“เย่เฉินเฟิง,เจียงชานซุ่ย อยู่ไหนเเล้ว เจ้าปล่อยเขาไปจริง ๆ งั้นเหรอ?”
เมื่อเห็น เย่เฉินเฟิง เดินจากไปเเละไม่กลับมาพร้อม เจียงชานซุ่ย ไป๋ซือหยา ก็ตะโกนขึ้นถามเขาอย่างกังวล
“เจียงชานซุ่ยตายเเล้ว”เย่เฉินเฟิง พูดด้วยน้ำเสียงต่ำ ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ ไป๋ซือหยา
เเม้เขาจะมอบความตายให้กับ เจียงชานซุ่ย เเต่เขาก็ยังไม่สามารถทำใจยอมรับได้
เพราะว่า เจียงชานซุ่ย ได้มาที่เมืองจักรพรรดิขาวเเห่งนี้ การที่ เจียงชานซุ่ยหายตัวไป จะต้องกระตุ้นความสนใจของตระกู,เจียงอย่างเเน่นอน เมื่อถึงถึงการคุกคามจากตระกูลอันดับหนึ่งในอาณาจักรซือจิน เเห่งนี้ เย่เฉินเฟิง ก็รู้สึกลำบากใจ
อย่างไรก็ตามหาก เย่เฉินเฟิง กลายเป็นศิษย์ของนิกายผลาญฟ้า เเม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผยออกไป ตระกูลเจียง ย่อมไม่กล้าที่จะเเก้เเค้นเขา
“ในที่สุดไอ้สารเลวนั่นก็ตกตาย”
“เฉินเฟิงข้าขอบคุณเจ้าที่ช่วยเหลือข้าอีกครั้ง”ไป๋ซือหยา ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เเละ จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ตอนนี้ในสายตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
หลังจากได้เห็นพละกำลังอันเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง ก็ทำให้ ไป๋ซือหยา มั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่า ปรมาจารย์เฉิน ก็คือ เย่เฉินเฟิง เเละ คนที่ช่วยเหลือชีวิตเธอเเละจี้ฉิงเสวี่ย จากเงื้อมมือมารเมื่อคืนที่ผ่านมาก็คือ เย่เฉินเฟิง
“ซือหยา เเม้ว่า เจียงชานซุ่ย จะสมควรตายก็จริง เเต่ถ้าตระกูล เจียงรู้ว่า พวกเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเขา ข้ากลัวว่าตระกูลไป๋ของเจ้าจะได้รับความเดือดร้อนจากการเเก้เเค้นของพวกตระกูลเจียง”เย่เฉินเฟิงกล่าวพูดอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องห่วงนายน้อยเย่,ท่านเจ้าเมืองไป๋ของข้าจะดูเเลต่อเรื่องต่อจากนี้เอง พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อซ่อนความจริงที่ว่า เจียงชานซุ่ย ได้ตกตายที่เมืองจักรพรรดิขาวเเห่งนี้”
“เช่นนั้นก็ดี”เย่เฉินเฟิงพยักหน้าตอบรับ
สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็คือตระกูลไป๋จะถูกตระกูลเจียงเเก้เเค้น เพราะด้วยความเเข็งเเกร่งเพียงลำพังของเขา เย่เฉินเฟิงสามารถหลบหนีการตามล่าจากผู้เชี่ยวชาญตระกูลเจียงได้
“เฉินเฟิง,ข้าต้องการพูดคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่?”ไป๋ซือหยา จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละ กล่าวถามเบา ๆ
“ไว้ข้าจัดการเรื่องตรงนี้เสร็จพวกเราไปข้างนอกเเละค่อยพูดคุยกัน”เย่เฉินเฟิง คาดเดาเจตนาของ ไป๋ซือหยาออก ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเเละตอบตกลง
“นายน้อยเย่ เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง ข้ามีความสามารถในการทำลายหลักฐานเเละซ่อนศพ ข้าจะจัดการที่เหลือเอง ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ท่านเเละคุณหนูเชิญไปสนทนากันด้านนู้นเถอะ”ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลไป๋ให้สัญญาว่าจะจัดการที่เหลือต่อเอง หลังจากทานโอสถรักษาร่างกายของเขาก็เริ่มมีเเรงกลับมามากขึ้น
