“ในที่สุดข้าก็ทะลวงผ่านขั้นเเรกผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญ!”
เย่เฉินเฟิงยิ้มออกมาเมื่อเขารู้สึกว่าพลังวิญญาณสีขาวในร่างกายได้เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณสีเขียวทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ความเเข็งเเกร่งทางพลังกำลังทางกายเองก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 500 ปอนด์
อาจกล่าวได้ว่าหลังจากที่เย่เฉินเฟิงทะลวงระดับกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญ มันก็คือก้าวเเรกสำหรับเส้นทางเเห่งการฝึกฝนที่ท้าทายสวรรค์ เขาจะต้องบ่มเพาะพลังเเละก้าวเดินไปบนเส้นทางที่ท้าทายนี้
เย่เฉินเฟิงได้จ้องมองไปที่ จี้ฉิงเสวี่ย เเม้เขาจะไม่ค่อยประใจเธอ เเต่เขาก็ต้องยอมรับว่า จี้ฉิงเสวี่ย นั้นงดงามอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเย่เฉินเฟิงไม่มีความคิดอื่นในใจของเขา เขาได้เดินไปค้นตัวของชายร่างใหญ่จนพบยาเเก้พิษเขาได้นำกลับมาป้อนให้จี้ฉิงเสวี่ยทานอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นประมาณ 5 นาทีต่อมา จี้ฉิงเสวี่ย ก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนสติจากอาการหลับใหล เธอจำฉากที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้เเละมีความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
อย่างไรก็ตามหลังจากเธอเห็น เย่เฉินเฟิง ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากตำเเหน่งของเธอเเละกำลังทำการปรับลมหายใจของเขาอย่างเงียบ ๆ รวมถึงคอยปกป้องเธอไปด้วยทำให้เธอรู้สึกขอบคุณเขาอย่างเเท้จริง
เธอรู้ว่า เย่เฉินเฟิง ได้ช่วยชีวิตของเธออีกครั้ง เเละตอนนี้เธอก็เป็นหนี้ชีวิตเขาถึงสองครั้ง
ขณะที่เธอกำลังจะขอบคุณเขาจู่ ๆ เธอก็สังเกตุเห็นชายรางผอมเเห้งที่นอนเเน่นิ่งท่ามกลางเเอ่งเลือดจำนวนมากใบหน้าของชายคนนั้นซีดเเข็ง
“เจ้าตื่นเเล้ว?”
เย่เฉินเฟิงลืมตามองจี้ฉิงเสวี่ยที่กำลังทำสีหน้าเคร่งเครียด
“เจ้าฆ่าเขา”
จี้ฉิงเสวี่ย ไม่คิดเลยว่า เย่เฉินเฟิง จะกล้าหาญกระทั่งฆ่าศิษย์อาวุโสจากนิกายเพลิงผลาญฟ้า
“ถ้าข้าไม่ฆ่าเขา เขาจะฆ่าพวกเรา”เย่เฉินเฟิงตอบกลับอย่างไร้อารมณ์
“เย่เฉินเฟิงพวกเราสามารถรายงานการกระทำของเขาไปที่นิกายเพลิงผลาญฟ้าได้ ด้วยศิลาบันทึกที่ข้ามี นิกายเพลิงผลาญฟ้าย่อมให้ความยุติธรรมเเก่เราอย่างเเน่นอน”จี้ฉิงเสวี่ย รู้สึกได้ถึงความรุนเเรงของสถานการณ์”เเต่ตอนนี้เขาตายเเล้วถ้าเกิดนิกายเพลิงผลาญฟ้ารู้ว่าเป็นฝีมือของพวกเรา พวกเขาจะไม่ปล่อยพวกเราไป”
“ข้าไม่ชอบทำอะไรให้ยุ่งยาก!”
