสามารติดต่อให้ ผู้อาวุโสส่งนกพิราบปีกเขียวมารับพวกเราได้หรือไม่ ข้ากลัวว่าคนจาก นิกายหุบเขาวิหคอัสนี ที่สังเกตุได้ถึงความผิดปกติ จะมารีบมาที่นี่”เย่เฉินเฟิง กล่าวถามเบา ๆ
“ข้าจะพยายาม”
หลินเก๋อซู่ ได้ดึงนกหวีดที่ทำจาก ศิลาหินออกมาจากถุงจักรวาลของเธอ จากนั้นเธอก็เป่าเสียงเเปลก ๆ ออกมา
จากนั้นใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป เสียงร้องของนกตัวหนึ่งก็ได้ดังขึ้น มันเป็น นกพิราบปีเขียว มันได้กระพือปีกบนลงมาที่ข้างล่างอย่างรวดเร็ว
“ไปกันเถอะ!”
หลังจากนกพิราบปีกเขียวร่อนตัวลงมา เย่เฉินเฟิง ก็ได้พา หลินเก๋อซู่ กระโดดขึ้นไปบนหลัง นกพิราบปีก
จากนั้นพวกเขาก็ออกจากป่าสุสานเเห่งความตายที่น่ากลัวนี้ทันที