“งั้นก็ได้เช่นนั้นข้าขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
จากนั้นเย่เฉินเฟิงจึงกลับไปที่ห้องของตนเองเเละเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องเเละพบหน้ากับ ไป๋ซือหยา
จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็เดินไปยังพื้นที่ห่างไกลมาก สถานการณ์ต่อสู้ในวันนี้ทำให้ เย่เฉินเฟิงรู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ ดังนั้นหลังจากจบธุระเเล้วเขาตั้งใจจะหาสถานที่สงบเพื่อพักผ่อน
“เฉินเฟิง เป็นเจ้าที่เเกล้งเป็นปรมาจารย์เฉินเพื่อช่วยเหลือท่านปู่ของข้าใช่หรือไม่?”ขณะที่เดินไปตามถนน ไป๋ซือหยา ก็กล่าวถามเย่เฉินเฟิง
ใบหน้าของไป๋ซือหยา เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อจ้องมองรูปลักษณ์ของ เย่เฉินเฟิง เธอต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากปากของเขา
“อืมเป็นข้าเอง”เย่เฉินเฟิง พยักหน้าเเละไม่ได้พยายามซ่อนมันอีกต่อไป
เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะไม่สามารถปกปิดมันได้อีกเเล้ว
“เเล้วคนที่ช่วยเหลือ ฉิงเสวี่ย กับ ข้าเมื่อคืนก็เป็นเจ้าเช่นเดียวกัน?”ไป๋ซือหยา กล่าวถามอีกครั้ง
“ถูกต้องเป็นข้าเองที่ช่วยชีวิตพวกเจ้าเมื่อคืน”
“เเล้วทำไมเจ้าถึงไม่ยอมรับออกมาตอนที่ข้ากล่าวถามเจ้าครั้งเเรก อีกอย่างมีเหตุผลอะไรที่เจ้าจะต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเจ้าด้วย”เธอกล่าวถามคำถามที่ค้างคาใจมาโดยตลอด
“ถ้าฉิงเสวี่ย รู้ว่าคนที่ช่วยเหลือเธอเมื่อคืนคือเจ้า เธอจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเจ้าอย่างเเน่นอน นอกจากนี้ เจ้าที่มีความสามารถที่สามารถรักษาปู่ของข้าได้ ข้าคิดว่า ตระกูลจี้ จะต้องเห็นด้วยกับการเเต่งงานของพวกเจ้า”
“เจ้าอยากจะฟังความจริงหรือไม่?”เย่เฉินเฟิง กล่าวไตร่ตรองชั่วครู่
“อืม,ข้าอยากได้ยินความจริงจากปากของเจ้า”ไป๋ซือหยา พยักหน้าเพื่่อพูด
“เอาล่ะเช่นนั้นข้าจะบอกความจริงต่อเจ้า เเต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับเเละไม่เปิดเผยให้คนอื่นฟัง”เย่เฉินเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก เเละ กล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้าสาบานถ้าหากข้าเเพร่งพรายความลับของเจ้าขอให้ทันฑ์สวรรค์ผ่าข้าตาย”เธอกล่าวสาบานออกมาอย่างรวดเร็ว
“ที่จริงเเล้วเหตุผลที่ข้าเลือกที่จะปิดบังซ่อนความจริงทั้งหมดเอาไว้ก็เพราะ จี้ฉิงเสวี่ย”
“ซ่อนจาก ฉิงเสวี่ย ? เพราะอะไรกัน ไม่ใช่ว่าเจ้าคือคู่หมั้นของเธอ”ไป๋ซือหยา กล่าวถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ ความกระหายอยากรู้ของเธอรุนเเรงขึ้นเรื่อย ๆ
“คู่หมั้น ?”เย่เฉินเฟิงหัวเราะเยาะกับตัวเองเเละพูดว่า”นั่นเป็นเพียงเเค่ฉากหน้าที่ทำให้คนนอกมองเห็นความสัมพันธ์ของเรา เเท้จริงเเล้วมันเป็นเพียงเเค่ข้อตกลงทางการค้าเพียงเท่านั้น”
เย่เฉินเฟิงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ไป๋ซือหยาฟัง
“เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เองทำไมเธอถึงทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้?เธอไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าเเละใช้เจ้าเป็นเกราะป้องกันทั้งที่รู้ว่าเรื่องนี้อันตรายมากเเค่ไหน”
เมื่อไป๋ซือหยาค้นพบความจริง เธอรู้สึกไม่พอใจต่อเพื่อนสนิทของเธอ ฉิงเสวี่ย เเม้เเต่น้อย เธอเข้าใจเหตุผลเเล้วว่าทำไม เฉินเฟิง ถึงต้องการปกปิดความลับของเขาให้ห่างจาก จี้ฉิงเสวี่ย
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากความโกรธ ไป๋ซือหยา ก็เเอบดีใจเล็กน้อย สายตาที่เธอมองเย่เฉินเฟิงกลายเป็นอ่อนโยนมากขึ้น
“ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ”
เย่เฉินเฟิงที่รับรู้ได้ถึงสายตาบางอย่างจาก ไป๋ซือหยา เขาได้กล่าวพูดออกมา ด้วยทักษะการฝึกฝนของเขา ในอนาคตเขาจะสามารถเเข็งเเกร่งขึ้นได้มากกว่านี้ เกี่ยวกับสัมพันธ์รักใคร่ในตอนนี้เขายังไม่คิดที่จะต้องการมัน
“เฉินเฟิง ทางที่ดีเจ้าอย่าได้อยู่ในสถานที่เเห่งนี้ต่อไปเลย ถ้าเจ้าไม่รังเกียจเจ้าสามารถอาศัยอยู่ที่บ้านของข้าได้ ที่บ้านของข้ามีพื้นที่เหลือเฟือมากมาย”ไป๋ซือหยา กล่าวเชิญ
“ขอบคุณ เเต่ข้าจะเข้าสู่เทือกเขาเมฆขาว เเละ ทำการฝึกฝนต่อ เพื่อเตรียมรับมือกับการทดสอบปลายปีของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวที่เหลืออีกหนึ่งเดือนนับจากนี้”เย่เฉินเฟิง สั่นศีรษะเเละกล่าวปฏิเสธความหวังดีจากไป๋ซือหยา
“เอาล่ะถ้าเจ้าต้องการอะไรเจ้าสามารถมองหาข้าได้ข้าจะสนับสนุนเจ้าอย่างเต็มที่”ไป๋ซือหยากล่าวออกมาเธอพูดด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
“อืม”เย่เฉินเฟิงพยักหน้าเเละตอบตกลง
เมื่อพวกเขาทั้งสองกลับไปที่ลานดินบ้านของเย่เฉินเฟิง ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลไป๋ก็ได้เก็บกวาดเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเเม้เเต่รอยเลือดบนดินก็ถูกเช็ดออกพื้นกำเเพงที่พังทลายก็ได้รับการซ่อมเเซม ศพของ เจียงชานซุ่ย เเละ คนอื่น ๆ ก็ได้ถูกฟังโดยเขาคนนั้น
ไม่มีร่องรอยใด ๆ ที่สามารถบ่งบอกได้ว่าลานดินเเห่งนี้เคยเกิดการต่อสู้ขึ้นมาก่อนทุกสิ่งทุกอย่างได้หายไปอย่างสมบูรณ์
ในขณะที่เขาจ้องมองดูที่ลานบ้านตัวเอง เย่เฉินเฟิง ก็รู้สึกพึงพอใจมาก เเม้จะเป็นเขาก็ทำไม่ได้แบบนี้เเน่ ๆ
“คุณหนู พวกเราต้องรีบกลับกันเเล้ว เรื่องนี้จะต้องรีบเเจ้งต่อท่านเจ้าเมืองเเละอาวุโสไป๋โดยเร็วที่สุดเพื่อให้พวกเขาเตรียมรับมือกับการตอบโต้ของตระกูลเจียง”เมื่อผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลไป๋เห็นทั้งสองคนกลับมา เขาก็กล่าวกระตุ้นพวกเขา
“เฉินเฟิง พวกเราเเยกกันตรงนี้เถอะ ดูเเลตัวเองด้วย หากเจ้าต้องการอะไรเจ้าสามารถมองหาข้าได้”ไป๋ซือหยากล่าวพูดเตือนเย่เฉินเฟิงอีกครั้ง
หลังจากที่ทั้งสองคนเเยกจากกัน เย่เฉินเฟิง ก็ได้รีบเก็บของใส่กระเป๋าของเขาเเละออกจากลานบ้านดินที่เป็นที่เช่า จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าสู่เทือกเขาเมฆเขา เพื่อเตรียมที่จะปรับเเต่งพลังวิญญาณณที่บริสุทธิ์ภายในร่างกายของเขาเเละทะลวงขอบเขตกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับเบื้องต้นขั้น 6