“เย่เฉินเฟิง!”
ทันใดนั้น จี้ฉิงเสวี่ย ผู้สิ้นหวังก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในกรอบสายตาของเธอ คลื่นพลังหมัดที่น่ากลัวของเขาได้ซัดโจมตีไปที่ชายร่างใหญ่อย่างรุนเเรง
“ปั้ง!”
เห็นการโจมตีของ เย่เฉินเฟิง ที่ทะลุผ่านชั้นอากาศมา ชายร่างใหญ่ได้รีบใช้ทักษะป้องกันของเขา
เเต่ทว่าเย่เฉินเฟิงได้รวมพลังวิญญาณเข้ากับจิตอสูรไข่โลหิตของเขา ทำให้พละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นเกือบ 10,000 จิน ซัดเข้าใส่ร่างกายของ ชายร่างใหญ่
“เเกร๊ก!”
เเขนสองข้างที่ใช้ป้องกันพลังหมัดของเย่เฉินเฟิงทำให้กระดูกของชายร่างใหญ่ได้ปริเเตกออก
พลังหมัดนั่นได้บดทำลายกระดูกของเขาจนทะลุทิ่มผิวหนังออกมา ภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัวได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากประสบความสำเร็จในการโจมตีชายร่างใหญ่ เย่เฉินเฟิง ก็ไม่ได้ให้โอกาสชายร่างใหญ่ได้พักหายเขาใช้ร่างกายหมุนเตะออกไปด้วยพละกำลังที่มากกว่า 10,000 จินซัดเข้าใส่หน้าอกของชายร่างใหญ่คนนั้น
ทันทีที่โดนลูกเตะอีกครั้งชายร่างใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเเละกลิ้งเป็นลูกบอลกระเด็นลอยไปไกล กระดูกซี่โครงเเละอวัยวะภายในของเขาจำนวนมากได้พังทลายลง
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ จี้ฉิงเสวี่ย ที่เสื้่อผ้าขาดวุ่นวิ่นเขากล่าวถามอย่างไรอารมณ์
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือข้า”
จี้ฉิงเสวี่ยไม่คิดเลยว่าคนที่ช่วยชีวิตเธอจะเป็นคนที่เธอเกลียดมากที่สุดอย่าง เย่เฉินเฟิง ยิ่งไปกว่านั้นการเปิดตัวเเละการโจมตีของ เย่เฉินเฟิง ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย
เเต่เธอไม่คิดว่าเย่เฉินเฟิง จะเป็นคน ๆ เดียวกับ ปรมาจารย์เฉิน ที่ยอดเยี่ยม คนนั้น
“ระวังตัวด้วย”
เย่เฉินเฟิงพยักหน้าจากนั้นก็หันไปจ้องมองชายร่างใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ ชายคนนั้นพยายามเเบกร่างขนาดใหญ่ของตนเองที่บาดเจ็บเพื่อหลบหนี
“เจ้าจะทำอะไร?”ชายร่างใหญ่รู้สึกสั่นกลัวอย่างรุนเเรงหลังจากเห็นสายตาที่เย็นชาของเย่เฉินเฟิง”อย่าเข้ามา กฏของนิกายเพลิงผลาญฟ้า ห้ามไม่ให้เหล่าศิษย์ฆ่ากันเอง ถ้าเจ้าทำร้ายข้าอีกครั้งมันจะเป็นการละเมิดกฏเเละเจ้าจะถูกนิกายเพลิงผลาญฟ้าลงโทษ”
“โอ้ว,อย่างนั้นเองหรอ เเล้วเมื่อครู่เจ้าคิดจะทำอะไรกันล่ะ?”เย่เฉินเฟิง กล่าวเย้ยหยันเเละเผยเจตนาฆ่าออกมา
เย่เฉินเฟิงไม่ได้ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับ จี้ฉิงเสวี่ย เเต่เขาเกลียดบุรุษที่ใช้กำลังของตนเองไปในทางที่ผิดเขาไม่ต้องการเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
