“ด้านหน้าก็คือป่าสุสานเเห่งความตาย!”
หลังจากนกพิราบปีกเขียว บินออกจากนิกายเพลิงผลาญฟ้า มาเป็นระยะเวลา 5 ชั่วโมง จนถึงพลบค่ำ พวกเขาก็อยู่บนท้องฟ้าเหนือป่าสุสานเเห่งความตาย
“กลิ่นอายเเห่งความตายที่นี่ช่างรุนเเรงยิ่งนัก!”
เย่เฉินเฟิง ที่ยืนอยู่บนหลัง นกพิราบปีกเขียว ที่ลอยอยู่บนฟ้าจากระยะไกล เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังงานเเห่งความตาายที่รุนเเรงจนทำให้ขนในร่างกายทั้งหมดของเขาลุกชูชัน
นอกจากนี้ภายในส่วนลึกของป่าสุสานเเห่งความตายนั้นก็ปรากฏเสียงร้องโหยหวนที่น่ากลัวดังออกมา
“สภาพเวลาตอนนี้ไม่เหมาะที่จะเข้าสู่ป่าสุสานเเห่งความตาย ไว้รอเช้าวันพรุ่งนี้ พวกเราค่อยเข้าไปหาเห็ดพลังหยินข้างในนั้นกัน” หลินเก๋อซู่ ที่อยู่ด้านบนหลังของ นกพิราบปีกเขียว ได้กล่าวเเนะนำ เย่เฉินเฟิง
“อืม”
เย่เฉินเฟิง พยักหน้าตอบตกลง
“ฮึก…ฮึก…….”
ในขณะที่ทำการพักค้างคืน เย่เฉินเฟิง เเละ หลินเก๋อซู่ ได้ยินเสียงโหยหวนเเห่งความตายดังก้องเสียงดังตลอดทั้งคืน
จวบจนรุ่งเช้าได้มาถึง เย่เฉินเฟิง เเละ หลินเก๋อซู่ ได้มองเห้นอินทรีย์ทองปีกยักษ์ ได้ปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขา
“เป็นพวกคนจากหุบเขาวิหคอัสนี ไม่คิดเลยว่า คนจากนิกายหุบเขาวิหคอัสนี จะรับภารกิจมาที่ป่าสุสานเเห่งความตายนี้ด้วย?”
เมื่อเห็นเหยี่ยวสีทอง คิ้วของ หลินเก๋อซู่ ได้ยกขึ้นขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ในขณะที่ เธอกล่าวพูดอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีความประทับใจที่ดีต่อเหล่าศิษย์ของนิกายหุบเขาวิหคอัสนี
“ศิษย์พี่ หลิน นิกายหุบเขาวิหคอัสนีนั้นเเข็งเเกร่งขนาดไหนกัน?”เย่เฉินเฟิง ได้กล่าวถาม เขาได้อยู่ในนิกายเพลิงผลาญฟ้าตลอด ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้ความเเข็งเเกร่งของนิกายอื่นมากนัก
“พื้นที่ที่เราอยู่ถูกเรียกว่า ดินเเดนหิมะทางตอนเหนือ,มันตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ ดินเเดนเหมันต์เยือกเเข็ง ในพืนที่ดินเเดนหิมะทางตอนเหนือ มีสามนิกายที่เป็นนิกายระดับ 3,นิกายเพลิงผลาญฟ้า,นิกายหุบเขาวิหคสายฟ้า เเละ ก็ นิกายหุบเขาวายุคลั่ง”
“ในบรรดาทั้งสามนิกาย ,นิกายหุบเขาวายุคลั่ง เป็นนิกายที่เเข็งเเกร่งที่สุด เเละเป็นเจ้าเเดนของดินเเดนหิมะทางตอนเหนือเเห่งนี้ “
“ส่วน นิกายหุบเขาวิหคสายฟ้า เเละ นิกายเพลิงผลาญฟ้า ของเรานั้นมีความเเข็งเเกร่งเท่ากัน โดยรวมเเล้ว ทั้งสองนิกายก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน”
“อย่างไรก็ตาม การเเข่งขันระหว่างนิกายทั้งสามนั้น ก็ค่อนข้างรุนเเรง พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ไม่ได้กลมกลืนต่อกัน ดังนั้น เจ้าจะต้องระวังการลอบสังหารจากพวกเขา ด้วยความเเข็งเเกร่งของเจ้า มีโอกาสสูงมากที่จะถูกลอบโจมตีจากอีกฝ่าย”หลินเก๋อซู่ กล่าวเตือน เย่เฉินเฟิง
“ไม่ต้องห่วง ศิษย์พี่หลิน ข้าจะระวังตัว”เย่เฉินเฟิง พยักหน้าตอบรับ
ขณะที่เขาพูด เหยี่ยวสีทอง ก็ได้บินมาถึงป่าสุสานเเห่งความตายเเห่งนี้ จากนั้น ชายหนุ่มสองคนที่สวมใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงิน ก็กระโดดลงมาจากหลังของเหยี่ยวสีทอง
“เป็น หยานหยู เเละ ซ้งฉี !”เมื่อ หลินเก๋อซู่ เห็นทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้นที่ขอบป่าสุสานเเห่งความตาย,สายตาของ หลินเก๋อซู่ ก็เผยให้เห็นสีหน้าที่เคร่งขรึม