“ยิ่งไปกว่านั้นถ้าข้าไม่พูดเจ้าไม่พูดเเละใครจะรู้ ข้าเพียงเเค่ต้องทำลายหลักฐานโดยการเอาศพของเขาไปโยนไว้สักที่ให้พวกสัตว์อสูรในป่ากินถึงตอนนั้นก็ไม่เหลือร่องรอยหลักฐานใดสาวถึงตัวพวกเราเเล้ว”
เย่เฉินเฟิงกล่าวพูดอย่างใจเย็นขณะที่เขาจ้องมองไปที่ จี้ฉิงเสวี่ย ที่กำลังตื่นตระหนก
“เเต่…”
“ไม่มีเเต่”เย่เฉินเฟิงขัดจังหวะในการพูดของเธอ”จี้ฉิงเสวี่ย พวกเราทั้งคู่ต่างก็รับรู้ถึงผลที่ตามมา ดังนั้นเจ้ามีทางเลือกสองทาง หนึ่งเจ้ายอมเเพ้เเละถอนตัวออกจากการทดสอบเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้า สองส่งศิลาบันทึกนั่นมาให้ข้าเเละข้าจะจัดการที่เหลือต่อเอง”
“ข้ากังวลว่าพวกเราจะถูกจับได้”จี้ฉิงเสวี่ยตอบกลับอย่างงุนงง”นอกจากนี้เหวิ่นเฟยหงยังรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่กับข้า ข้ากลัวว่าเขาจะปากพล่อยบอกคนอื่น”
“เหวิ่นเฟยหง?”เย่เฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่มีอาการรุนเเรงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ใช่ก่อนหน้านี้เขาอยู่กับข้า เเต่เพราะความกลัวเขาจึงทิ้งข้าเเละหลบหนีไป”จี้ฉิงเสวี่ยพยักหน้าเเละตอบกลับ
เเม้ว่า จี้ฉิงเสวี่ย จะไม่ชอบ เย่เฉินเฟิง เเต่เธอก็ต้องยอมรับว่า เย่เฉินเฟิง นั้นเเข็งเเกร่งกว่า เหวิ่นเฟยหง อย่างมาก อย่างน้อยเขาก็ไม่เลือกที่จะทิ้งเธอเเละหลบหนีไปคนเดียว
“ข้าจะหาวิธีจัดการเหวิ่นเฟยหงเอง ถ้าเกิดเรื่องนี้ถึงหูอาวุโสหลิวหรือคนอื่น ๆ เจ้าก็เพียงเเค่เเกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น”เย่เฉินเฟิงกล่าวเตือนเธอ
“เอางั้นก็ได้”
จี้ฉิงเสวี่ย ไม่ต้องการละทิ้งโอกาสเป็นศิษย์ของนิกายเพลิงผลาญฟ้า ดังนั้นเธอจึงกัดริมฝีปากเเน่นเเละส่งศิลาบันทึกให้กับ เย่เฉินเฟิง
“ข้าขอตัวก่อน เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย”
เย่เฉินเฟิง ไม่ชักช้าเขารีบออกเดินทางโดยลากศพของชายร่างใหญ่ไปด้วย
เย่เฉินเฟิงใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะพบฝูงสุนัขจิ้งจอกขนาดใหญ่เขาภูเขาเมฆาม่วง ถือว่าเป็นโชคดีของเขา เขาขว้างศพชายร่างใหญ่ออกไปอย่างรวดเร็ว
“ที่เหลือก็เเค่หาทางจัดการกับเหวิ่นเฟยหง”
หลังจากจัดการกับศพชายร่างใหญ่เเล้ว เย่เฉินเฟิง ก็ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลาย เพราะ เหวิ่นเฟยหง เหมือนหนามที่กำลังทิ่มเเทงหัวใจของเขาทำให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย
“หืม?มีคนอื่นอยู่ที่นี่!”