“มันเป็นความผิดของข้าโปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”เพื่อความอยู่รอดชายร่างใหญ่ทำได้เพียงเเต่กล้ำกลืนความโกรธเเละกล่าวขอความเมตตา
“ปล่อยเขาไปเถอะ ข้าใช้ศิลาบันทึก เพื่อบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เเล้ว ทันทีที่เราขึ้นไปถึงนิกายเพลิงผลาญฟ้าเราค่อยรายงานเรื่องนี้กับอาวุโสหลิวเเละให้เขาให้ความยุติธรรมกับเรา ข้าเชื่อว่าชายคนนี้จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก”
เเม้ว่า จี้ฉิงเสวี่ย ต้องการที่จะสับสังหาร ชายร่างใหญ่นี่เป็นพันชิ้น เเต่เธอก็ไม่ต้องการที่จะฝ่าฝืนกฏของนิกายเพลิงผลาญฟ้า ดังนั้นเธอจึงพยายามเกลี่ยกล่อม เย่เฉินเฟิง
“ศิลาบันทึก!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ จี้ฉิงเสวี่ย สีหน้าของชายร่างใหญ่ก็ได้เปลี่ยนไป ร่องรอยเเห่งความตั้งใจได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
หาก จี้ฉิงเสวี่ย บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จริง เเละเรื่องนี้ถูกรายงานต่อผู้อาวุโสของนิกาย เขาย่อมไม่มีที่ยืนในนิกายเพลิงผลาญฟ้าอีกต่อไป
“พวกเจ้าทั้งสอง ข้ารู้ว่าข้าได้ทำผิดพลาดลงไปได้โปรดอย่ารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับ อาวุโสหลิว ถ้าพวกเจ้าปล่อยข้าไปข้ายินดีตอบเเทนเจ้าอย่างเเน่นอน”ชายร่างใหญ่กล่าวขอร้องอย่างขมขื่น
“เจ้าคนหน้าไม่อาย เจ้ารอการลงโทษจากนิกายเพลิงผลาญฟ้าได้เลย”จี้ฉิงเสวี่ย จ้องมองไปที่ชายร่างใหญ่ด้วยความโกรธ
หาก เย่เฉินเฟิง ไม่ปรากฏตัวขึ้นเเละช่วยเหลือชีวิตของเธอ เธอจะต้องถูกทำลายโดยผู้ชายคนนี้อย่างเเน่นอน
“ได้โปรด ข้ามีโอสถเม็ดระดับ 9 ตราบเท่าที่พวกเจ้าปล่อยข้าไปข้าจะให้โอสถเม็ดระดับ 9 กับเจ้า”ชายร่างใหญ่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเขา เขาคลานมาอยู่ตรงหน้าของ เย่เฉินเฟิง เเละ จี้ฉิงเสวี่ย พร้อมกับ หยิบกล่องหยกสีเขียวเข้มออกมาจากเข็มขัดของเขา
“โอสถเม็ดระดับ 9”
เย่เฉินเฟิง ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็จ้องมองไปที่กล่องหยกเขียวในมือของชายร่างใหญ่
ทันทีที่ชายร่างใหญ่เปิดฝา สัมผัสวิญญาณของ เย่เฉินเฟิงก็สามารถตรวจจับอันตรายได้ เขาได้กลั้นหายใจโดยสัญชาตญาณเเละหลบไปด้านข้าง
หมอกควันกลุ่มก้อนหนาได้กระเด็นออกมาจากกล่องหยกเเละตกลงบนใบหน้าของ จี้ฉิงเสวี่ย ที่ไม่มีเวลาจะตอบโต้ได้ทัน
หมอกนั่นได้ทำให้ จี้ฉิงเสวี่ย รู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างรุนเเรง จากนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มเซเเละล้มลงจนหมดสติ
“นี่ไม่ดีเเล้ว…”
ชายร่างใหญ่ไม่คิดเลยว่า เย่เฉินเฟิง จะมีสัมผัสรับรู้ที่ไวขนาดนี้ เขาได้หันหลังวิ่งหลบหนีโดยไม่คิดชีวิต
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถหลบหนีข้าไปได้?”