“ศิษย์พี่หลิน ท่านรู้จัก ทั้งสองคนนี้?”เย่เฉินเฟิง กล่าวถาม เมื่อเขาเห็นการเปลี่ยนเเปลงเล็กน้อยของ หลินเก๋อซู่
“ใช่,ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ นิกายทั้งสองกำลังปะทะกัน ข้าเคยเผชิญหน้า กับ หยานหยู มาก่อน เเละในตอนนั้น ข้าก็สามารถเอาชนะเขาได้อย่างหวุดหวิด ความเเข็งเเกร่งของเขาช่างน่าประหลาดใจอย่างมาก ข้ากลัวว่าเขาจะเเข็งเเกร่งกว่า เสิ่นถู๋เฮิง เเล้ว ตอนนี้”
“สำหรับ ซ้งฉี นั้นอ่อนเเอกว่า หยานหยู เเต่เขาก็ได้กลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้นเเรก เเล้ว หากพวกเขาผนึกกำลังร่วมกันสู้ เจ้ากับข้าย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอย่างเเน่นอน”หลินเก๋อซู่ พยักหน้าเเละพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกเสียใจออกมา
“หลินเก๋อซู่!”
เมื่อ หยานหยู เเละ ซ้งฉี ค้นพบ หลินเก๋อซู่ พวกเขาได้เผยความประหลาดใจออกมา
โดยเฉพาะ หยานหยู สีหน้าของเขากลายเป็นหน้าเกลียดมาก เมื่อจ้องมองไปที่ ใบหน้าที่บอบบางเเละเรือนร่างที่เซ็กซี่ เเละ คุ้นเคยของ หลินเก๋อซู่ ที่เคยมอบความอัปยศให้เขา ดวงตาของ หยานหยู ก็เผยให้เห็นถึงความไม่เป็นมิตร
อย่างไรก็ตาม หยานหยู เเละ ซ้งฉี ก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับความเเข็งเเกร่งของ หลินเก๋อซู่ เเต่ทันทีที่เขาพบว่า สหายที่มาด้วยกับเธออย่าง เย่เฉินเฟิง เป็นเพียงผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 3 พวกเขาก็ยิ้มเเละเผยการเเสดงออกที่ชั่วร้ายออกมา
“หลินเก๋อซู่ ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ นอกจากนี้ทำไมเจ้าถึงพาขยะที่ดูไร้ค่านี่มาด้วย หรือว่า เขาเป็นเด็กที่อยู่ในความดูเเลของเจ้า?”หยานหยู กล่าวพูดยั่วยุออกมา ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ เลือนร่างที่เซ็กซี่ของ หลินเก๋อซู่
“หยานหยู ระวังปากของเจ้าหน่อย ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่สุภาพกับเจ้า”
หลินเก๋อซู่ คาดไว้เเล้วว่า หยานหยู เเละ ซ้งฉี จะต้องมาหาเรื่องเธอ ทันทีที่พวกเขาเห็นความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง เเต่ถึงอย่างนั้น เธอก็กล่าวเตือนพวกเขาอย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นเจ้าจะทำอะไรกับพวกเรา? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถรับมือพวกเราทั้งสองคนได้หรือไม่?”ซ้งฉี หัวเราะออกมา พร้อมกับจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง
“เจ้าสามารถที่จะลองดูได้”
สีหน้าของ หลินเก๋อซู่ กลายเป็นดุดันมากขึ้น ขณะที่ พลังวิญญาณที่รุนเเรงได้ระเบิดออกมาจากร่างกายของเธอ อสรพิษลายเพลิง ได้ปรากฏออกมาลอยอยู่เหนือศีรษะของเธออย่างรวดเร็ว
เหตุผลที่ หลินเก๋อซู่ จงใจปลดปล่อยพลังออกมา ก็เพราะต้องการกดดันพวก หยานหยู เเละ ซ้งฉี เธอรู้ดีว่า หากพวกเขาทั้งสองคนลงมือรุมโจมตีเธอ เธอย่อมไม่ใช่คู่มือของพวกเขา
“ให้ข้าได้ลองหน่อยเถอะ”
ก่อนที่ หลินเก๋อซู่ จะทำการโจมตี เสียงคลื่นพลังที่รุนเเรงได้ปะทุออกจากร่างกายของ เย่เฉินเฟิง
ช่วงเวลาต่อมา ดาบประกายเพลิง ได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา จากนั้น รัศมีพลังปราณดาบขั้นย่อย ก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา พุ่งเข้าโจมตีทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
“อะไร?”
สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวจากปราณดาบขั้นย่อยของ เย่เฉินเฟิง หยานหยู เเละ ซ้งฉี ได้เพ่งความสนใจไปที่การโจมตีเหล่านั้น เเละ หลบหลีกโดยสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตาม ปราณดาบของ เย่เฉินเฟิง นั้นเฉียบคมเเละรวดเร็วเกินไป พริบตาเดียว มันก็ได้พุ่งทะลุการป้องกันของพวกเขาเเละทิ้งรอยเเผลเป็นยาวลึกบนทรวงอกของทั้งสองคน
ความรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอกทำให้ หยานหยู เเละ ซ้งฉี เปลี่ยนไป พวกเขาไม่คิดเลยว่า เย่เฉินเฟิง ที่เป็นเพียงผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 3 จะสามารถทำร้ายพวกเขาได้
ในตอนนี้ หยานหยู เเละ ซ้งฉี ตกใจกับการโจมตีของ เย่เฉินเฟิง โดยสมบูรณ์ ,หลินเก๋อซู่ ที่อยู่ด้านข้าง เย่เฉินเฟิง สายตาของเธอที่มองเขาในตอนนี้ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน
“รนหาที่ตาย!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ลุกไหม้ตรงหน้าอก หยานหยู เเละ ซ้งฉี รู้สึกโกรธอย่างมาก จิตอสูรที่น่ากลัวของพวกเขาทั้งสองคนได้โผล่ออกมา จากนั้น กลิ่นอายที่ทรงพลังของพวกเขา ก็ได้ล็อคร่างของ เย่เฉินเฟิง เเละ หลินเก๋อซู่
“หนีกันเถอะ”
เเม้ว่า การโจมตีของ เย่เฉินเฟิง จะเหนือความคาดหมายของ หลินเก๋อซู่ เเต่ เธอก็ไม่คิดว่า เย่เฉินเฟิง จะสามารถเผชิญหน้ากับ ผู้เชี่ยวชาญระดับปฐพีขั้นเเรกได้ เมื่อเห็น หยานหยู เเละ ซ้งฉี ได้ผสานเข้ากับจิตอสูรของพวกเขา หลินเก๋อซู่ จึงได้รีบคว้ามือของ เย่เฉินเฟิง เเละ มุ่งหน้าเข้าไปยังทิศทางภายในป่าสุสานเเห่งความตาย
“พวกเจ้าคิดจะหนีไปไหน”
หลังจากหลอมรวมกับจิตอสูรเเล้ว ความเเข็งเเกร่งของ หยานหยู ก็ปะทุออกมาจนถึงจุดสูงสุด ซ้งฉี เองก็ได้ส่งเสียงคำรามออกมา เเละใช้ทักษะวิญญาณของเขา เพื่อที่จะหยุดทั้งสองคน
“ดาบขุนเขาเงาเพลิง!”
ขณะที่ หยานหยู เเละ ซ้งหลิน กำลังเข้าประชิดร่างของ หลินเก๋อซู่,ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจระเบิดพลังวิญญาณออกมาเเละใช้ทักษะดาบขุนเขาเงาเพลิง เพื่อโจมตี บังคับ ให้ หยานหยู เเละ ซ้งฉี ถอยกลับไป
“ดาบขุนเขาเงาเพลิง ? หลินเก๋อซู่ ได้ฝึกฝนทักษะวิญญาณระดับสูง ดาบขุนเขาเงาเพลิง จนถึงขั้นล้ำลึกเเล้ว?”
หลังจากถูกโจมตีด้วยทักษะวิญญาณดาบขุนเขาเงาเพลิง การเเสดงออกของ หยานหยู เเละ ซ้งฉี ก็ได้เปลี่ยนเเปลงไป
พวกเขาได้ลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะจ้องมองไปที่ ร่างของ พวก หลินเก๋อซู่ เเละ เย่เฉินเฟิง ที่ทิ้งห่างไกลออกไป
“รีบไปกันเร็ว”
หลินเก๋อซู่ ได้ดึงมือ เย่เฉินเฟิง กระโดดขึ้นข้ามคูน้ำสีดำขนาดใหญ่ จนเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปจนพลบค่ำ ความอันตรายภายในป่าสุสานเเห่งความตายก็ได้เพิ่มมากขึ้น