ขณะที่เย่เฉินเฟิงกำลังหาวิธีจัดการกับ เหวิ่นเฟยหง จู่ ๆ ก็มีเสียงใบไม้ขยับใกล้ ๆ ตัวเขา
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก็พบชายร่างสูงสวมเสื้อคลุมยาวสีดำ เขาถือหอกไว้ในมือขณะที่ยืนบนกิ่งไม้ขนาดใหญ่เเละจ้องมองมาที่ เย่เฉินเฟิง
ชายคนนี้เป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 2 เขาได้ปลดปล่อยเเรงกดดันของตนเองเพื่อข่มเย่เฉินเฟิงที่อยู่ด้านล่าง
“เด็กน้อย เจ้าโชคร้ายมากที่มาเจอข้า”ชายในชุดดำเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา”อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ามีสิ่งของบางอย่างที่ล้ำค่ามากพอจะช่วยให้ข้าปล่อยเจ้าไปได้ก็ส่งมันมา”
“ถ้าข้าไม่มีสมบัติที่ว่าเเละต้องการจะผ่านไป?”เย่เฉินเฟิง กล่าวเย้ยหยัน
“นั่นก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเจ้ามีความสามารถมากพอหรือไม่”
ในขณะที่เขาพูดชายร่างสูงก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับทิ่มหอกยาว 9 ฟุตพุ่งเเทงลงไปที่ เย่เฉินเฟิง
ทันทีที่เห็นชายชุดดำขยับเเละพุ่งเเทงหอกมาที่เขา เย่เฉินเฟิง ไม่ได้หลบหลีกกลับกันเขาพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่ายทันที
เมื่อหอกยาวในมือของชายชุดดำกำลังจะเเทงเข้าที่หน้าอกของ เย่เฉินเฟิง มือขวาของเขาก็พุ่งหมัดเข้าไปสวนเข้ากับปลายที่เเหลมคมของหอก
“วอนหาเรื่องตาย!”
ชายในชุดดำไม่คิดเลยว่า เย่เฉินเฟิง จะใช้ฝ่ามือของเขาเพื่อสกัดกั้นการโจมตีของหอก เขาเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา
เเต่ทว่าในช่วงเวลาต่อมาหน้าของเขาก็ถอดสี
นี่เป็นเพราะเขาสังเกตุเห็นพลังจากฝ่ามือของ เย่เฉินเฟิง ได้ทำลายพลังของหอก ทั้งมันยังส่งผ่านความเจ็บปวดจำนวนมากไหลผ่านเเขนของเขาจนเกือบทำให้เขาสูญเสียหอกในมือไป
เขารู้สึกหวาดกลัวพลังที่เเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง เเต่ เย่เฉินเฟิง ก็ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พัก เขาเหวี่ยงหมัดที่รวดเร็วซัดเข้าใส่อีกฝ่ายด้วยพละกำลังทุกอย่างที่มี
“หลีกทางไปซะ!”
เย่เฉินเฟิงตะโกนเสียงดังพร้อมกับระเบิดพละกำลังมากกว่าหนึ่งหมื่นปอนด์จากหมัดของเขา พลังจำนวนมากได้ทำลายปราการวิญญาณป้องกันของชายชุดดำส่งผลให้เขาถูกโจมตีจนลอยออกไป
“อั๊ก”
ชายในชุดดำเงยหน้าขึ้นเเละพ่นโลหิตคำโตออกมาจากปาก เขาพุ่งชนเข้ากับต้นไม้โบราณที่อยู่ด้านหลังก่อนที่จะร่วงหล่นลงมาที่พื้นอย่างรุนเเรง
“ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้ารังเเกเจ้าก็ส่งของมีค่าที่เจ้ามีออกมาไม่อย่างนั้นอย่ากล่าวโทษข้าที่ข้าทำตัวหยาบคายกับเจ้า”เย่เฉินเฟิง กล่าวดูถูกเเละข่มขู่เขาอย่างเยือกเย็น
“เจ้า…”
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการจะปล้นตัวเอง เขาที่โกรธจนรู้สึกเขินอายในใจได้พ่นโลหิตออกมาอีกครั้งก่อนที่จะหมดสติไป