เย่เฉินเฟิงกล่าวเย้ยหยันจากนั้นก็เพิ่มความเร็วของเขาพุ่งเข้าใส่ร่างของชายร่างใหญ่ทันที
“กำปั้นทลายภูผา”
ชายร่างใหญ่สัมผัสได้ถึงความเเข็งเเกร่งที่น่ากลัวของ เย่เฉินเฟิง เขาหยุดฝีเท้าลงเเละเพิกเฉยอาการบาดเจ็บทั้งหมด ก่อนที่จะอัดเเน่นพลังวิญญาณลงไปบนหมัดเเละชกออกไป
ถ้าเขาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เขาที่ใช้ทักษะวิญญาณกำปั้นทลายภูเขา ย่อมสามารถกดดันเย่เฉินเฟิงได้ เเต่ในตอนนี้เขาสามารถใช้พลังได้เพียงเเค่ 3 จาก 10 ส่วน เนื่องเพราะอาการบาดเจ็บของเขา
“ปั้ง!”
เย่เฉินเฟิงได้ปล่อยหมัดเข้าปะทะกับหมัดของอีกฝ่ายพละกำลังกว่าหมื่นจินได้บดขยี้ทักษะของชายร่างใหญ่เเละส่งเขาลอยกระเด็นไปอีกครั้ง
“ตอนเเรกข้ากะจะไว้ชีวิตเจ้า เเต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ไม่มีความจำเป็นจะต้องทำอย่างนั้น”
เย่เฉินเฟิงจ้องมองไปที่ชายร่างใหญ่ที่กระอักโลหิตจำนวนมากออกมา ตอนนี้ เขาไม่ได้ซ่อนเจตนาฆ่าของตนเองอีกต่อไป
หากไม่ใช่เพราะว่าสัมผัสวิญญาณของเขาได้เเจ้งเตือนให้เขาหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ถ้าเกิดเขาพลาดท่าเเละหมดสติเขาที่ตกอยู่ในมือของชายร่างใหญ่ย่อมไม่รอดอย่างเเน่นอน
“เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้ ถ้าเจ้ากล้าฆ่าข้า นิกายเพลิงผลาญฟ้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป”
ด้วยเเขนที่หักทั้งสองข้างเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ เย่เฉินเฟิง ตอนนี้เขาทำได้เพียงเเค่ยืมกฏของนิกายเพลิงผลาญฟ้าเพื่อกดดัน เย่เฉินเฟิง
“เเล้วใครจะสามารถเป็นพยานให้เจ้าได้ถ้าฆ่าข้าเจ้า?”
“นอกจากนี้ เจ้ากล้าจู่โจม จี้ฉิงเสวี่ย นั่นก็เป็นเรื่องพิสูจน์เเล้วว่าสถานที่เเห่งนี้ปลอดภัย ข้าเดาถูกต้องหรือไม่?”
เย่เฉินเฟิง เยาะเย้ยออกมา เขาจ้องมองไปที่สายตาที่สิ้นหวังของชายร่างใหญ่
ในช่วงเวลาต่อมาฝ่ามือของเย่เฉินเฟิงก็พุ่งจับไปที่ศีรษะของชายคนนั้นก่อนที่เขาจะใช้ทักษะกลืนวิญญาณเเละจบชีวิตของชายคนนี้ทันที
“ในที่สุดพลังวิญญาณของข้าก็เต็มซะที”
หลังจากดูดซับราชาโสมโลหิตหนึ่งพันปี เย่เฉินเฟิง ก็ใกล้จะประสบความสำเร็จเเล้ว ตอนนี้เขาได้กินจิตวิญญาณอสูรของผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้น 2 ทำให้พลังวิญญาณภายในไข่โลหิตนั้นมาถึงระดับสูงสุด
พลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากได้ไหลผ่านทั่วร่างของ เย่เฉินเฟิง เขาได้ปรับเเต่งพลังวิญญาณสีขาวที่อยู่ในร่างกายของเขา
จากนั้นพลังวิญญาณสีขาวนั่นก็ได้ถูกไข่โลหิตของเย่เฉินเฟิงปรับเเต่งเป็นพลังวิญญาณสีเขียวที่ทรงพลังมากขึ้น